"เพื่อไทย" แจงไม่ได้ทาบ "ประชาธิปัตย์ -พรรค2ลุง" คาดสัปดาห์นี้จบ มั่นใจได้ 375 เสียง

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวหลังแถลงจับมือกับ 6 พรรค ถึงความชัดเจนในการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ที่ประกาศว่า ขณะนี้ได้เกินกึ่งหนึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยย้ำว่า การได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของสภานั้นเป็นข้อเท็จจริง ก่อนจะบอกตัวเลขว่าอยู่ที่ 238 ซึ่งระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวได้แย้งว่า ตัวเลขอยู่ 228 หากไม่รวมพรรคชาติไทยพัฒนา จากนั้นนายแพทย์ชลน่าน จึงพูดติดตลกว่า บังเอิญบวกล่วงหน้าไปนิด พร้อมย้ำแนวทางของพรรคเพื่อไทย จะเดินหน้าหาเสียงสนับสนุน และบอกกับประชาชนโดยเร็ว โดยวันพรุ่งนี้ 10 ส.ค.ก็จะแถลงเปิดตัวพรรคร่วมรัฐบาลอีก และคาดว่าสัปดาห์นี้จะจบทั้งหมด

ส่วนเรื่องการรวบรวมเสียง เราต้องขอความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย ต้องมีการประสานและพูดคุย ว่า เอกสิทธิ์ของท่าน ถ้าเป็นประโยชน์กับประเทศชาติ บ้านเมือง เป็นการสลายขั้ว แก้วิกฤตได้เราก็ยินดี นี่คือแนวทางที่เราวางไว้

จากนั้น นายภูมิธรรม ได้กล่าวเสริมประเด็นนี้ว่า วันนี้เราเอาวาระประเทศ และวาระประชาชนเป็นที่ตั้ง ขณะนี้เราเริ่มกระบวนการดึงพรรคต่างๆมาพูดคุยแล้ว และช่วงบ่ายวันนี้เราจะได้หารือกับพรรคก้าวไกล รวมถึงพรุ่งนี้จะหารือกับชาติไทยพัฒนาและมีอีกหลายๆพรรค

"ท่านคอยบวกเลขแล้วกัน ตอนนี้ผมจำไม่ค่อยได้แล้ว และยืนยันว่าเรามีความชอบธรรม สามารถรวมเสียงได้เกินกึ่งหนึ่งแล้ว พยายามทำให้ทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกกลุ่ม ทุกคน เพราะเคยบอกแล้วว่ารัฐบาลนี้ คือรัฐบาลพิเศษ เพื่อแก้วิกฤตทั้ง 3 ด้าน ทั้งวิกฤตรัฐธรรมนูญ ปัญหาประชาชนและปากท้อง รวมถึงความขัดแย้ง จะเริ่มนับหนึ่งใหม่หลังจากเราขัดแย้ง แบ่งกลุ่มแบ่งฝ่ายมาเกือบ 20 ปี ถ้ามาร่วมเป็นคน ก็ถือเป็นคำร้องขอจากเรา ไม่ใช่งูเห่า แต่ถ้าเป็นพรรค เป็นกลุ่มบุคคล ก็ไม่ใช่การทำลายกระบวนการต่างๆที่เคยมีมา เรื่องไหนที่บาดหมางใจกัน หรือมีความขัดแย้งกัน ถ้ายึดประโยชน์ประเทศ เรื่องนั้นก็เป็นเรื่องเล็กน้อย อะไรที่พรรคเพื่อไทยหรือพรรคร่วมรัฐบาลกระทบกระทั่งกันหรือมีความรู้สึกไม่สบายใจต่อกัน ถือเป็นเรื่องเล็ก สำหรับพรรคเพื่อไทย เรายินดีที่จะขอโทษกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น หากมันเป็นปัญหา แต่เราอยากได้ความร่วมมือเพื่อให้ประเทศพ้นวิกฤต" นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่ามีโอกาสที่สส.พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ มีโอกาสจะมาร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เราแสวงหาความร่วมมือจากทุกพรรค ทุกฝ่าย ทั้งในแง่ขององค์กรและตัวบุคคล เพราะการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเอกสิทธิ์ที่ทุกคนสามารถตัดสินใจได้ ส่วนการร่วมรัฐบาลนั้น ขณะนี้ทั้ง 3 พรรคยังไม่มีการดำเนินการพูดคุยใดๆ

