"นายก​ฯ" ไอหลายครั้งระหว่างมอบนโยบายจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ 2567​ บอก​ ต้องใช้จ่ายงบประมาณให้คุ้มค่า​ -​ ระมัดระวัง​ให้มากที่สุด​ ลั่น​ทุจริต​ต้องถูกดำเนินคดีไม่มีข้อยกเว้น​ พร้อมยอมรับช่วงนี้ทำงานเยอะและหนัก

12 ม.ค. 66 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมสัมมนาการมอบนโยบายและแนวทางการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ 2567 โดยมี พลเอกอนุพงษ์​ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย​ นายสุชาติ​ ชม​กลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พลเอกอนุพงษ์​ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธนกร​ วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี​ ร่วมงาน

โดยนายกรัฐมนตรี​ ระบุว่า​ ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของหลายประเทศบนโลกใบนี้ ซึ่งให้ความสนใจโดยเฉพาะอย่างยิ่งการท่องเที่ยว ซึ่งต้องขอขอบคุณทุกภาคส่วน โดยตัวเลขคาดการณ์คาดว่า GDP จะเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.2 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 3.5 ในปี 2566 นั่นคือการคาดการณ์แต่จะขึ้นอยู่กับว่าจะช่วยกันได้อย่างไร​ ทั้งภาครัฐ​ภาคเอกชนและประชาชนจะต้องช่วยกันในการเดินหน้า เพราะเราจะต้องเดินหน้าลดผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคโควิด 19 ก็ยังมีอยู่และถูกซ้ำเติมด้วยสถานการณ์โลกในปัจจุบัน​ ความผันผวนด้านราคาพลังงาน​ ทั้งน้ำมันก๊าซ มีปัญหาทั้งหมด​ มีราคาผันผวน เราต้องมีการเตรียมความพร้อมการกลายพันธุ์ของโรคโควิด 19 โดยกระทรวงสาธารณสุขได้มีการออกข่าวชี้แจงไปแล้วว่าอยู่ในการดูแลควบคุมดำเนินการอยู่ในเรื่องนี้ขอให้ทุกคนระมัดระวังให้ได้มากที่สุด

การใช้จ่ายในปี 2567 ถึงมีบทบาทสำคัญเดินหน้าควบคู่กับยุทธศาสตร์ชาติ และแผนแม่บทต่างๆเพื่อจะให้บรรลุตามเป้าหมายที่กำหนดไว้​ รวมทั้งเรื่องส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยสนับสนุนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านดิจิทัล​ ยกระดับฝีมือแรงงานการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวและบริการที่ดีต่อเนื่อง

นายกรัฐมนตรี​ ยังกล่าวอีกว่า​ การบริหารรายจ่ายงบประมาณประจำอย่างประหยัด​ มีประสิทธิภาพสอดคล้องกับความจำเป็นในปัจจุบัน​นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาปรับใช้ในกระบวนการทำงานให้มากยิ่งขึ้นในการประชุมสัมมนาประชาสัมพันธ์ออนไลน์ นำเทคโนโลยีมาใช้เพื่องดลดภาระงบประมาณ​ ขอร้องว่าจะทำอย่างไรให้สามารถลดงบประมาณรายจ่ายประจำลงได้ โดยได้มีการติดตามการดำเนินการใช้จ่ายงบประมาณประจำปีมาโดยตลอด โดยได้เตือน ว่าโครงการแผนงานใดถ้าไม่สามารถก่อให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามเป้าหมายที่กำหนดได้ไว้หรือทำไม่ได้ติดขัดขั้นตอน ก็ควรยกเลิก เพื่อนำงบประมาณไปใช้ในแผนงานโครงการอื่นถือเป็นเรื่องสำคัญ การเสนอแผนงานโครงการขึ้นมาจึงต้องมีความตรวจสอบความเป็นไปได้จะต้องเข้มงวดในเรื่องเหล่านี้​ ไม่ใช่อนุมัติไปแล้วแต่ทำจริงไม่ได้​ ก็เกิดปัญหาตามมาเพราะฉะนั้นจะต้องมีการเตรียมการให้พร้อม เรื่องไหนที่ทำมาแล้วทำไม่ได้​ ทำไม่ผ่านต้องไปทบทวน

โดยในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การมอบนโยบายดังกล่าวนี้ ถ้าไม่ทำตามนี้​ ก็ไม่มีประโยชน์ จะใช้จ่ายอะไรก็ได้​ทำแผนงานต่างๆ​ อะไรก็ได้ไม่ได้หรอก​ อันตราย จากสถานการณ์ทางการเงินก็เริ่มทำแบบนี้ ก็มีปัญหาต่างๆอยู่บ้างก็ทำต่อก็แล้วกัน​ งบประมาณ 2567​ ที่ต้องเตรียมความพร้อมให้กับรัฐบาลต่อไป

ขณะเดียวกันเราต้องเตรียมความพร้อมในรัฐบาลต่อไปด้วย นี่คือหลักการของผมในฐานะที่เป็นนายกรัฐมนตรีหัวหน้ารัฐบาลเพราะฉะนั้นจะต้องไม่มีการทุจริต มีก็ต้องถูกลงโทษเท่านั้นเองผมไม่เคยละเว้นใครทั้งสิ้น เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระบวนการยุติธรรมต้นทางการทางปลายทางดำเนินการ ผมไม่เข้าร่วมใดๆทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนช่วยกันให้มันเรียบร้อยในทุกเรื่อง อย่าให้เกิดความแตกแยก​ ความชิงชังเกิดขึ้นผมไม่ต้องการแบบนั้นบ้านเมืองไปกันไม่ได้ เราใช้กลไกที่มีอยู่แล้วเดิมแก้ไขปัญหาเหล่านี้ให้ได้ ในช่วงท้ายขอโทษคนฟังว่าคำพูดของตนอาจไม่น่าฟังมากนัก แต่ทั้งหมดนี้คือจิตใจของผม

ทั้งนี้ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีมอบกล่าวมอบนโยบาย ช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรี​มีอาการ คอแห้ง​ ไม่มีเสียง​รวมไปถึงไอเป็นระยะ​ โดยกล่าวว่าพูดมาก​ พร้อมกับหันไปจิบน้ำและพูดต่อ​

อย่างไรก็ตามพลเอกประยุทธ์ กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีเปิดและมอบนโยบายการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567

ว่าขอให้พวกเราช่วยให้ความสำคัญกับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 อยากให้ความสำคัญในเรื่องเหล่านี้ด้วย จะได้เข้าใจกัน นั่นคือการพัฒนาประเทศ และการใช้งบประมาณ ซึ่งผมพูดไปหลายเรื่องแล้ว ก็ช่วยกันออกข่าวด้วย

เมื่อถามว่าดูเหมือนนายกฯไม่สบายเพราะบ่นเจ็บคอ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าก็ทำงานเยอะและหนัก