จะล้มให้ได้! ใช้ภาพ ธนาธร-ช่อ โผล่กินข้าวยุบพรรค "โรม" สวนพี่ศรีมีสะดุ้ง

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย โพสต์ข้อความว่า "“เรื่องนี้ต้องถึง กกต.” อาจเข้าข่ายไปครอบงำ ชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมือง หรือพรรคการเมืองปล่อยให้บุคคลที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคมาครอบงำ ชี้นำได้ อันอาจเป็นการฝ่าฝืน ม.28 ม.29 แห่ง พรป.พรรคการเมือง 2560 เป็นเหตุให้ กกต.สามารถเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคการเมืองทั้ง 6 พรรคที่ร่วมหารือกันตั้งรัฐบาลได้ ตาม ม.92(3) ของกฎหมายข้างต้น"

รายการลุยชนข่าวโทรศัพท์สัมภาษณ์นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล

มีคนตั้งข้อสังเกตว่าคุณธนาธร คุณช่อ ไปร่วมวงกินข้าว มีความพยายามว่าจะจับให้ยุบพรรค?
"ถ้าจะใช้คำว่าครอบงำหรืออะไรต่างๆมันต้องมีรายละเอียดว่ามีพฤติกรรมอย่างไรมีเนื้อหาสาระอย่างไร ที่บอกว่าเข้าครอบงำต้องการทำให้พรรคไปในทิศทางที่เขาต้องการ พูดตรงๆเพียงเพื่อเอาภาพที่เขาไปเจอกันไปกินข้าวกันในระหว่างที่เป็นงานเดียวกันที่มีการพูดคุยกัน เลยมองว่าคุณศรีสุวรรณก็ร้องอย่างนี้อยู่บ่อยครั้ง โดยมีความพยายามเตะตัดขา และเห็นว่ามีหลายๆฝ่ายพยายามเตะตัดขาไม่ให้พรรคก้าวไกลได้จัดตั้งรัฐบาล

ประเด็นเมื่อวานที่เห็นภาพคุณธนาธรคุณช่อไปในฐานะอะไร?
"มองว่าทุกๆคนตรงนั้นเคยร่วมงานกันมา ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรที่จะไป จะเปิดเผยงานเมื่อวานเราไม่ได้ต้องการให้เป็นที่เปิดเผย ซึ่งเป็นการคุยนอกรอบไม่มีอะไร ซึ่งไม่ได้รู้รายละเอียดมาก เชื่อว่าคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่การเมืองทั่วไป ไปจนถึงเรื่องส่วนตัว โดยส่วนตัวคิดว่าเวลาจะร้องควรจะเอาเนื้อหาสาระมาพูดว่ามีพฤติกรรมส่วนไหน ไม่ใช่เห็นเพียงภาพแล้วมาบอกว่าเป็นพฤติกรรมครอบงำ ก็คงจะใส่ร้ายกันจนเกินไป"

จำเป็นต้องบอกคุณธนาธรหรือไม่ ที่ประกบกับคุณพิธา ซึ่งอาจจะมีคนมองได้ว่าคุณธนาธรมีอิทธิพลกับพรรคอยู่?
"พูดตรงๆเป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของเขาว่าเขาจะไปไหน สมมุติว่าเขาจะไปกินข้าวที่ร้านนั้นแล้วทำไมเขาถึงไปไม่ได้ไปเจอไปทักทายได้หรือไม่ไปร่วมโต๊ะได้หรือไม่ คนคิดแต่เรื่องไม่ดีเลยพยายามคิดว่าเราทำนู่นทำนี่ตลอดเวลาแต่ความเป็นจริงไม่ได้มีอะไรเลย เพียงเพื่อไปแสดงความยินดี"

ได้ยินข่าวรายงานมาว่าเหมือนเป็นการไปให้กำลังใจ แต่คุณศรีสุวรรณมองว่าอาจจะเป็นการครอบงำพรรคการเมืองหากจะต้องชี้แจงคุณรังสิมันต์จะบอกได้อย่างไรว่าพฤติกรรมไม่ได้เข้าข่ายเป็นการครอบงำด้วยอะไร?