เมื่อถามว่าการเชิญพรรคก้าวไกลมาโหวตให้ จะทำให้สว.ไม่พอใจหรือไม่ นายชลน่าน กล่าวว่า เรายอมรับว่ามีข้อจำกัดในการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ส่วนการจะมาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย เรายินดีอย่างยิ่ง หากพรรคก้าวไกลจะโหวตให้ เพื่อเป็นประโยชน์กับบ้านเมือง ส่วนการทำงานร่วมกันเราได้แถลงไปแล้วว่าวันนี้เป็นการเมืองมิติใหม่ เช่นการแก้ไขกฎหมาย

"แนวทางที่เราทำจะไม่เป็นเงื่อนไขให้ สว.มีข้อกังวล เพราะเราไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคก้าวไกล ถ้ามาทำงานร่วมกันก็ต่างคนต่างสถานะ คือฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้าน มันมีความชัดเจนอยู่ตรงนั้น ขณะที่ประเด็นมาตรา 112 เราก็แสดงจุดยืนชัดเจนว่า ไม่มีอยู่ในแนวทางที่เราจะดำเนินการ เชื่อว่า สว.จะไว้ใจและให้เสียงสนับสนุนเราได้" นพ.ชลน่าน กล่าว

เมื่อถามว่า สส.พรรคเพื่อไทยบางส่วน ไม่พอใจกับแนวทางที่พรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เมื่อวานได้มีการประชุมพรรค และให้ สส.เปิดใจพูดคุยกันอย่างเต็มที่ เท่าที่ฟังยังไม่มีสมาชิก หรือ สส.คนใด ไม่เห็นด้วย ส่วนเรื่องรัฐบาลข้ามขั้วนั้น มีเพียงแค่ความห่วงใยจากสมาชิก เพราะกังวลเรื่องผลกระทบในพื้นที่

"ไม่มีถึงขั้นขั้นจะย้ายออกจากพรรค ยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยมีเอกภาพ และทุกคนรับกับสภาพที่ตัวเองเป็นอยู่ได้ จากแรงกดดันในพื้นที่ แต่ทุกคนก็มีกำลังใจ พร้อมชี้แจงประชาชนถึงเป้าหมายที่สำคัญ ในการเป็นรัฐบาลของประชาชนในการแก้วิกฤตของประเทศ" นพ.ชลน่าน กล่าว

จากนั้นนายภูมิธรรม กล่าวเสริมเรื่อง สส.พรรคไม่พอใจเรื่องตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว ว่า เรายืนยันได้ว่าไม่มีความไม่พอใจ เมื่อวานนี้สมาชิกสนับสนุนทีมเจรจาให้เดินหน้าไปตามเป้าหมาย ยอมรับบางพื้นที่มีความเจ็บปวด แต่บางพื้นที่มีความเข้าใจ บางพื้นที่สนับสนุน

ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า กรณีนายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ ที่มีกระแสข่าวว่าจะนำ สส.พรรค 24 คน ออกไปแล้ว นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องนายจาตุรนต์ ตนเห็นแต่ในสื่อ ส่วนการพูดคุยกับเราไม่เคยมี และหลังจากประชุมสส.เมื่อวาน ก็ไม่มีใครพูดถึงเรื่องนี้

