“บอย ปกรณ์” ลั่นยังไม่พร้อมเรียก “เฟย์” ว่าเเฟน รับเสียทรงหลังโดนเเซว เผย “หน่อง” ยังมีอาการซึม เข้าใจว่าเเผลยังสด
นักข่าว : หวานไม่เเผ่ว มันยังไงเอ่ย กับคำเรียกเเทนใจจนโดนเเซว?
บอย : ความจริงแล้ววันนั้นที่เฟย์เขาพูด เขาน่าจะหมายถึง “บู้บู๋” ความจริงผมกับเขามีคำเรียกกันไม่ค่อยตายตัว บางทีเป็นคำว่า “บูบู้” บ้าง “บู้บู๋” บ้าง แล้วแต่การพิมพ์ แล้วแต่การเรียก ตามจังหวะหรือบริบทในการใช้ (ใครเป็นคนคิด) ผมไม่แน่ใจนะ มันเหมือนกับเกิดขึ้นมาจากทั้งคู่ ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นวันแรกคือตรงไหน
นักข่าว : เพราะว่าเราชอบไปอ้อนขอกำลังใจจากเขาหรือเปล่า?
บอย : (เขิล) ก็มีบ้าง คือผมเวลาทำงานเสร็จหรือเวลาถ่ายละครเสร็จเหนื่อย ๆ ก็โทรไป เหมือนได้คุยกับเขา ได้ยินเสียงเขา เราก็ได้เติมพลัง
นักข่าว : ชอบอ้อนด้วยเสียง 18 จริงไหม?
บอย : คือเราคุยกับคนที่เรารู้สึกดีด้วย โอเคภาพเราอาจจะดูเป็นผู้ชายแมน ๆ แต่เวลาคุยเราก็มีเสียงที่อ่อนลงมาบ้าง ให้การคุยมันดูมีความมุ้งมิ้ง กระหนุงกระหนิง ฟีลลิ่งมันเป็นแบบนั้น
นักข่าว : มันประมาณไหน สาธิตหน่อยได้ไหม?
บอย : (ยิ้ม) สมมุติโทรไปเเล้วก็แบบ “บู้บู๋ทำไรอยู่..” ประมาณอย่างนี้ ทำอะไรอยู่บ้าง ทักทาย พูดคุยครับ (โทนเสียงแบบนี้) อาจจะอ่อนกว่านี้หน่อย
นักข่าว : คุณแม่ว่ายังไงบ้าง สำหรับสาวคนนี้?
บอย : ดีครับ ความจริงแล้วเขาก็ดีใจที่เรามีคนที่คอยคุย เป็นคนที่คอยเป็นคู่คิดให้เรา แล้วยิ่งเป็นเฟย์ด้วย แม่เขาก็ชอบแหละครับ เขาก็ชอบเฟย์
นักข่าว : ตอนนี้เรียกจะเรียก “แฟน” ได้ยัง?
บอย : ตอนนี้ยัง สำหรับผมกับเฟย์ เรายังไม่ได้ตกลงกันเป็นแฟนเลยจริง ๆ
นักข่าว : ครั้งก่อนเขาบอกว่าให้ทางเราเปิดก่อนได้ไหม?
บอย : คือมันไม่ใช่ว่าใครเปิดก่อนหรือว่าใครเปิดหลัง แค่ว่าเราสองคนยังไม่ได้ตกลงว่าเป็นคำนั้น ซึ่งสำหรับผมแล้ว ก็ไม่ได้กั๊กหรอกว่าเป็นแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าไม่เป็น มันไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกั๊กอยู่แล้ว ถ้า ณ วันนึงความสัมพันธ์มันไปถึงจุดนั้น ผมก็ตอบไปตามตรง
นักข่าว : พอมันถึงวันนั้นก็จะขอเป็นแฟนเลยไหม?