"ความเป็นจริงภาระพิสูจน์ไม่ได้อยู่ที่พวกผม ภาระพิสูจน์อยู่ที่คุณศรีสุวรรณที่จะบอกว่าครอบงำมีเหตุผลอะไร มีเนื้อหาสาระอะไร โดยพวกผมไม่จำเป็นต้องมานั่งตอบคำถามว่าถูกครอบงำอย่างไร ซึ่งในวันนี้เราก็เห็นชัดว่าคุณพิธา ทำหน้าที่อย่างชัดเจนว่าตัวเองมีเจตจำนงเป็นของตัวเองมีเจตจำนงของพรรคไม่ได้อยู่ภายใต้พรรคใดหรืออะไรของใคร"

แต่วันนั้นเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลเขาไป แล้วคุณธนาธรและคุณชอบไม่ได้มีตำแหน่งแล้ว ไปทำไมในวันที่แถลงข่าวถึงต้องจับมือกัน?
"ขอยืนยันว่ามันเป็นวงที่ไม่ต้องการให้เป็นข่าว ทั้งไม่ได้เป็นทางการ แล้วสุดท้ายคุณธนาธรคุณปิยบุตรและคุณช่อ เขาจะไปก็เป็นสิทธิ์ของเขา เขาไปแสดงความยินดีก็สามารถทำได้ ซึ่งถ้าผมเป็นคุณธนาธรผมอยากแสดงความยินดีกับทุกพรรคการเมือง ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะไปเจอในครั้งเดียว ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นการครอบงำ ยืนยันว่าเรื่องนี้คุณศรีสุวรรณคิดไปเอง"

ท่าทีของส.ว.เริ่มกลับมาหนุนก้าวไกล ตอนนี้ทางพรรคก้าวไกลมีความจำเป็นต้องพึ่งเสียงสวมากน้อยแค่ไหน เพราะวันนี้พักเสียงข้างน้อยก็ยังไม่พูดตรงๆว่าจะยกคะแนนเสียงให้?

"กรณีที่กำลังทำไม่ได้เป็นกรณีที่เคยมีมาก่อนที่ส.ว.จะมาโหวตนายก และเป็นกรณีชั่วคราวด้วยเป็นไปตามมาตรา 272 ประเด็นของผมสิ่งที่กำลังทำไม่ได้เป็นเพียงแค่ปลดล็อกแต่เป็นการปิดสวิตช์ 272 เพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้ มีส่วนให้ทำภารกิจนี้ร่วมกันได้ ซึ่งหากส.ว.ออกมาประกาศว่าจะปิดสวิตช์ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี"

จากการสอบถามคุณสมศักดิ์ ก็ยืนยันว่านายพิธาได้เป็นนายกแน่ๆ แต่ประเด็นของพรรคที่เป็นเสียงข้างน้อยจะเป็นไปได้หรือไม่ที่จะยกคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลแต่ไม่ได้ร่วมรัฐบาล?
"ต้องแยกกันการจัดตั้งรัฐบาล คือการลงเรือลำเดียวกัน เราจะผลักดันนโยบายต่างๆร่วมกัน ซึ่งมีความรับผิดชอบร่วมมีภารกิจร่วมกัน แต่กรณีนี้เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เพื่อทำให้ล็อก 272 มันหายไป ถ้าสมมุติว่าส.ว.ไม่โหวตให้ผมเลย ได้เพียงส.ส. เราอาจจะได้คนทำงานที่เคมีไม่ตรงกัน ซึ่งหากไม่สามารถทำตามนโยบายได้ประชาชนจะเป็นผู้เสียประโยชน์ และสิ่งที่เกิดขึ้นฝ่ายค้านจะอ่อนแอเพราะว่ามีคะแนนเสียงเหลือน้อย การตรวจสอบก็แย่ ดังนั้นคิดว่าโดยสัดส่วนวันนี้ เป็นสิ่งที่ดีแล้วสำหรับบ้านเมืองที่มีกำลังมากพอที่จะตรวจสอบได้ ในทางกลับกันรัฐบาลก็แข็งแรงเพียงพอที่จะทำนโยบายไปเสนอได้"

