เจาะเลือกตั้ง 2566 "อ.สติธร" วิเคราะห์เก้าอี้ ส.ส.มอง "เพื่อไทย" ได้ราว 240 เสียง ส่วน 310 เป็นฝัน เหตุถูก "ก้าวไกล" ดูดคะแนนไปเยอะ ส่วน "พปชร.-ภท" ยอดใกล้เคียงกัน 70 ที่นั่ง พรรค"ลุงตู่" 25 เสียง

อาจารย์สติธร ธนานิธิโชติ ผู้อำนวยการสำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า วิเคราะห์ตัวเลข ส.ส.ของแต่ละพรรคในการเลือกตั้งปี 2566​ โดยมองว่า เมื่อปี 2562 เพื่อไทยได้ 136 เสียง ปีนี้ที่ว่างไว้ 310 เสียงน่าจะไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริง เป็นเรื่องในฝันเพื่อปลุกใจ ทำให้หึกเหิมในการเลือกตั้งมากกว่า ความจริงน่าใจได้ราว 230-240 เสียง

 

ซึ่งวันนี้หากพรรคเพื่อไทยจะไปถึงเป้าหมายเกิน 300 ได้ คะแนนนิยมทั่วประเทศ ต้องได้ถึง 6 ล้านเสียง ซึ่งเยอะมาก และเป็นไปได้ยาก และหลังจากการเลือกตั้งเมื่อปี 62 มาค่อนข้างชัดเจน ว่า คะแนนที่พรรคเพื่อไทยเคยได้ในยุคก่อน มันถูกแชร์ไปแล้ว โดยพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลในปัจจุบัน และเป็นการแชร์ทุกเขต ดังนั้น การชนะจาก 200 เขตใน 400 เขตถือว่า เยอะแล้ว แม้ระบบเลือกตั้งแบบนี้พรรคเพื่อไทยจะเคยประสบความสำเร็จ ในยุคก่อนปี 2557 แต่วันนี้ขั้วประชาธิปไตยฝั่งเสรีนิยม มันมีพรรคก้าวไกลเพิ่มเข้ามา

 

ส่วนพรรคก้าวไกล เมื่อปี 2562 ได้ ส.ส.ที่ 81 ที่นั่ง ได้บัญชีรายชื่อมากถึง 50 แต่ครั้งนี้น่าจะได้น้อยกว่าเดิม ความนิยมอาจไม่ได้ลดน้อยลง แต่ มันเหลือแค่ 100 เก้าอี้ สัดส่วนจึงลดลงตามลำดับ ส่วนตัวจึงมองว่า น่าจะได้อยู่ประมาณ 35-40 ที่นั่ง

 

ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ เคยเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อปี 2562 ได้ถึง 116 ที่นั่ง แต่รอบนี้มันถูกแบ่งครึ่งออกไปแล้ว ระหว่างพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา กับพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และยังมีบางส่วนที่ย้ายออกไปอยู่พรรคอื่น เช่น พรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย ดังนั้น น่าจะได้อยู่ที่ประมาณ 50-70 เก้าอี้ ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว บัญชีรายชื่อก็ไม่น่าจะได้เยอะมาก

 

สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติ พลเอกประยุทธ์ พา ส.ส.ไปจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนหนึ่ง แล้วก็ไปดูดจากพรรคประชาธิปัตย์มาอีกส่วนหนึ่ง แต่ที่น่าจะนอนมาคือบัญชีรายชื่อ น่าจะได้ประมาณ 15 บวกกับเขตที่พอเหลืออยู่ เช่น ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ชัยนาท นครสวรรค์ และพื้นที่ภาคใต้ ประเมินให้ในระดับที่สูงมาก ราว 40-50 เก้าอี้ เพราะหลายคนก็มองว่าพลเอกประยุทธ์ น่าจะอยู่ในราวๆ 25 เสียงพอให้เสนอชื่อนายกรัฐมนตรีได้ แต่ส่วนตัวมองว่า 25 เสียงไม่น่าจะพลาด ยังไงก็จะมีคะแนนนิยมจากฝั่งอนุรักษ์นิยมเยอะ

 

ด้านพรรคภูมิใจไทย มีโอกาสได้ ส.ส. เพิ่มขึ้นจริง ปี 2562 ได้ 51 ที่นั่ง แต่ด้วยบุคลากร ตอนนี้ค่อนข้างที่จะการันตีการชนะ และถ้าย้อนไปตั้งแต่ปี 2550 ตอนนั้นนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรแลนสไลด์ พรรคภูมิใจไทยร่อแร่ แต่ก็ยังได้มา 29 เขต และปี 2562 ก็โตขึ้นจาก 30 ไปเป็น 40 เขต และเวลาไปดูด ส.ส.คนอื่นมาก็ดูดจริงจัง ดูดแต่บ้านใหญ่ ของแท้มาเยอะ ดังนั้น ภูมิใจไทยในปี 2566 น่าจะอยู่ที่ 70-80 ที่นั่ง แต่ปาร์ตี้ลิสต์ ไม่น่าจะได้เยอะมาก อาการเดียวกับพลังประชารัฐ วัดเรื่องนี้ได้จากผลโพลที่ออกมาจากตัวแคนดิเดตนายกของพรรค

 

พรรคประชาธิปัตย์ ต้องยอมรับว่าปีนี้หนักจริงๆ โดยสภาพพรรคในพื้นที่ภาคใต้ ก็โดนแบ่งไปเยอะกว่าปี 62 และพรรครรวมไทยสร้างชาติ ก็ลงไปเจาะพื้นที่ ดังนั้นน่าจะได้ประมาณ 40 ถือว่ายิ้มแล้ว ไม่น่าจะตกลงไปถึงหลักสิบ เพราะด้วยความเป็นพรรึเก่าแก่ ก็จะมีแฟนคลับที่ชอบกันมาอย่างเดียวนาน

 

พรรคชาติไทยพัฒนา น่าจะได้เท่ากับปี 2562 แถมปาร์ตี้ลิตส์ เข้ามาด้วย น่าจะอยู่ที่ 10 เก้าอี้ขึ้นไป

 

ส่วนพรรคปัดเศษน่าจะมีไม่เยอะเหมือนปี 2562 น่าจะมีพรรคที่เป็นหนึ่งคนไม่น่าเกิน 5 พรรค เช่น พรรคเพื่อชาติ พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคไทยภักดี ส่วนเสรีรวมไทย ชาติพัฒนากล้า น่าจะได้เกิน 1 เก้าอี้

 

อาจารย์สติธร ยังวิเคราะห์ถึงการจัดตั้งรัฐบาลด้วยว่า รอบหน้ามีโอกาสเป็นขั้วเดิม เพราะขั้วเดิมรวมๆกันแล้ว อยู่ที่ 230 เสียง เมื่อรวมกับเสียง สว. ก็มีลุ้นแล้ว ที่จะเลือกนายกรัฐมนตรี แต่เมื่อเสียงไม่ถึงกึ่งหนึ่ง มันก็มีการจัดตั้งรัฐบาลในหลายวิธี เช่น การรองูเห่าจากพรรคอื่น เพราะหลายคนเลือกตั้งไปแล้ว ก็อยากเป็นรัฐบาล วิธีที่ 2 ก็คือการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยไปก่อน ที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือไม่ก็ปล่อยให้ถูกอภิปรายไม่วางใจไปเลย แล้วเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ ซึ่ง ส.ว.ก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกไปจนถึงปี 2567 ด้วยกติกามันทำให้เขาได้เปรียบมาก