"ชูวิทย์" ลั่นฟ้องมาก็ฟ้องกลับ - โวย "ภูมิใจไทย" กลั่นแกล้งประชาชน

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์คลิปตั้งโพเดียม แถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ย้ำว่าที่ไม่เห็นด้วยนโยบายกัญชาเสรีของพรรคภูมิในไทย เพราะผลเสียมากกว่าผลดี / ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ก็ไม่โปร่งใส ส่อเค้าทุจริต นายชูวิทย์ ระบุว่า ทั้งสองเรื่องเป็นผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติ ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด การที่ตนต่อต้านเป็นไปด้วยความสุจริต เป็นสิทธิอันชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ การให้ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.400 เขตรุมฟ้องตน ถือเป็นกลั่นแกล้งประชาชน

โดยโพสต์ข้อความระบุด้วยว่า เรียนพี่น้องประชาชนคนไทย ที่ผ่านมา พี่น้องได้เห็นบรรดาพรรคการเมืองต่างๆ ซื้อเสียง มีบรรดา ส.ส. ย้ายพรรคไปมาจนประชาชนสับสน ทั้งนี้ เหตุเกิดจากการที่พรรคการเมืองมีการสะสมทุนจากการบริหารงาน ทุจริตคอร์รัปชันงบประมาณในรูปแบบต่างๆ กับโครงของรัฐ จวบจนถึงการเลือกตั้งในวาระอันใกล้นี้ พรรคการเมืองยังนำเสนอรูปแบบการเมืองที่ไม่มีอุดมการณ์ หนักกว่าเดิม คือ การสมคบคิด วางแผน ครอบงำ เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยใช้ประชาชนเป็นเพียงเครื่องมือผ่านระบบการเลือกตั้ง หลังการเลือกตั้ง จะเห็นการตระบัดสัตย์ของนักการเมืองที่พูดไว้อย่าง แต่กลับกระทำการในทิศทางตรงกันข้าม เช่น การบอกว่า “ไม่ร่วมผสมพันธุ์กับเผด็จการ” แต่ภายหลังยอมเสียอุดมการณ์ไปร่วมด้วย เพียงเพื่อจะได้เข้าไปเป็นฝ่ายบริหาร เสมือนหนึ่งการหลอกลวงประชาชนทั้งประเทศ ทั้งนี้เพื่อจะได้ทุจริต สะสมทุนทางการเมืองและกลับมาเป็นรัฐบาลอีก ในขณะที่คอร์รัปชันกัดกินไปทุกวงการ ต้นเหตุจากพรรคการเมือง ที่ยึดถือเอาทุนการเมืองมากกว่าอุดมการณ์ การต่อสู้ของผมนั้น กระทำในนามประชาชน จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้พรรคการเมืองได้เรียนรู้ว่า ประชาชนไม่ใช่เครื่องมือของพรรคการเมืองอีกต่อไป

ขอยกตัวอย่าง กรณีกัญชาเสรี นับว่าเป็นเรื่องร้ายแรงที่พรรคการเมืองอย่าง “พรรคภูมิใจไทย” ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด ด้วยความไม่ระมัดระวัง และเร่งรีบ เพื่อนำผลงานไปใช้ในการหาเสียง ความเป็นจริง กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษ ที่จะรักษาโรคได้ทุกโรค แต่กลับมีโทษมหันต์ โดยไม่มีการควบคุม มีเพียง “กฎกระทรวง” เท่านั้น ผลลัพธ์ของกัญชา สะท้อนไปถึงพ่อแม่ที่มีลูก เด็กและเยาวชนเข้าถึงกัญชาได้ง่าย ผมเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าจำเป็นต้องควบคุมกัญชาที่อ้างว่า “เพื่อการแพทย์” แต่ไม่ได้ให้แพทย์เป็นผู้ออกใบสั่งยา มีการซื้อขายอย่างเสรี โดยไร้การควบคุมอย่างจริงจัง อีกทั้ง พรบ.กัญชากัญชง ยังไม่ผ่านสภา แสดงให้เห็นว่ามีพรรคการเมืองในสภาที่ไม่เห็นด้วยต่อร่างกฎหมายดังกล่าว การรณรงค์ของผมในนามประชาชน ที่ต่อต้านกัญชาเสรี ย่อมเป็นสิทธิที่รับรองในรัฐธรรมนูญ