บอย : ผมว่ามันต้องมีแหละ (จะสร้างโมเมนต์พิเศษก่อนไหม) คือเรื่องการสร้างโมเมนต์พิเศษขึ้นมา ผมก็ไม่ได้คิดไปถึงจุดนั้น ตัวเองไม่ได้เป็นคนที่ต้องสร้างมันขึ้นมา หรือทำอะไรแบบใหญ่โต เราก็เป็นคนที่ชอบอะไรเรียบง่ายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าเกิดจังหวะวันนึงความรู้สึกมันพอเหมาะพอดี ผมว่ามันก็คงเกิดขึ้นเองตามความเหมาะสม
นักข่าว : ด้วยความขี้อ้อนของเรา สังเกตไหมว่าตัวเองเปลี่ยนไป?"
บอย : (หัวเราะ) คือเราก็มีคนที่ทำให้เรามีความสุข มีคนที่อยู่ข้าง ๆ พอเราอยู่ด้วย เราก็อยากมีโมเมนต์ให้ได้อ้อนเขา หรือว่าพูดคุยแบบเสียงสองกับเขาบ้าง เป็นอะไรที่เติมเต็มความรู้สึกให้เรา
นักข่าว : ใครชอบอ้อนเยอะกว่ากัน?
บอย : ผมว่าทั้งคู่นะ แต่ก็มีจังหวะโมเมนต์ทั้งคู่เป็นช่วงคุยมุ้งมิ้งกระหนุงกระหนิง ตัวเฟย์เองเขาก็เป็นคนน่ารักอยู่แล้ว เขารู้ว่าเราทำงานเหนื่อย ๆ มา เขาก็คอยให้กำลังใจเรา มันก็เหมือนกับคอยซัปพอร์ตกัน บางทีช่วงที่เขาเหนื่อยเราก็ให้กำลังใจเขา มีการขอคำแนะนำกัน พูดคุย ความจริงแล้วความรู้สึก ความสัมพันธ์ของเราสองคน การพูดคุยมันก็เหมือนผู้ใหญ่คบกัน มีเรื่องราวอะไรก็มาปรึกษากันพูดคุยกัน แต่แน่นอนเวลาคบกัน คุยกัน ชอบกัน มันก็ต้องมีจังหวะมุ้งมิ้งกันบ้าง
นักข่าว : ฝ่ายหญิงเขาเซอร์ไพรส์มาก เพราะไม่เคยเห็นมุมนี้ของเราเลย?
บอย : ผมว่าก็คงไม่ใช่แค่เขาหรอกครับที่เซอร์ไพรส์ หมายถึงว่า หลาย ๆ คน ที่ได้รับรู้ว่าผมมีโมเมนต์พวกนี้ หลายๆ คนอาจจะมองว่าผมมีบุคลิกที่แบบฮาๆ หรือบางทีก็แมน ๆ ไปเลย แบบไม่ได้คิดว่าผมจะมีมุมมุ้งมิ้งอะไร ครั้งแรก ๆ เขาก็เคยบอกผมเหมือนกันว่าเขาก็แปลกใจเหมือนกันที่มีโมเมนต์อ้อน ๆ
นักข่าว : คนรอบข้างเขาทักไหม ว่าเราเปลี่ยนไป?
บอย : ก็มี เพื่อน ๆ แหละ แก๊งผม
นักข่าว : เดอะแก๊งเราแซวเยอะไหม?
บอย : ก็แซว มีแซวบ้าง คำเรียกอะไรก็ตาม อย่างวันนั้นล่าสุดมีประชุมงานกันของทีมที่มี อาเล็ก, เกรท, เจมส์จิ, เป๊ก พอดีว่าเฟย์เขาเสร็จงานเขาก็ตามมาสมทบ ผมก็เรียกเขาว่าบูบู้ ทางอาเล็กก็พากันกวน ก็พูดบู้กินไรยัง (ยิ้ม) มีบ้างหยอก ๆ กัน เขาก็มีพูดบ้างว่าเรามีซอฟต์ขึ้นนะ หมายถึงเพื่อน ๆ นะครับ พอไปอยู่ด้วยแล้วมีความซอฟต์ขึ้น แบบไม่ได้กระโชกโฮกฮากกับพวกมัน
นักข่าว : อยู่กับเฟย์เเล้วก็จะตัวเล็กไปเลย?
