"เต้ มงคลกิตติ์" ยื่นขออนุญาต จัดว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อรับเงินบริจาคช่วยเหลือประชาชน เกรงผิดกฎเหล็ก ยันไม่เกี่ยวข้องกับเงิน ให้บริจาคผ่านมูลนิธิ ย้ำ ไม่ได้อยากดังเหมือนโตโน่ เพราะตัวเองดังอยู่แล้ว

นายมงคลกิตติ์  สุขสินธารานนท์  ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ยื่นหนังสือถึงประธาน กกต. เพื่อหารือปัญหาข้อกฎหมายเรื่องการดำเนินกิจกรรมช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยพิบัติ  ด้วยการจะจัดการว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา กทม.ด้วยหัวใจ ด้วยตัวเปล่า กางเกงในว่ายน้ำตัวเดียว ไป-กลับ ในวันที่ 8 พ.ย.65 ซึ่งเป็นวันลอยกระทง เพื่อหารายได้ช่วยเหลือพี่น้องประชาชนทุกจังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม ภายใต้ชื่อ "ONE MAN ON CHAOPHRAYA  RIVER" 

 

ทั้งนี้ นายมงคลกิตติ์ กล่าวว่า ปัจจุบันได้เกิดเหตุการณ์วาตภัย ส่งผลให้ประชาชนหลายพื้นที่ในประเทศไทย ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ไม่สามารถที่จะประกอบอาชีพ อีกทั้งยังประสบปัญหาด้านที่อยู่อาศัย บ้านเรือนเสียหายจากน้ำท่วม อาหารน้ำสะอาดที่ใช้ในการอุปโภคบริโภค และยารักษาโรค ในฐานะ ส.ส. ตัวแทนของประชาชน จึงไม่อาจทนเห็นพี่น้องประชาชนลำบากได้  จึงมีความประสงค์ที่จะทำการช่วยเหลือประชาชนชาวไทยที่ได้รับความเดือดร้อนดังกล่าว แต่เกรงว่าการกระทำจะขัดกับระเบียบและกฎหมายที่กล่าวมาในข้างต้นและกฎหมายอื่นๆที่เกี่ยวข้อง จึงขอให้ กกต.วินิจฉัยในเรื่องดังต่อไปนี้  ว่า สามารถดำเนินกิจกรรม ว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาได้หรือไม่ 

 

สำหรับกิจกรรม ได้มีการเปิดรับบริจาคในนามของ บุคคล องค์กร หรือมูลนิธิอื่นๆ  ซึ่งตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินที่รับบริจาคหรือเส้นทางการเงินที่รับบริจาคและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการการส่งมอบเงินหรือสิ่งของต่างๆ ให้แก่ผู้ประสบภัยแต่อย่างใด จึงขอให้ กกต.ทราบผลการวินิจฉัยภายใน 15 วัน

 

นายมงคลกิตติ์ อธิบายว่าการที่มาขออนุญาต เพราะขณะนี้มีข้อกำหนดเรื่อง 180  วันอยู่  ที่ให้ ส.ส.ร่วมบุญงานกฐินได้ มีชื่ออยู่ในซองได้ เว้นแต่ห้ามจ่ายเงิน ตนจึงเห็นว่าเรื่องนี้เทียบเคียงกับการที่ตนจะว่ายน้ำข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแล้วรีบบริจาคเงิน ผ่านไปยังมูลนิธิต่างๆ  เช่น ร่วมกตัญญู ปอเต็กตึ้ง และ มูลนิธิของบุ๋ม-ปนัดดา ตนจึงเทียบเคียงกับการเป็นประธานกฐิน แต่เงินบริจาคไปที่มูลนิธิ และตนจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง รวมทั้งจะไม่ไปยุ่งว่าจะเอาเงินไปช่วยพื้นที่ไหน  จึงอยากขอให้ กกต.พิจารณาว่าทำได้หรือไม่ 

 

"เมื่อเงินช่วยเหลือของรัฐบาลมีน้อย เราเป็น ส.ส.ก็นิ่งเฉยอยู่ไมได้ ก็ต้องหาช่องทางด้วยการออกแรง  เพราะเราให้เงินไม่ได้ ใช้ชีวิตเข้ามาแลก เพราะผมมองว่าการเสี่ยงภายในการว่ายข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา เสี่ยง เพราะน้ำลึก แต่คนที่เสียงกว่าผมก็คือประชาชนที่จมอยู่ในน้ำ 2- 3 เมตร  หรือบ้านขวางทางน้ำ ทั้งที่น้ำเชี่ยวมาก ต้องอยู่อย่างนั้น  เมื่อประชาชนเสี่ยง ผมในฐานะผู้แทนประชาชนจะไม่เสี่ยงก็จะเป็นผู้แทนไปเพื่ออะไร จึงต้องมายื่น กกต. ผมเข้าใจว่า กกต.ต้องยึดตามระเบียบ กฎหมาย กกต. กฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และ กฎหมายพรรคการเมือง แต่ทุกอย่างต้องมีวิธีการที่จะทำให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ประชาชน 4-5 ล้านคนที่เดือดร้อนอยู่ กกต.จะใจไม้ไส้ระกำ  อะไรที่มีช่องให้ประชาชนไปต่อและเดือดร้อนน้อยลง อยากให้ กกต.เร่งพิจารณาภายใน 3 วันตอบคำถามผม"

 

เมื่อถามว่าจะเป็นการเข้าข่ายหาเสียงทางอ้อมหรือไม่  นายมงคลกิตติ์  กล่าวว่า  โดยปกติพรรคการเมืองต้องช่วยเหลือประชาชน  เป็นตัวแทนประชาชน มันต้องหาเสียงอยู่แล้ว การที่รัฐบาลลงพื้นที่ ทุกอย่างรัฐบาลก็หาเสียงอยู่แล้ว อย่างที่รองนายกฯอนุทินไปอ่างทอง ขนคน 200 คน รถนำขบวนและส่วนราชการมาเหมือนยกกระทรวงมาก แต่มีถุงยังชีพมาแค่ 200 ส่วนตนไปแค่  5 คน และสุดท้ายก็ฝากส่วนราชการดูแล  คล้ายกับนายกฯ ลงพื้นที่นนทบุรี เขาเดือดร้อนกันเป็นหมื่นคน ก็ฝากให้นายก อบจ. เทศบาล ดูและ ซึ่งเหมือนการส่งต่อ  อันนั้นคือการหาเสียงหรือไม่ 

 

เมื่อถามว่า อยากดังเหมือนโตโน่หรือไม่ นายมงคลกิตติ์  กล่าวว่า ไม่ เพราะเรื่องดังตนดังมานานแล้ว แต่การดังแล้วเป็นประโยชน์กับส่วนรวมถือเป็นเรื่องดี  อย่างโตโน่ก็ถือว่าดีในการช่วยโรงพยาบาล แต่ส่วนตนเห็นว่าเรื่องจำเป็นเร่งด่วนคือประชาชนที่ติดอยู่กับน้ำ 

 

อย่างไรก็ตาม หลังยื่นหนังสือช่วงเช้าแล้ว ในช่วงบ่ายนายมงคลกิตติ์ จะไปหารือกรมเจ้าท่าในการขออนุญาต และดูกระแสน้ำ ในพื้นที่