เป็นไปได้หรือไม่ที่จะไม่เอามาร่วมรัฐบาลแต่ไปขอคะแนนเสียงตามครรลองระบอบประชาธิปไตยโหดตามเสียงข้างมากของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร?
"มันต้องคุยกับทุกคน ไม่ต้องรอครบ 1 ปีที่จะปิดสวิตช์ 272 ซึ่งจะสามารถเดินหน้าไปได้ โดยเป็นคนละเรื่องกับการลงเรือลำเดียวกันเป็นคนละส่วน"

มีการตั้งข้อสังเกตว่าการเติมผักร่วมรัฐบาลเติมทีละนิด มีนัยยทางการเมืองอะไรหรือไม่?
"เชื่อว่าหลายฝ่ายอาจไม่ได้คิดว่าก้าวไกลจะเป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลและคิดว่าทำให้ทีมรัฐบาลก็เปลี่ยน ตัวยืนยันไม่ได้มีนัย บางคนเคยร่วมงานกับบางคนเคยพูดคุยกัน เพราะรู้ว่าการทำงานด้วยกันแล้วเป็นอย่างไรเคมีเข้ากันได้ สำหรับพรรคอื่นเราต้องดู ความจริงใจพูดคุยเคมีไปกันได้ไปในแนวทางเดียวกันจึงได้มีการเชิญเข้ามาร่วมยืนยันไม่ได้มีนัยทางการเมืองอะไร"

22 พฤษภาคมที่จะทำ MOU เลือกวันรัฐประหารในอดีตมีนัยยะใช่หรือไม่?
"ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นวันที่ทำให้ประเทศไทยมาถึงจุดนี้เราเองอย่าใช้โอกาสนี้ในการที่จะเปลี่ยนโฉมหน้าอนาคตใหม่ของประเทศ"

ขณะที่นายนายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) บอกว่า ถ้าจะต้องอาศัยเสียงส.ว. อย่าลืมว่าส.ว.จะหมดอายุ พ.ค.ปี67 วันนี้เราเดินมาถึงทางตันของการเมือง ส.ว.ส่วนใหญ่แสดงเจตนาที่จะไม่โหวตให้ใคร ทำให้ไม่มีเสียงจำนวนมากที่ตั้งรัฐบาลได้ มองว่าเป็นเรื่องที่ยากมากที่สุดที่พรรคร่วมจำนวน 8 พรรค จะไปจับมือกับอีกฟากหนึ่ง ก็จะถูกประณามทั้งแผ่นดิน

นายจตุพร กล่าวต่ออีกว่า เมื่อกระแสสังคมเลือกพรรคก้าวไกล ยกแรกทุกพรรคต้องเล่นบทตัวเอก คือ สนับสนุนพรรคก้าวไกล เลือกนายพิธา เป็นนายกฯ แต่ภายหลัง จะอยู่ไม่ครบ อย่างแน่นอน จะมีพรรคเลี้ยวหนี และพรรคนั้นได้เตรียมการเลี้ยวไว้แล้ว

ขณะเดียวกันเฟซบุ๊กทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ได้โพสต์ข้อความเนื้อหาใจความเกี่ยวกับการแก้ม.112 ก่อนที่จะลบทิ้งไป 

นอกจากนี้ มีการตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับท่าทางของนายพิธาในวันที่แถลงข่าวกับพรรคร่วมรัฐบาล โดยมีการถอดภาษากายของนายพิธา ซึ่งอ้างอิงจากทพ.อภิชาติ สีนานุรักษ์ (หมอมด)

โดยหมอมด บอกว่า ท่าทางของนายพิธา เป็นการวางมือแบบ "Steeple" หรือ "Power sphere" แสดงความสุขุม ควบคุม และเฉลียวฉลาด แล้วท่านี้ นำไปเปียบเทียบกับผู้นำเยอรมนี อังเกลา ไดโรเทอา แมร์เคิล ซึ่งมักจะทำท่านี้เป็นประจำ

ยุบก้าวไกล เพราะ "กินข้าว" ?