เปิดใจทั้งน้ำตา พ่อแท้ๆ "น้ำตาล ชลิตา" Miss Thailand Universe ปี 2559 ยืนยันไม่เคยทอดทิ้งภรรยากับลูกตั้งแต่ 2 ขวบ เชิดเงินหนีไปปรนเปรอหญิงอื่น ตามที่ภรรยาเคยบอกสื่อ

20 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สนามออกกำลังกายหน้าเทศบาลนครนนทบุรี ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยถึงเรื่องราวชีวิตจริงที่ยิ่งกว่าละคร นายนำชัย โกมลอุดมผล หรือวุฒิ อายุ 59 ปี อดีตหัวหน้าเขตมูลนิธิร่วมกตัญญูของจังหวัดนนทบุรี ที่รู้จักในนามเรียกขานรหัส "นคร 58"

 

นายนำชัย กล่าวเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องราวชีวิตของตนเองที่ถึงแม้ว่าจะทำหน้าที่เพื่อสังคมมาตลอด แต่ชีวิตจริงกับถูกสังคมเข้าใจผิดคิดว่าทอดทิ้งลูกเมีย โดยเฉพาะลูกสาวเป็นถึง Miss Thailand Universe ปี 2559 และยังเข้าประกวดนางงามจักรวาล ติด 1 ใน 5 ของโลก

 

หลังจากรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง ได้นำ "น้ำตาล ชลิตา" ออกรายการ โดยแม่ของน้ำตาลให้สัมภาษณ์พิธีกรในรายการเหมือนว่าพ่อทอดทิ้งภรรยาและน้ำตาลโดยไม่เหลียวแล และนำเงินที่ภรรยาหามาได้ไปปรนเปรอหญิงอื่น ซึ่งข่าวดังกล่าวที่ออกมาตนยืนยันว่าไม่ใช่เรื่องจริงเลย เสียใจและคิดมาก

 

นายนำชัย เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ขณะที่ตนทำงานเป็นหัวหน้าเขตมูลนิธิร่วมกตัญญู รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดนนทบุรีนั้น มีอยู่ครั้งหนึ่งต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลไม่ได้กลับบ้าน ทั้งเวลาทำงานเข้าเวรมูลนิธิจนดึกดื่นทุกครั้งก็ต้องอุทิศเวลาให้กับงานและสังคม ทำให้บางครั้งอาจไม่มีเวลาให้ครอบครัวเพียงพอ ทำให้ภรรยาน้อยใจและโกรธเคืองตนจึงอุ้มลูกสาวคือน้ำตาล ซึ่งในตอนนั้นมีอายุเพียง 2 ขวบ หนีจากตนไปทั้งๆที่เราอยู่กินกันมา 4 ปี พอตนทราบเรื่องว่าภรรยาอุ้มลูกสาวหนีจไปก็ได้ออกตามหาภรรยาและลูกสาวมาตลอดแต่ภรรยาก็พยายามหนีและหลบหน้าไม่พบตน จึงอยากอธิบายเพราะขณะนี้ลูกสาวไม่ยอมให้พบหน้า

 

ตนว่าน้ำตาลได้ตำแหน่ง Miss Universe Thailand ปี 2559 และไปประกวดเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายของนางงามเวทีระดับโลก ตนก็ไม่เคยคิดที่จะเกาะกระแสหรือว่าอาศัยความดังของลูกสาวเพื่อที่จะมาเปิดเผยตัวตนของความเป็นพ่อแต่อย่างใด ไม่อย่างนั้นคงไม่ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาถึง 4-5 ปี แล้วค่อยออกมาเปิดเผยเรื่องราวในวันนี้ แต่ที่ต้องออกมาชี้แจงก็เพราะว่าตนเองนั้นก็มีอายุมากแล้ว อีกทั้งภรรยาก็ไปให้ข่าวที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริงจึงอยากให้สังคมเข้าใจ ไม่ใช่ว่าตนเองไม่อยากเจอหน้าลูกสาว ทุกคืนทุกวันตนก็คิดถึงแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร มีอยู่ครั้งหนึ่งเคยติดต่อไปทางโทรศัพท์ เป็นผู้จัดการของน้องน้ำตาลรับสายเขาก็บอกกับตนว่าแม่ของเขาไม่ต้องการให้ลูกสาวคุยกับตนแล้ว ในเมื่อตนเป็นพ่อแท้ๆถ้าทำอะไรไปมากกว่านี้ก็เกรงว่าจะทำให้ลูกสาวเสียชื่อเสียง แต่เมื่อมีข่าวออกมาแบบนี้ในรายการชื่อดังรายการหนึ่ง ตนผู้เป็นพ่อก็รู้สึกว่าข้อเท็จจริงมันไม่ถูกต้อง จึงต้องออกมาชี้แจงเรื่องราวในอดีตให้ได้รับทราบ ยืนยันว่ารักภรรยาและลูกสาวมาก แม้แต่ทุกวันนี้ก็ไม่เคยมีภรรยาใหม่