ปลดล็อกสกิลแบบ 100% "แพรรี่" #มิสเปรียญ9 อัปเดตชีวิตแฮปปี้ พร้อมเริ่มบทบาทใหม่เป็น #พิธีกร ใช้ธรรมะเตือนสติสังคม พักก่อนการเป็นแขกรับเชิญ ลั่นจะไม่ใช่เหยื่อของพวกเธออีกต่อไป!!

 วันที่ 24 พ.ย.65 เรียกได้ว่า "แพรรี่ ไพรวัลย์" สวยขึ้นทุกวัน แถมยังมากคววามสามารถทำได้หมดทุกอย่าง สมมงดีกรีมิสเปรียญ 9 ล่าสุดได้ปลดล็อกบทบาทใหม่ในฐานะพิธีกรรายการ พร้อมอัปเดตชีวิตกับทีมข่าวออนไลน์ช่อง 8

โดยผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นที่แพรรี่ได้เคยให้สัมภาษณ์ถึงการปลดล็อกชีวิตด้วยธรรมะทำให้ชีวิตแฮปปี้สุด ๆ โดยแพรรี่ระบุว่า "ปลดล็อกชีวิตก็หมายถึงว่าเราสามารถแกรนด์โอเพนนิ่ง เราสามารถทำทุกอย่าง เป็นทุกอย่าง ทำทุกอย่างได้โดยไมต้องกังวลว่าทำแบบนี้แล้วมันจะเหมาะสมหรือไม่ มีกฎ ระเบียบ เพราะยูนิฟอร์มเดิมเราไม่สามารถทำแบบนั้นได้ ทุกวันนี้เราออกมาเป็นฆราวาส มนุษย์ปุถุชนธรรมดา เราสามารถมีความสุขได้เต็มที่มากขึ้น เสื้อผ้า หน้าผม เต็มที่ เรารู้สึกว่านี่มันคือการปลดล็อกในสิ่งที่เราอยากทำ"

ในฐานะมิสเปรียญ 9 จะนำธรรมะไปช่วยเหลือสังคมยังไงบ้าง แพรรี่ กล่าวว่า "เอาจริง ๆ ก่อนไปช่วยเหลือคนอื่น คือช่วยเหลือตัวเองก่อน แล้วมันช่วยได้จริง ๆ มันช่วยเราเวลาที่เราเจอกระแสหรือเจอปัญหาส่วนตัวของเรา ธรรมะ หลักธรรมขององค์พระพุทธเจ้ายังอยู่ในตัวดิฉันเสมอ และไม่ได้อยู่เพียงแค่กับตัวดิฉัน แต่เวลาเกิดเรื่องอะไรที่ดิฉันคิดว่าควรให้แง่คิดกับสังคม อย่างล่าสุด กรณีที่น้องนักศึกษาแพทย์ที่เป็นมะเร็ง ดิฉันเขียนบทความให้ข้อคิด ให้คนมองชีวิต ให้คนมาโฟกัสกันว่าทำไมพระพุทธเจ้าถึงสอนเกี่ยวกับการอยู่กับปัจจุบัน การอยู่ปัจจุบันมันสำคัญมาก คนก็เข้ามากดไลค์ กดแชร์กันเยอะมาก ซึ่งดิฉันคิดว่านี่มันคือความสำเร็จ และมันคือสิ่งยืนยันว่าธรรมะที่ดิฉันได้เรียนมาหรือความเป้นมิสเปรียญ 9 ในตัวดิฉินมันไม่ได้หายไปเลย"

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงการสวมบทบาทใหม่กับการพิธีกรรายการ "แย่งซีน" กับช่อง8 แพรรี่ ได้กล่าวถึงประเด็นดังกล่าวว่า "นี่มันปลดล็อกสกิลแบบเต็ม 100 เพราะเราเคยฝันในใจลึก ๆ คืออยากเป็นพิธีกร แล้วเราถูกสัมภาษณ์มาตลอด ตั้งแต่ตอนเป็นพระ เคยอยู่ในฐานะของแขกรับเชิญ ก็เลยมีความรู้สึกว่าวันหนึ่งฉันอยากจะนั่งบนเก้าอี้ ในรายการที่มันเป็นรายของฉัน เป็นชื่อของฉัน ได้พูดคุยกับแขกรับเชิญที่ฉันอยากพูดคุย ซึ่งวันนี้ถือว่าปลดล็อก เพราะว่าได้ทำตามฝันที่ตั้งใจอยากจะทำไว้แล้ว ที่จริงต้องขอบคุณผู้ใหญ่ของช่อง 8 มาก ๆ ที่เมตตาและเอ็นดู ให้โอกาสดิฉันได้มาทำในสิ่งที่ดิฉันอยากจะทำ ขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ อย่างไรก็ตาม ต้องปรับตัวเยอะมาก ๆ เอาจริงมันเป็นบทบาทที่เราไม่คุ้นเคย ต่อให้เราจะอยู่กับสื่อมานาน เพราะการเป็นพิธีกร มีรายการเป็นของตัวเอง มันมาพร้อมหน้าที่และความรับผิดชอบ ช่วงหลัง ๆ มานี้ ไม่ค่อยได้เสพข่าว มีงานของตัวเองอย่างขายน้ำพริก แต่พอมารับหน้าที่พิธีกรก็ต้องทำการบ้านว่าแขกรับเชิญมีประเด็นอะไร ต้องตามกระแส ตามสื่อ"

