นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีนายศรีสุริเยน ศรีกมลภักดี หรือพี่ต้น บอดีการ์ดของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ถูกกระแสวิจารณ์ว่าเคยต้องคดีแอบอ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด อุ้มเจ้าของร้านขายของชำไปรัดทรัพย์ ว่า ได้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ บอดีการ์ดคนดังกล่าวแล้ว จนกว่าจะมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ระหว่างนี้ให้บอดีการ์ดคนอื่นมาปฏิบัติหน้าที่ดูแลนายพิธา
ทั้งนี้ บอดีการ์ดพี่ต้น ตกเป็นกระแสชื่นชมของแฟนคลับนายพิธา ที่คอยทำงานอยู่กับนายพิธา อยู่ตลอด พร้อมส่งกำลังใจให้บอดีการ์ดพี่ต้น ก่อนจะมีการขุดคุ้ยประวัติบอดีการ์ดพี่ต้น จนพบว่า พี่ต้น เคยถูกตำรวจกองปราบปรามจับกุมตัวพร้อมกับพวกรวม 3 คน กรณีอ้างเป็นตำรวจปราบปรามยาเสพติด ใช้ชื่อว่า "ผู้กองต้น" ก่อเหตุอุ้มเหยื่อซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายชองชำไปทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ สร้อยคอทองคำ สร้อยข้อมือทองคำ แหวนทองคำ เงินสด 60,000 บาท รวมทรัพย์สินจำนวน 276,800 บาท ก่อนปล่อยตัวและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินให้อีก โดยหัวหน้าชุดจับกุมในขณะนั้นคือ พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ แกนนำพรรคก้าวไกล
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง8 สอบถามเรื่องนี้กับ พล.ต.ต.ดร.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ อดีตผู้บังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า เมื่อปี 2554 ตนได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้แถลงผลการจับกุมนายต้น พร้อมพวกก่อเหตุอุ้มเหยื่อทำร้ายร่างกายและปล้นทรัพย์ คดีนี้ศาลพิพากษาจำคุกเป็นเวลา12 ปี แต่ได้รับการลดหย่อนโทษและได้รับการปล่อยตัวออกมาเมื่อปี 2560 หลังจจากนั้นมีการเปลี่ยนชื่ออยู่หลายครั้ง และทำงานเป็นพนักงานบริษัทรักษาความปลอดภัย
ในส่วนของการเข้ามาการทำหน้าที่เป็นบอร์ดี้การ์ดของนายพิธา หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขอยืนยันว่าหัวหน้าพรรคไม่ได้รับทราบมาก่อน เนื่องจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเป็นผู้จัดสรรคนมาให้ ตนยังไม่มีโอกาสพบนายต้น อย่างจริงจังมาก่อน เห็นเพียงผ่านตายังเข้าใจว่าเป็นตำรวจมาก่อน เพราะตัดผมเกรียน แต่ไม่ได้มีพฤติกรรมกร่างหรือก้าวร้าว สำหรับการทำงานด้านต่างๆ ในพรรค นายต้นไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตามเรื่องที่เกิดขึ้นยอมรับว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของนายพิธาในระดับหนึ่ง แต่ในมุมของตนและคนในพรรคมองว่า ทุกคนควรได้รับโอกาส เวลานี้
นายต้น ก็ได้รับโทษตามกฎหมายไปแล้ว ควรให้โอกาสเขาในการทำงาน เรื่องของความเท่าเทียมเป็นหนึ่งในนโยบายของพรรค