"รมช.อิทธิ" เปิดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ หนุนขยายศักยภาพผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวนาแปลงใหญ่ ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ สร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถแข่งขัน

นายอิทธิ ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานพิธีเปิดงานถ่ายทอดเทคโนโลยี (Field day) เพื่อขยายศักยภาพการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและข้าวคุณภาพดี ภายใต้โครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ ปี 2568 โดยมี นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายภูผา ลิกค์ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายณัฏฐกิตติ์ ของทิพย์ อธิบดีกรมการข้าว นางสาวฉัตรประอร นิยม รองผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นางสาวอิงอร ปัญญากิจ ผู้ตรวจราชการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าส่วนราชการในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ โรงเรียนสุเหร่าปากคลองยี่สิบ อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา ว่า การจัดงานวันถ่ายทอดเทคโนโลยีฯ ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรในการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวและข้าวคุณภาพดี โดยมุ่งเน้นการส่งเสริมองค์ความรู้ด้านการใช้เทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนการผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวอย่างถูกต้อง เหมาะสม ให้พี่น้องเกษตรกรสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการผลิตข้าวคุณภาพในพื้นที่ของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อสนับสนุนโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ โดยเน้นรวมกลุ่มเกษตรกร เพื่อให้เกิดพลังในการบริหารจัดการ การลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มประสิทธิภาพ และการยกระดับคุณภาพผลผลิตข้าวให้ตรงตามความต้องการของตลาด ซึ่งจะนำไปสู่รายได้และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของเกษตรกรอย่างยั่งยืน

รมช.อิทธิ กล่าวว่า จังหวัดฉะเชิงเทราเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพในการผลิตข้าวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ แต่เกษตรกรส่วนใหญ่ยังคงทำการผลิตแบบรายย่อย ทำให้ประสบปัญหาด้านต้นทุนการผลิตที่สูง การจัดการผลผลิตที่ไม่เป็นระบบ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าวจึงเห็นถึงความสำคัญของการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตลอดห่วงโซ่อุปทาน ซึ่งโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ มีเป้าหมายหลักคือ ส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยรวมกลุ่มกันบริหารจัดการพื้นที่ให้เกิดการลดต้นทุนการผลิต ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนการผลิตและการตลาดร่วมกัน เพื่อให้ผลิตข้าวที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน และมีอำนาจการต่อรองทางการตลาดที่สูงขึ้นควบคู่ไปกับการดำเนินงานโครงการนาแปลงใหญ่ นอกจากนี้ ยังได้ให้ความสำคัญกับการจัดตั้งและพัฒนาศูนย์ข้าวชุมชนในพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อเป็นศูนย์กลางในการเรียนรู้ ถ่ายทอดเทคโนโลยีและองค์ความรู้ด้านการผลิตข้าว การแปรรูป และการตลาด รวมถึงเป็นแหล่งผลิตและกระจายเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้แก่สมาชิกและเกษตรกรในชุมชน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชนชาวนาในระยะยาวอีกด้วย

รมช.อิทธิ ยังระบุด้วยว่า ผลการดำเนินงานที่สำคัญของโครงการระบบส่งเสริมเกษตรแบบแปลงใหญ่ที่ผ่านมา ในจังหวัดฉะเชิงเทรา มีการรวมกลุ่มเกษตรกรนาแปลงใหญ่ข้าวจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 17 กลุ่ม สมาชิกจำนวน 910 ราย พื้นที่ 18,469 ไร่ มีการรวมกลุ่มของโครงการศูนย์ข้าวชุมชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 56 กลุ่ม สมาชิกจำนวน 1,711 ราย พื้นที่ 36,293 ไร่ เกษตรกรได้รับการสนับสนุนด้านองค์ความรู้ เทคโนโลยีการผลิตข้าวที่เหมาะสม และการบริหารจัดการกลุ่ม มีการส่งเสริมการใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตรและปัจจัยการผลิตร่วมกัน ทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงเฉลี่ย 400 บาท/ไร่ ผลผลิตข้าวมีคุณภาพและได้มาตรฐานตรงตามความต้องการของตลาดมากขึ้น

“การจัดงานในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนและพัฒนาภาคการเกษตรของจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยกระดับศักยภาพของพี่น้องเกษตรกรชาวนาให้มีความรู้ และสามารถนำเทคโนโลยีการผลิตข้าวที่ทันสมัยไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเอง
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่การเลือกใช้พันธุ์ข้าวที่เหมาะสม การจัดการดินและน้ำ การป้องกันกำจัดศัตรูพืชและโรค ไปจนถึงการเชื่อมโยงกับการตลาด อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องมีการพัฒนาและต่อยอดอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายอย่างยั่งยืน โดยกระทรวงเกษตรฯ กรมการข้าวพร้อมให้การสนับสนุนในการจัดหาปัจจัยการผลิต เทคโนโลยีสมัยใหม่ด้านการผลิตข้าว และส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรในจังหวัดฉะเชิงเทราอย่างเต็มที่ พร้อมแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้มีความมั่นคงและยั่งยืนต่อไป“ รัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ กล่าวปิดท้าย

โอกาสนี้ รมช.อิทธิ และคณะ ได้มอบปัจจัยการผลิต อาทิ เมล็ดพันธุ์ข้าว สารชีวภัณฑ์ เครื่องจักรกลทางการเกษตร โดรนสำรวจ เครื่องวัดพีเอชในดิน ให้กับประธานศูนย์ข้าวชุมชน จากนั้นได้เยี่ยมชมนิทรรศการจากหน่วยงานต่างๆ และชมการสาธิตการปลูกข้าว แปลงเรียนรู้การผลิตข้าวพันธุ์ ปทุมธานี 1 โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ภายใต้โครงการส่งเสริมเกษตรแปลงใหญ่