บอย : (ยิ้ม) นิ่งขึ้นละกัน
นักข่าว : ให้เวลาตัวเองแค่ไหนกับคำว่าแฟน?
บอย : ความจริงแล้วตัวผมเองไม่ได้ว่าจะต้องจำกัดเวลา หรือมีลิมิตว่าจะต้องกี่เดือน ผมว่ามันขึ้นอยู่กับความรู้สึก แล้วก็ความเหมาะสมที่เกิดขึ้น ผมว่าถ้ามันจะเกิดขึ้นเอง แล้วผมก็ไม่กั๊กแน่นอน
นักข่าว : ทางฝ่ายหญิงเรียกเรากลับว่าอะไร?
บอย : เขาก็เรียกกลับอย่างเนี่ยแหละ ปกติก็จะมีทั้งคุณ มีผม มีเรียกชื่อ มีเค้า “บูบู้” กับ “บู้บู๋” ก็เรียกวนกันไป ผมได้หมด คือเวลาเขาเรียกเรามาด้วยคำที่มันน่ารัก ก็ทำให้เรารู้สึกว่าน่ารักอ่ะ"
นักข่าว : คู่เรามีความสุขแฮปปี้ดีนะ?
บอย : แฮปปี้ครับ ดีครับ คือเหมือนกับว่าเราเข้าใจซึ่งกันและกัน เติมเต็มซึ่งกันและกัน อย่างที่ผมบอก น้องเขาเป็นคนที่แบบค่อนข้างเป็นคนที่ใส่ใจความรู้สึก เขาก็จะมีความน่ารักในมุมตรงนี้ของเขา
นักข่าว : ขออัปเดตสภาพจิตใจของน้องชาย “หน่อง” หน่อยว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง?
บอย : ความจริงแล้วที่บ้านก็รับรู้กัน อาจจะไม่ได้รับรู้กันแบบเรียลไทม์นะ คือที่บ้านบางทีเรื่องความรัก ด้วยความที่มันเป็นบ้านผู้ชาย บางทีไม่ได้อัปเดตกันเรียลไทม์หรอก บางทีเกิดเรื่องราวอะไรในตัวเขา กว่าเราจะมารู้ก็ผ่านไปแล้วกี่วัน หรือว่าเป็นอาทิตย์ แต่ว่าพอได้รับรู้จากปากของเขา ก็ซึม ๆ แหละ เขาก็มีโมเมนต์หงอย ๆ ซึม ๆ เศร้า ๆ แต่ถ้าเกิดใครเคยได้ยินที่บ้านผมสัมภาษณ์ คือจะรู้ว่าพี่น้องบางทีไม่ค่อยได้คุยกันเลย แต่จะคุยกันผ่านคนกลาง เขาก็จะไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็จะมาเล่าให้ผมฟัง หรือเล่าให้น้องภัทรฟัง แม่เขาก็จะบอกว่าชวน “หน่อง” มันไปกินข้าวบ้างพรุ่งนี้ เราก็ไม่อยากจะไปพูดอะไรที่ไปสะกิดหรอก เราก็บอกไปเดี๋ยวไปกินข้าวกัน ไปเดินเล่นด้วยกันเปล่า ก็ชวนกันแค่ให้เขาหลุดออกจากสิ่งที่เขาต้องกังวลหรือเครียดอยู่ ให้เขาได้มาทำกิจกรรมอะไรที่ปลดปล่อยบ้าง
นักข่าว : เขาซึมขนาดไหนจากที่เราสัมผัสได้?
บอย : ก็มีแหละครับ เขาก็มีความหงอย ๆ แบบไม่ค่อยอยากกินอะไรบ้าง ผมว่ามันเป็นปกติของทุกคนเนอะ เวลาที่ต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก
นักข่าว : เป็นห่วงเขาขนาดไหน?