จากนั้น นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายจาตุรนต์ ได้ร่วมประชุมด้วย และยังสนับสนุนให้เราเดินแนวทางนี้ต่อไป เพื่อให้ตั้งรัฐบาลแก้วิกฤตได้ "ดังนั้นเรื่องกระแสข่าวนายจาตุรนต์ จะขนสส.ออกไปนั้น คงต้องให้นายจาตุรนต์ ตัวเป็นๆ ออกมาตอบ จากนั้นเราถึงจะแก้ไขปัญหา เพราะตอนนี้พรรคเพื่อไทยเรายืนยันว่าไม่มีปัญหานั้น เพราะเมื่อวานที่พูดแสดงความเห็น ก็มีแค่ 1-2 เสียงเท่านั้น

เมื่อถามถึงความชัดเจนในการรวมเสียง เพราะตอนนี้ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งของสภา แม้จะรวมพรรคประชาธิปัตย์มาแล้ว ก็เป็นรัฐบาลที่ทีเสียงปริ่มน้ำ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนนี้เราใช้การมีส่วนร่วมของสมาชิก เพราะไม่สามารถทำในอดีต ที่มีเพียง 2-3 พรรคการเมืองได้ ที่จับมือตั้งรัฐบาลได้เลย จึงอยากให้ประชาชนเข้าใจในส่วนนี้ และขอให้ สส.และ สว.ที่เห็นถึงประโยชน์ของประเทศใช้เอกสิทธิ์ของตัวเองอย่างเต็มที่ เพื่อจะได้มีส่วนร่วมแก้ไขวิกฤตครั้งนี้ และหลายคนมองว่าพรรคโน้นจะมา พรรคนี้จะมา อาจจะไม่ถูกต้อง “เพราะอาจจะมีแค่บางกลุ่มมา บางคนมา หรือมาทั้งหมดเพื่อวาระประเทศ"

เมื่อถามแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ว่ายังเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน หรือไม่ และหากไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร นายแพทย์ชลน่าน กล่าวยืนยัน ว่า ยังเป็นนายเศรษฐา ที่เราจะเสนอชื่อให้รัฐสภาพิจารณา และไม่มีถ้าไม่ผ่าน เพราะเรามั่นใจว่าต้องผ่าน

เมื่อถามอีกว่าหากในการโหวตนายกรัฐมนตรีได้เสียงไม่ถึง 375 เสียงจะทำอย่างไรต่อไป นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เป็นฉากทัศน์ที่ยังไม่เกิด และไม่อยากสมมุติ รวมถึงก่อนถึงวันโหวตเราต้องทำงานให้มั่นใจที่สุด

จากนั้น นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า กรณีนายเศรษฐา เราได้ตรวจสอบทางกฎหมายแล้ว และสิ่งที่ดำเนินการในอดีต ผ่านการคัดสรรจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ไม่มีสิ่งใดที่เป็นปัญหาทางกฎหมาย ดังนั้น จึงไม่มีเหตุเรื่องจริยธรรมด้วย

เมื่อถามถึงพรรคประชาชาติ ว่าจะทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่อย่างไรต่อนโยบายกัญชาเสรี หลังพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรคภูมิใจไทย พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่าวันนี้เป้าหมายสำคัญ คือ การตั้งรัฐบาล ยอมรับมีความเจ็บปวดที่ฝ่ายประชาธิปไตยไม่ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นนั้นสิ่งที่เราจะผลักดันคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ขณะที่นายแพทย์ชลน่าน กล่าวเสริมเรื่องนโยบายกัญชา ว่า เบื้องต้นเรายังไม่ได้ลงลึกถึงนโยบายที่จะทำร่วมกัน แต่เราเคารพจุดยืนของพรรคประชาชาติ เรื่องนโยบายกัญชา และเบื้องต้นที่ไก้พูดคุยกับพรรคภูมิใจไทย บรรยากาศเป็นไปด้วยดี เขาอยู่บนพื้นฐานที่เป็นเหตุเป็นผล เชื่อว่าการทำนโยบายร่วมกัน เรื่องกัญชาจะออกมาในรูปแบบที่เป็นประโยชน์ ไม่มีข้อขัดแย้ง