"ชัยธวัช" ชี้ "ทักษิณ" กลับไทยเป็นเรื่องส่วนตัว เชื่อไม่กระทบจัดตั้งรัฐบาล ตอบไม่ชัดแกนนำบินดีลลับที่ฮ่องกง ย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยหากศาลรธน.มีอำนาจเหนือรัฐสภา ขอรอความชัดเจนประชุม8พรรคร่วม ฉีก MOU หรือไม่ เพราะในทางการเมืองทุกอย่างเป็นไปได้ เผย ยังไม่ได้คุยกับ "เสรีพิศุทธ์" หลังพูดเป็นลบต่อพรรค

วันที่ 26 ก.ค. 2566 นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเตรียมเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 10 สิงหาคมนี้ว่าเรื่องนี้ตนไม่ทราบรายละเอียด ว่ามีกระบวนการเป็นอย่างไร โดยหลักทั่วไปแล้วประชาชนทุกคนมีสิทธิที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ส่วนการกลับมาในช่วงเวลาดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับการตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น นายชัยธวัชมองว่าไม่น่าจะเกี่ยวกัน

ส่วนกระแสข่าวแกนนำคนสำคัญของพรรค ซึ่งเป็นผู้นำทางความคิดของพรรคด้วยก้าวไกล เดินทางไปฮ่องกงเพื่อเข้าพบนายทักษิณ ในวันคล้ายวันเกิดวันนี้ และเตรียมพูดคุยเสนอลดเพดานการแก้ไข ม.112 แบบสุดซอย เพื่อวางแผนว่าในช่วง 4 ปีข้างหน้า พรรคก้าวไกล จะได้เข้าร่วมรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย และทำให้เป็นที่ยอมรับของวุฒิสภานั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่น่าจะใช่

เมื่อถามย้ำว่า คำว่า ไม่น่าจะใช่ของนายชัยธวัชหมายถึงไม่ได้เดินทางไปหรือไม่ทราบข้อมูล นายชัยธวัชกล่าวว่าไม่น่าจะมีการคุยกันตามที่เป็นข่าว

ส่วนการเจรจาถอยเรื่องมาตรา 112 นายชัยธวัชระบุว่าขอให้รอการประชุมที่เป็นทางการจาก 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคเพื่อไทยรับภารกิจไปแล้วว่าหลังจากที่ไปทำงานมาแล้วมีความคืบหน้าอย่างไร มีข้อเสนออะไรบ้างที่เป็นรูปธรรม เรื่องนี้คงต้องรอการนัดประชุมอีกครั้งจากพรรคเพื่อไทย

ส่วนมีความเป็นไปได้ หรือความจำเป็นที่พรรคก้าวไกลต้องคุยกับนายทักษิณหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ตนคิดว่าตอนนี้เราใช้กลไกในการประชุม 8 พรรค และการประชุมร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเป็นหลัก

ส่วนกรณีที่มีการประเมินว่าการที่นายทักษิณจะประกาศกลับบ้านอาจรอให้มีรัฐบาลใหม่ก่อน ดังนั้นเป็นไปได้หรือไม่ที่การตั้งรัฐบาลจะแล้วเสร็จก่อนที่นายทักษิณจะกลับมา นายชัยธวัชกล่าวว่าย้ำว่าตนไม่ทราบเรื่องการกลับบ้านของนายทักษิณจริงๆ ว่าจะมีรายละเอียดหรือจังหวะเวลาอย่างไร

ส่วนกรณีมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญกรณีพรรคก้าวไกลเสนอร่างกฎหมายแก้ไข ยกเลิก ม.112 ล้มล้างการปกครองหรือไม่โดยให้พรรคชี้แจง ภายใน 15 วันและครบกำหนดการวันนี้นั้น นายชัยธวัชกล่าวว่ากำลังให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการ ซึ่งได้ยื่นขอขยายเวลาในการยื่นชี้แจงไปแล้ว ต้องรอดูว่าศาลอนุญาตให้ขยายเวลาไปกี่วัน

ส่วนกังวลใจว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวจะทำให้ไปถึงขั้นยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายชัยธวัชกล่าวว่าคำร้องดังกล่าวร้องให้ยุติการการะทำที่กล่าวหาว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง ยังไม่ไปไกลถึงเรื่องนั้น แต่พรรคก้าวไกลก็ต้องไม่ประมาท โดยประเมินสถานการณ์ไว้ถึงขั้นร้ายแรงที่สุด ซึ่งต้องป้องกันไว้ทุกทาง พร้อมย้ำว่าคำร้องดังกล่าวร้องให้ยุติการกระทำ