บอย : เป็นห่วงเขาในระดับนึง แต่ว่าเราก็พอจะรู้จักน้องชายของเราเหมือนกันว่า แน่นอนตรงนี้ผ่านสิ่งที่ยากลำบากมา ต่างคนต่างเสียใจแน่นอน แต่ว่าผมว่าเรื่องของระยะเวลามันก็จะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นเอง ซึ่งตอนนี้เวลามันก็ผ่านมาพักนึง ตัวหน่องเขาก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ
นักข่าว : เมื่อวาน “แพรวา” ออกมาพูด บอกว่าฝากให้แม่พี่ชายช่วยดูแล เพราะต่างฝ่ายยังเจ็บอยู่?
บอย : เราก็รู้ครับ มันเป็นเรื่องที่สองคนต้องแยกกันไป แน่นอนต่างคนต่างเจ็บใจอยู่แล้ว เราเองในฐานะที่เป็นครอบครัว ก็ดูแลความรู้สึกกันแน่นอนอยู่แล้ว คอยประคับประคอง ตามลักษณะว่าสไตล์ใครสไตล์มันด้วย บ้านผมก็จะเป็นประมาณอย่างนี้ หน่องก็จะปรึกษาแม่แหละ อย่างผมก็จะเป็นลักษณะไม่ค่อยไปพูดเยอะ ไม่ค่อยไปสะกิดเยอะ แต่รับรู้ และเป็นห่วงอยู่ ดูอยู่ห่าง ๆ ชวนเขาไปทำอย่างอื่นให้รู้สึกผ่อนคลาย
นักข่าว : ตอนทราบข่าวตกใจไหม เพราะตอนปีใหม่เพิ่งปาร์ตี้กันเอง?
บอย : เอาจริง ๆ ก็ตกใจแหละครับ ตกใจครับ เพราะว่าก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รับรู้ถึงสัญญาณอะไรมากมาย
นักข่าว : ทางด้าน “หน่อง” ก็ไม่ได้มีมาคุยกันก่อนหน้านี้?
บอย : ใช่ครับ อย่างที่ผมบอก บ้านผมผู้ชาย 3 คน ไม่ค่อยจะมาปรึกษาเรื่องความรักอะไรหรอก
นักข่าว : ช่วง 2 เดือน ที่ผ่านมาเขาเป็นยังไงบ้าง?
บอย : อย่างที่ผมบอกครับ พอระยะเวลามันผ่านไปเรื่อย ๆ ผมว่าเขาก็ดีขึ้นตามลำดับ แต่ถ้าเกิดไปถามว่าเขายังรู้สึกอะไร เขาต้องรู้สึกอยู่แล้วแหละ เขาก็ยังไม่ได้กลับมาสมบูรณ์เหมือนเดิม เราก็แค่ไม่อยากไปสะกิดเขา สงสารเขา สงสารทั้งคู่เอาจริง ๆ คือตัวเราก็ได้อยู่ในช่วงที่เขาทั้งสองคนคบกัน เหมือนเวลาเขามาเที่ยวที่บ้านผม เขาก็น่ารักก่องแก่งของเขากัน แต่พอเขาแยกจากกัน รู้สึกว่าสงสารทั้งคู่แหละ เขาต้องเสียใจกันทั้งคู่อยู่แล้ว ผมว่าทุกคนพอแยกกัน เสียใจ แต่ในเมื่อทำความเข้าใจกันเรียบร้อยแล้ว ต่างคนก็ต่างที่จะต้องหาวิธีที่จะมูฟออนตัวเอง รักษาแผลใจตัวเอง อย่างหน่องเขาก็ไม่ได้เป็นคนที่มีเพื่อนฝูงเยอะแยะ ทุกวันนี้เขาก็จะอยู่กับวันใหม่ พาน้องไปโน้นไปนี่ ผมว่าเป็นวิธีในการมูฟออนของเขาด้วย