"สุทิน" เผย "เพื่อไทย" ยกทัพรายงานตัว 22 มิ.ย. ยืนยัน ประธานสภาฯเป็นของ"ก้าวไกล" ระบุเพื่อถอดสลักให้ตั้งรัฐบาลได้ ชี้ ประธานสภาฯ ไม่ใช่ตัวคุมเกมเบ็ดเสร็จต้องถูกตรวจสอบจาก ส.ส.

นายสุทิน คลังแสง  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ว่า ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย ทั้งหมดจะเข้ารายงานตัวต่อสำนักงานเลขาธิการสภาฯ พร้อมกันในวันที่ 22 มิถุนายน ทั้งนี้ตนมองการรับรองผลการเลือกตั้ง ของ คณะกรรมการการเลือกตั้ง​(กกต.) เมื่อ 19 มิถุนายน ถือว่าเป็นผลดีต่อการเดินหน้าของทุกฝ่าย อย่างไรก็ดีการประกาศรับรองส.ส. ทั้ง 500 คนมีความรอบคอบ แม้จะมีข่าวว่ามี ส.ส. 82 คนที่ยังรอตรวจสอบจาก กกต.อีกครั้ง ในส่วนของพรรคเพื่อไทย มี ส.ส.ที่คาดว่าจะถูกตรวจสอบ 20 คน นั้นตนไม่กังวล เพราะเป็นเรื่องร้องเรียนเล็กๆ น้อยๆ เช่น การติดตั้งป้ายหาเสียงใกล้หน่วยเลือกตั้ง  , การติดตั้งป้ายผิดที่ ไม่ใช่เป็นเรื่องทุจริตการเลือกตั้ง  และ ส.ส.ทุกคนที่มีชื่อพร้อมเข้าสู่กะบวนการชี้แจง

 

นายสุทิน กล่าวถึงความชัดเจนต่อการแบ่งโควต้าประธานสภาฯ ว่าเป็นการพูดคุยในระดับว่า ประธานสภาฯ จะเป็นของพรรคก้าวไกล  และตามที่ข่าวระบุว่า พรรคเพื่อไทยยกตำแหน่งประธานสภาฯ​ให้พรรคก้าวไกลนั้น เพราะเพื่อไทยต้องการให้การจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้า  ดังนั้นพรรคเพื่อไทยพร้อมถอดสลักเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลเดินหน้าได้ ไม่ต้องติดขัด ไม่เช่นนั้นจะติดขัดเดินหน้าไปไม่ได้

 

เมื่อถามว่าประเด็นของก้าวไกลต่อความพยายามผลักดันร่างกฎหมายที่สังคมมองว่ามีปัญหา ดังนั้นหากประธานสภาฯ เป็นของก้าวไกลจะทำให้เกิดชนวนวุ่นวายทางการเมืองหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า ประธานสภาฯ ไม่สามารถผลักดันอะไรได้ด้วยตนเอง ทั้งการบรรจุวาระ ต้องคำนึงถึงข้อบังคับและฟังเสียง ของส.ส.  ประธานสภาฯต้องถูกกำกับและถ่วงดุลของส.ส.

 

เมื่อถามย้ำว่าเพื่อไทยมองว่าแม้ยกตำแหน่งประธานสภาฯให้พรรคก้าวไกล ก็ไม่ใช่คนคุมเกมเบ็ดเสร็จหรือไม่ นายสุทิน กล่าวว่า “เรามองอย่างนั้น และยังมองว่าตำแหน่งประธานสภาฯ ไม่สามารถคิดตามใจตนเองได้ ต้องยึดกรอบของข้อบังคับ”

 

เมื่อถามถึงการแบ่งโควต้าของรองประธานสภาฯ นายสุทินว่า เป็นเรื่องที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลต้องคุยกัน ไม่มีพรรคการเมืองอื่น ทั้งนี้ในการคัดเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งของพรรคเพื่อไทย เท่าที่พูดคุยมีตัวเลือกที่มาก ซึ่งไม่ใช่เรื่องยาก ตามกลไกของพรรคจะหาข้อสรุปได้ไม่ยาก

 

"สเป็กของรองประธานสภาฯ ที่พรรคเพื่อไทยจะคัดเลือก เท่าที่คุย คือ ประสบการณ์ ต้องเป็นส.ส.และอยู่ในสภา พอสมควร และมีวุฒิภาวะ เพราะคนที่เป็นประธานรองประธานหากวุฒิภาวะไม่ได้จะยุ่ง ผมมองว่า2ข้อนั้นสำคัญ ส่วนที่มีคนระบุว่าให้คัดเลือกบุคคลที่ได้มาตรฐานอย่างนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภาฯ นั้น ผมมองว่าต้องยึดมาตรฐานดังกล่าว แต่บุคลิกอาจไม่เท่า เพราะคนหนุ่มที่แม่นข้อบังคับสามารถทำได้"

 

เมื่อถามถึงกระแสที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยมีชื่อเป็นแคนดิเดตประธานสภาฯด้วย นายสุทิน กล่าวยอมรับว่า" คิดๆ กันไว้ หากนพ.ชลน่าน ได้เป็นประธานสภาฯ ต้องพิจารณาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพราะต้องเป็นกลาง แต่ไม่เรื่องยาก กลไกของพรรคเพื่อไทยทำได้ และมีตัวเลือกเยอะ"