"พิธา" ประกาศจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายค้านเดิม 6 พรรค "ก้าวไกล-เพื่อไทย-ประชาชาติ-ไทยสร้างไทย-เสรีรวมไทย-เป็นธรรม ปิดประตูตั้งรบ.เสียงข้างน้อย เผยต่อสายหา "อุ๊งอิ๊งค์"แล้ว เตรียมตั้งทีมเจรจาจัดตั้งรัฐบาล เซ็นประกาศนโยบายที่จะดำเนินการ บอกพร้อมนั่งเก้าอี้นายกฯ ควบ "กลาโหม" ไม่กังวล ส.ว.ยึกยัก ไม่โหวตสนับสนุน มั่นใจวุฒิสภาไม่กล้าฝืนฉันทามติประชาชน

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังทราบผลการเลือกตั้งว่าพรรคก้าวไกลได้ที่นั่งส.ส.มากเป็นอันดับ 1 ว่า “สวัสดีพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ผมพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าที่นายกฯ คนต่อไปของประเทศไทย”

 

นายพิธากล่าวต่อว่าเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าคนไทยได้แสดงเจตจำนงค์ผ่านคูหาเลือกตั้งให้ก้าวไกล ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 1 ของการเลือกตั้ง ขอประกาศว่าพรรคก้าวไกลพร้อมเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป นี่คือการน้อมรับฉันทามติจากประชาชน พลิกขั้วเปลี่ยนข้างจากฝ่ายค้านเดิมในการจัดตั้งรัฐบาล และตนพร้อมที่เป็นนายกฯ ของคนไทยทุกคน พร้อมฟังความเห็นที่แตกต่าง และความเห็นที่แตกต่างจะทำให้ตนเป็นนายกฯที่ดีขึ้นในอนาคต  ตอนนี้เราพร้อมเคารพ และให้เกียรติต่อยอดกับการต่อสู้ทุกฝ่ายที่ผ่านมา เพื่อประชาธิปไตย เราพร้อมคืนศรัทธาให้กับระบบปชต.ระบบรัฐสภา สร้างความโปร่งใสและมีประสิทธิภาพให้กับการเมืองไทย และผู้แทนราษฎรทุกคน

 

นายพิธา ยังกล่าวอีกว่าตนได้มีโอกาสโทรศัพท์ติดต่อแกนนำ 5 พรรค มีทั้งที่ตนติดต่อไป และแกนนำทางนั้นติดต่อมาทางพรรคก้าวไกล มีโอกาสโทรศัพท์หา นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แสดงความยินดี กับความมุ่งมั่นในการเดินหาเสียงแม้จะมีบทบาทความเป็นแม่แต่ก็ทำได้ดีเยี่ยม และไร้ที่ติ และเชิญชวนพรรคเพื่อไทยร่วมจัดตั้งรัฐบาล และพรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมตามที่เคยได้สัญญาไว้กับประชาชน 5 พรรคที่พูดถึงมีพรรคก้าวไกล เพื่อไทย ประชาชาติ ไทยสร้างไทย และ เสรีรวมไทย กำลังติดต่อ พรรคเป็นธรรม อีก 1 พรรค รวมเป็น 309 เสียง ซึ่งคิดว่าเพียงพอในการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก ถือเป็นการที่ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนต้องน้อมรับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนมาปฏิบัติ และชัดเจน ว่าเป็นการปิดประตูการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เป็นที่แน่แท้แล้ว

 

นายพิธา ยังกล่าวถึงการทำงานหลังจากนี้ คือ การเจรจาจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคก้าวไกลจะนำโรดแม็ปที่สัญญาไว้กับประชาชน ก่อนการเลือกตั้งเพื่อคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งการแก้ปัญหาเก่า เผชิญปัญหาใหม่ และพร้อมพาประเทศไทยไปสู่อนาคต  ทำประชามติให้มีส.ส.ร.แก้ไขรัฐธรรมนูญ  และพัฒนาเศรษฐกิจ ในการสร้างความเจริญเติบโตให้เศรษฐกิจด้วย  และลดความเหลื่อมล้ำไปในคราวเดียวกัน  นอกจากนี้พร้อมตั้งทีมงานในการเปลี่ยนผ่านรัฐบาล ต้องมีคณะทำงานตรงนี้ร่วมกับทุกพรรค เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนผ่านอำนาจ เปลี่ยนผ่านรัฐบาลอย่างมีรูปธรรม และมีประสิทธิภาพ และจะมีการเดินสายพบประชาชนภาคประชาสังคม ข้าราชการ ภาคธุรกิจ  และทุกภาคส่วน

 