ทั้งเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีการเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้รัฐแตกต่างกันถึง 1,000 เท่า โดยบริษัทที่ถูกกีดกัน เสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่รัฐ 70,000 ล้านบาท ภายใน 30 ปี แต่บริษัทที่ชนะการประมูล กลับเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่รัฐเพียง 7,000 ล้านบาท ภายใน 30 ปี ย่อมแสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากลเป็นอย่างยิ่ง และทำให้รัฐสูญเสียประโยชน์ที่ควรจะได้ถึงกว่า 60,000 ล้านบาท ที่ไม่อาจทราบได้ว่า ผลประโยชน์เหล่านั้นไปตกอยู่กับผู้ใด ในการประชุม ค.ร.ม. ที่ผ่านมา มีความพยายามที่จะอนุมัติโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มให้ทันก่อนมีการยุบสภา ทั้งๆที่ มีการฟ้องร้องอยู่ที่ศาลปกครอง 2 คดี ทั้งสองเรื่องเป็นผลประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ ไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวแต่อย่างใด

พรรคภูมิใจไทย มีการจัดตั้งในรูปแบบพรรคการเมือง มีการหาเสียง เป็นการสื่อสารถึงประชาชน การที่ประชาชนโต้ตอบสื่อสารกลับ ย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรม ผมไม่ได้นำเรื่องส่วนตัวมากล่าวโจมตี ตรงกันข้าม พรรคภูมิใจไทยและสื่อพันธมิตรอย่างผู้จัดการ ได้ใช้ทุกเรื่องเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของผมมาโจมตี อย่างในการแถลงข่าวของพรรคภูมิใจไทย การต่อต้านของผม เป็นไปด้วยความสุจริต และไม่ได้ทำให้ประชาชนทั่วไปเดือดร้อน ไม่ได้ปิดถนน ไม่ได้ปิดสนามบิน หรือทำให้สังคมมีปัญหาแต่อย่างใด พฤติกรรมการฟ้องร้องประชาชนของพรรคภูมิใจไทย ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่า เป็นการกลั่นแกล้งประชาชนเพียงคนเดียว โดยการขู่ว่า บรรดาผู้สมัคร ส.ส. ของตัวเองรุมกลั่นแกล้ง ใช้การฟ้องร้องเพื่อให้ประชาชนอย่างผมเดือดร้อน เป็นการกระทำที่ส่อให้เห็นความไม่สุจริต ทั้งนี้ เพื่อให้ผมเกรงกลัว โดยใช้ช่องทางของกฎหมายปิดปาก ผมยินดีที่จะสู้ตามกระบวนการใช้วิถีทางประชาธิปไตยในการต่อสู้

ทั้งนี้เพื่อให้เห็นว่า การที่ประชาชนไม่เห็นด้วยกับนโยบายของพรรคการเมืองย่อมเป็นสิทธิอันชอบธรรม หากประชาชนคนใดเห็นด้วย สามารถโหวตให้พรรคภูมิใจไทย และหากใครไม่เห็นด้วย ก็สามารถไม่โหวตให้พรรคภูมิใจไทยได้ การกล่าวหาต่าง ๆ ของผมนั้นเน้นในเรื่องนโยบายและผลประโยชน์ของสังคม ประเทศชาติส่วนรวมเป็นหลัก และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ปรากฏตามข่าวที่สื่อมวลชนและสังคมได้เห็น ผมขอยืนยันอีกครั้งว่า การต่อต้านจะดำเนินต่อไปในอนาคต โดยเฉพาะในช่วงการรณรงค์การเลือกตั้ง

ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจด้วยตัวเอง ว่าควรตัดสินใจเลือกพรรคใด และเป็นการให้บทเรียนแก่พรรคการเมืองไม่ให้กระทำการตามอำเภอใจ โดยไม่เห็นแก่ประโยชน์ ต่อส่วนรวม ได้รับรู้การทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อให้สังคมได้ตื่นตัว ตระหนักถึงภัยต่อสังคม และท้ายสุดทำให้ประเทศไทย ได้พัฒนาเทียบเท่าอารยประเทศ ขอให้ประชาชนคนไทยทุกคนจงได้รับชัยชนะ มีสติปัญญา ในการตัดสินใจตามระบอบประชาธิปไตย