“จ๋า ณัฐฐาวีรนุช” เผย ถึงกับจิตตก ตรวจเจอโรคหายาก จนต้องผ่าตัดด่วน ลั่นรักสุขภาพดีเเค่ไหน ก็เเพ้ภัยอยู่ดี
นักข่าว : เล่าถึงอาการป่วยของเราหน่อย ที่ทำเอาเเฟน ๆ ตกใจ?
จ๋า : ช่วงที่มันจะเป็นหรือไม่เป็น ตอนนั้นคือกังวล จิตตกมากเป็นพิเศษ เราเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรง ออกกำลังกาย ทำอะไรหลายอย่าง พอช่วงที่ทำอะไรไม่ได้มันก็คิดไปต่าง ๆ นานา คิดไปเรื่อยเปื่อย แล้วต้องรอผลประมาณ 2 อาทิตย์ มันเป็น 2 อาทิตย์ที่ยาวนานมากเลยค่ะ
นักข่าว : สาเหตุของโรคนี้ มันมาจากอะไร?
จ๋า : พอเราได้ไปค้นหาภาวะ Amyloidosis (อะไมลอยด์โดสิส) และไปถามคุณหมอ จริง ๆ มันคือโรคเลือด ซึ่งมันเป็นเรื่องของร่างกายจริง ๆ ไม่มีใครทราบว่าทำไมถึงสร้างตัว Amyloi (แอมีลอยด์) นี้ออกมา ทุกวันนี้แพทย์ทั่วโลกก็ยังหาสาเหตุไม่ได้เลย แล้วก็ยังไม่มีวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจงด้วย ถ้าคนที่เป็นหนัก ๆ ตัว Amyloid นี้จะไปรบกวนการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ ซึ่งมันสามารถทำให้ล้มเหลวได้
นักข่าว : ทำให้เรายิ่งต้องดูแลสุขภาพมากขึ้นกว่าเดิมไหม?
จ๋า : ตัวเองเป็นคนที่ค่อนข้างจะดูแลตัวเองมาก ๆ อยู่แล้ว เราก็กังวลมาก ๆ แต่ตัวนี้มันไม่ได้เกิดจากการที่เราดูแลตัวเองดีหรือไม่ดี เกิดจะเป็นมันก็เป็นขึ้นมาเองเฉย ๆ แต่มันก็ทำเหมือนให้เราระลึกได้มากขี้น
นักข่าว : นี้ก็ไม่ได้เป็นแล้วใช่ไหม เพราะเราตัดทอนซิลทิ้งไปแล้ว?
จ๋า : หลังจากตัดปั๊บก็ตรวจเลือดเลย ตอนนี้ในเลือดไม่มี ในที่ต่าง ๆ ในร่างกายไม่มี สแกนสมองก็ยังไม่เจออะไร คุณหมอก็สบายใจ แต่ถ้าเราอยากจะเฝ้าระวังก็ตรวจอีกรอบนึง
นักข่าว : มีผลกระทบกับการใช้ชีวิตมากไหม?
จ๋า : คนถามเรื่องนี้กันมาเยอะเลยค่ะ เราเองเพิ่งตัดไปได้เดือนเดียว ก็ถามคุณหมอมาตั้งแต่ต้นแล้วว่าเป็นทอนซิลอักเสบ เป็นอะไรหนัก ๆ ชั่งน้ำหนักแล้ว มีไม่ดีมากกว่าไม่มี สมมุติมีแล้วเกิดการอักเสบบ่อยมาก ๆ ปีนึงหลาย ๆ ครั้ง อาจจะมีสิทธิ์ที่จะเป็นเนื้อร้าย หมอก็แนะนำว่าให้ตัดทิ้งไปได้ เพราะในร่างกายมันยังมีต่อมน้ำเหลืองตรงอื่นที่เราสามารถดึงมาใช้ได้
นักข่าว : เรามีความกังวลอะไรบ้างในตอนนั้น?
จ๋า : ตอนแรกก็กังวลเพราะทอนซิลมันเป็นด่านแรกที่ป้องกันเชื้อโรค แต่จริง ๆ มันมีต่อมน้ำเหลืองที่สามารถดึงมาใช้ได้ ของเราเพิ่งผ่าตัดไป ช่วงที่ผ่านมาก็เลยยังไม่รับงาน เลี่ยงการไปสัมผัสกับคน เราไม่รู้ว่าเราจะไปเจอเชื้อโรคตรงไหนอีก ก็ระวังไว้ก่อน ถามว่ามันมีผลอะไรบ้าง ตอนนี้ยังไม่มีผลอะไร ร่างกายเริ่มที่จะฟื้นขึ้นมาแล้ว
นักข่าว : อาหารการกินก็ทานตามปกติหรือยัง?
จ๋า : ก่อนหน้านี้เราเป็นแผลอยู่ก็ทานได้ไม่ปกติ หยอดได้แต่น้ำข้าวต้ม แต่ตอนนี้แผลมันเริ่มหาย ก็เริ่มจะทานอะไรได้เหมือนเดิม ตอนแรกคือหลีกเลี่ยงอาหารมัน อาหารทอด อาหารแข็ง ๆ พวกปลาที่มีก้างอ่อน ๆ ที่มันจะเข้าไปตำได้
นักข่าว : เราใช้เวลาในการรักษานานไหม?
จ๋า : ถ้านับตั้งแต่ที่เจอติ่งเนื้อ และยังไม่รู้อะไรเลยรวม ๆแล้วประมาณ 3 เดือน พอเริ่มรู้ เริ่มคิดจะตรวจจริงจังก็ประมาณเดือนครึ่ง รู้แล้วก็โล่ง ดีใจจริง ๆ นะ ตอนที่รอผล คือคิดเยอะมาก ถ้าเราไม่สามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิมแล้วจะเป็นยังไงต่อไป ตอนนั้นกังวล คิดถึงขั้นหาทางเลยนะถ้าออกจากบ้านไม่ได้อีกต่อไป ถ้าเกิดต้องเข้าโรงพยาบาล อยู่โรงพยาบาลตลอดไปจะเป็นยังไง แล้วจะทำอะไรต่อ
นักข่าว : มันมีจุดสังเกตอาการของโรคไหม ว่าอาการเริ่มต้นเป็นยังไง?
จ๋า : พอเราเล่าแบบนี้แล้วคนอาจจะเข้าใจผิดว่ามันเริ่มจากต่อมทอนซิล แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่ Amyloid มันเจอตรงจุดไหนก็ได้ แต่ของเรามันดันมาเจอที่ทอนซิล บางคนเจอ Amyloid ไปสะสมอยู่ที่หัวใจ คือมีภาวะหัวใจล้มเหลวก็มี สะสมที่ตับ ก็อาจจะมีภาวะตับล้มเหลว บางคนเป็นที่ระบบประสาท มันก็จะไปเกิดอาการตรงที่มันอยู่ ก่อนหน้านี้เราก็ว่าระวังดีแล้วนะ อย่างช่วงโควิดก็ระวังตัวสุดชีวิตเลย เพราะเป็นห่วงคนรอบตัว พอเราไปเจอโรคนี้ กลายเป็นพ้นจากเรารู้สึกว่าเราจะเสียสุขภาพนี้ไป ตอนนี้เลยยิ่งให้ความสำคัญ เห็นเลยว่าสุขภาพเรามันมีแค่หนึ่งเดียวเท่านั้น ก็ยิ่งต้องดูแลเต็มที่มากขึ้นไปอีกเท่าที่จะทำได้