ส่วนความคืบหน้ากรณีผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องข้อบังคับที่ 41 นั้น นายชัยธวัช ย้ำว่า ก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับการเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับอำนาจของรัฐสภา และมีอำนาจเหนือรัฐสภา แต่ควรจะใช้ที่ประชุมสภาในการหาทางออก ขณะเดียวกันเห็นด้วยกับการปลดล็อคข้อจำกัดในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะมาจากพรรคใด ไม่อย่างนั้นสภาที่ถือเป็นตัวแทนอำนาจอธิปไตยจะมำอะไรได้หรือไม่ได้ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญทุกอย่าง มันไม่น่าจะใช่ มันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น ทั้งนี้จ้อเสนอเรื่องนี้ของพรรคก้าวไกลคงต้องนำไปหารือกัน

ส่วนจะมีโอกาสที่พรรคก้าวไกลจะพลิกกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่นั้น นายชัยธวัชกล่าวว่าตนคิดว่าทุกอย่างเป็นไปได้หมด แต่สิ่งที่เราอยากผลักดันตอนนี้คือควรมีการปลดล็อคมติ ซึ่งน่าจะขัดต่อรัฐธรรมนูญที่ทำให้การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ หรืออาจเป็นไปได้ แต่ด้วยความยากลำบาก เพราะเรื่องนี้จะเป็นเงื่อนไขที่ไปกดดัน บีบให้การจัดตั้งรัฐบาลของ 8 พรรคการเมือง มีปัญหาได้ ไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตจากพรรคไหนก็ตาม เรื่องนี้คงไม่ใช่เรื่องของแคนดิเดตจากพรรคก้าวไกลพรรคเดียว

ส่วนหากปลดล็อคเรื่องนี้ได้ 8 พรรคจะเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ซ้ำอีกหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ได้คุยกัน เบื้องต้นตอนนี้พรรคก้าวไกลได้ส่งไม้ต่อ ให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการประชุม 8 พรรคร่วมครั้งต่อไปยังไม่ได้รับการประสานจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจเป็นผลสืบเนื่องจากการงดประชุมสภา และพรรคเพื่อไทยอาจต้องการระยะเวลาพอสมควรที่จะนำเสนอ ข้อเสนอต่างๆในที่ประชุม 8 พรรคอีกครั้ง

ส่วนความชัดเจนเรื่อง MOU 8 พรรค ที่มีกระแสข่าวฉีกMOU ออกมาเรื่อยๆนั้น นายชัยธวัช กล่าวเรื่องนี้ต้องรอในที่ประชุม แต่สำหรับพรรคก้าวไกลยังมีจุดยืนชัดเจนว่าพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปตามผลการเลือกตั้ง ส่วนมีความมั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ว่าไม่ถึงขั้นฉีก MOU นายชัยธวัชกล่าวว่า อย่าเพิ่งไปประเมิน แน่นอนว่าในทางการเมืองทุกอย่างเป็นไปได้ แต่ขอให้รอการประชุมดีกว่า ส่วนได้คุยกับพรรคพลังสังคมใหม่ที่ออกมาพูดเรื่องนี้บ้างหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่ายังไม่ได้เจอกัน

ส่วนการช่วยหาเสียงโหวตเพิ่มนั้นพรรคก้าวไกลก็พยายามพูดคุยกับทั้ง สว.และสส. ที่พรรคคุยได้เพื่อหาคะแนนโหวตให้พรรคเพื่อไทย

สำหรับกรณีพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ออกมาแสดงความเห็นค่อนข้างเป็นผลในทางลบกับพรรคนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันและคงต้องเคารพความเห็นของทุกคน

ส่วนสัมพันธ์ก้าวไกล-เพื่อไทย ยังเป็นข้าวต้มมัดหรือไม่ เรื่องนี้ตนคิดว่าสิ่งที่สำคัญคือความคาดหวัง ความต้องการของประชาชนที่อยากเห็นพรรคอันกับ 1 อันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน เพื่อยุติอำนาจเดิม

เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายมองว่า ควรรออีก 10 เดือนเพื่อให้สว.หมดวาระ ในทางปฏิบัติสามารถทำได้หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ในทางปฏิบัติทำได้ แต่อาจจะนานเกินไป อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่า 8 พรรคการเมือง โดยเฉพาะพรรคอันดับหนึ่งและอันดับสองจับมือกันแน่น รัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปได้ยากกว่ารัฐบาลเสียงข้างมาก