พร้อมเดินหน้าทำความเข้าใจกับคนที่ยังไม่เข้าใจกับนโยบายพรรค เพื่อให้ทำงานกับทุกภาคส่วนได้ และพาประเทศไทยไปสู่อนาคต สู่การเปลี่ยนแปลงที่มีประสิทธิภาพ

 

โดยบ่ายวันนี้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค และเดินทางไปขอบคุณประชาชน ในกทม.ในช่วงเย็น เริ่มที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และเดินทางไปทั่วทุกภูมิภาค  จะรีบเร่ง เพื่อตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด  เพื่อไม่ให้มีสุญญากาศทางการเมืองหรือสุญญากาศทางเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้มีความไม่แน่นอนหรือมีความเสี่ยงใด ๆ ต่อประเทศไทย ขอให้ประชาชนมั่นใจในการทำงานของพรรคก้าวไกล ที่จะทำงานอย่างละเอียด รอบคอบ รวดเร็ว เพื่อประชาชนคนไทยทุกคน

 

ส่วนกังวลเสียง ส.ว.ในการโหวตเลือกนายกหรือไม่ นั้น นายพิธากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่าไม่กังวล เพราะผลการเลือกตั้งเป็นฉันทามติของประชาชน ที่ทุกฝ่ายควรจะน้อมรับ การฝืนประชามติของประชาชนไม่เป็นผลดีต่อฝ่ายใด

 

เมื่อถามว่าทำไมไม่รวมเสียง ส.ส.ให้ได้จนปิดสวิตซ์ ส.ว. นายพิธากล่าวว่ายังไม่มีความจำเป็น ตอนนี้สิ่งที่ได้สัญญากับพี่น้องประชาชน ถ้ารวมกันได้ 300 กว่าเสียงในระบอบการเมืองที่เป็นปกติก็ไม่มีปัญหา ตนคิดว่าไม่มีใครฝ่าฝืนประชามติ เนื่องจากประชาชนได้แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาต้องการอะไร

 

ส่วนที่จำนวน ส.ส.พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลใกล้เคียงกัน ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมจะเป็นของใคร นายพิธาตอบว่า สิ่งสำคัญคือการปฏิรูปกองทัพ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ไม่ได้อยู่ที่กระทรวง จะใช้เรื่องนี้เป็นตัวเจรจา ตนพร้อมนั่งเป็นนายกฯ หรือถ้ามีความจำเป็นนั่งควบในกระทรวงต่างๆก็พร้อมนั่งควบทุกตำแหน่ง แต่ถ้ามีคนเหมาะสม ตนก็ไม่มีปัญหา

 

นายพิธายังกล่าวถึงจุดยืนเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 ว่าขณะนี้ทุกเรื่องยังไม่คุยในรายละเอียดกับแต่ละพรรค แต่เรื่องการแก้ไขมาตรา112 สามารถทำได้ในสภา ตอนนี้พรรคก้าวไกลมี 151 เสียง ถือว่าเกินที่สามารถเสนอได้ โดยใช้สภาเป็นตัวแก้ไข แต่ที่มากกว่าการแก้ไขคือ ทบทวนผู้ได้รับผลกระทบจากคดีการเมืองทั้งหมด และโอกาสนิรโทษกรรม เพราะเป็นห่วงความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่กับสถาบัน ถ้าไม่รีบพูดคุย อาจเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ของการเมืองไทยที่ตนไม่อยากเห็น

 

ผู้สื่อข่าวยังถามถึงความกังวลเรื่องคดีการถือหุ้นสื่อที่อยู่ในกกต. ซึ่งนายพิธาตอบว่า ไม่กังวล พร้อมชี้แจงต่อกกต.ขอเรียกความเชื่อมั่นจากประชาชน ไม่ต้องกังวลเรื่องนี้

 

เมื่อถามว่าเหตุผลที่ไม่นำพรรคภูมิใจไทยร่วมรัฐบาลด้วย เพื่อความเด็ดขาดในการปิดสวิตซ์ส.ว. นายพิธาตอบว่า ไม่จำเป็น การที่ขั้วฝ่ายค้านตั้งรัฐบาล 300กว่าเสียงไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เชื่อว่าไม่มีใครกล้าฝืนฉันทามติประชาชน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้โทรมาหา

 

ภายหลังการแถลงข่าว นายพิธายังเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ถ่ายรูป และร่วมพูดคุยด้วยอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะขอตัวไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการบริหาร ขณะที่บริเวณด้านล่างที่ทำการพรรคก็มีผู้สนับสนุนพรรคส่วนหนึ่งมาปักหลักรอให้กำลังใจและแสดงความยินดีกับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้