ด้านความรัก แพรรี่ ได้อัปเดตสถานะหัวใจตอนนี้ ว่า "ไม่มีเลยค่ะ โสดเต็ม 100 ยังไม่มีค่ะ ยังหาอยู่ โสดสนิท ศิษย์ส่ายหน้า โสดดีกว่าอยู่กับงานกับเงินสบายใจที่สุด ชีวิตมีความสุข ขับเคลื่อนด้วยมิติอื่นก็ไม่ได้แย่อย่างที่คิด อย่ากลัวที่จะเป็นโสด อย่ากลัวที่จะอยู่คนเดียว มีเพื่อน ลูกน้อง ผู้จัดการ ก็อยู่เฮฮาไป เจอคนใหม่เมื่อไหร่ฉันก็ยินดีเริ่มต้นใหม่ ดิฉันเป็นคนไม่เข็ดไม่หลาบ เข็ดเดียวที่ดิฉันรู้จักคือเข็ดฟัน"

ในขณะที่กับพี่คนสนิทอย่าง "สมปอง นครไธสง" ที่ช่วงนี้ไม่ค่อยได้ไลฟ์ด้วยกันเลย แพรรี่ระบุว่า "เจอกับพี่ปองอยู่เรื่อย ๆ เลย เพราะมีเจ้าของแบรนด์ที่อยากให้มาอยู่ด้วยกัน ก็ติดต่อจ้างงานเข้ามาได้ ไม่แน่อาจจะเชิญพี่สมปองมาร่วมรายการก็ได้"

ส่วนกระแสบอลโลก2022 ด้านแพรรี่ ระบุว่า "ไม่ได้ดูบอลเลย ต้องไปถามปองเลย ไม่สามารถตอบได้เลย เพราะไม่ได้ดูบอล ดูแต่นักบอล เชียร์ทุกทีมที่มีนักบอลหล่อจบ"

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงประเด็นทอล์กออฟเดอะทาวน์อย่าง "นายตู้ห่าว" แพรรี่ ได้ฝากข้อคิดให้สังคมว่า "ก็อยากจะฝากว่าคนเราดูที่ภายนอกไม่ได้ คนจะรวย รวยศีลทาน ใช่บ้านโต บางทีเห็นเป็นคนน่าเชื่อถือ มีธุรกิจ มีบ้านหลังใหญ่โต แต่เราไม่รู้หรอกว่าเบื้องหลังเขาทำอะไร ฉันได้ฟังรายการหนึ่งมา เป็นหนุ่มคนหนึ่งที่เขามาเปิดใจ ว่า เคยขายยาเสพติด ทำงานผิดกฎหมาย ได้เงินวันหนึ่งเยอะมาก วันละหลายแสน แต่เขาบอกว่า เงินที่เขาได้ไม่เคยทำให้เขาสบายใจเลย ไม่เคยนอนแบบเต็มตา เพราะหมอเห่าเขาก็กลัวแล้ว กลัวตำรวจจะมาจับ ทุกวันนี้เปลี่ยนตัวเองมาเป็นนักวาดรูป เงินที่ได้จากการวาดรูปไม่เยอะ แต่เขาภูมิใจมากและรู้สึกว่าหลับได้เต็มตา ไปไหนไม่ต้องรีบกลับบ้าน อันนี้ให้แง่คิด สังคมแข่งกันรวย แข่งกันอวด แข่งกันมีบ้านมีรถ ระวังให้ดี อะไรที่ได้มาโดยไม่สุจริต ดิฉันจะถือคติมาก ทำงานต้องให้เป็นสัมมาชีพ ต่อให้เราไม่รวยเราก็ไม่จน มีอยู่มีกินแบบมีศักดิ์ศรีดีกว่า"

สุดท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 23 พ.ย.65 ที่ผ่านมาระหว่างนายชูวิทย์และนายสันธนะ แพรรี่ ก็ได้ระบุว่า "ไม่ต้องกลัวค่ะ เดี๋ยวดิฉันเชิญมารายการดิฉันค่ะ พี่ชูวิทย์ พี่สันธนะคะ ถ้าไม่ว่ากรุณาเมตตาด้วยถ้าหนูเชิญ แต่เชิญมาคนละอีพี และขอนิดหนึ่ง ถ้าหากว่าเชิญท่านใดมาก่อน อย่ามาเคาะประตูหน้าสตูหนู มาทีละท่าน มีอะไรมาคุยกันค่ะ มีเรื่องอะไรอยากพูด หนูให้พูดเต็มที่เลย"