“ใบเตย อาร์สยาม” รับ ยอมโหมงานหนักไม่หวั่นกระทบสุขภาพ ลั่นยังอยากทำงาน เบรกเเพลนปั๊มลูกคนที่ 2
นักข่าว : ช่วงนี้โหมงานหนักมาก เก็บกดอะไรมา?
ใบเตย : ใช่ค่ะ คือมันหนักมากหรือเรียกว่าเดือนนี้เหมือนดวงเปิดก็ได้ ด้วยความที่ละครก็เร่งถ่าย ก็เลยมีการถ่ายแบบหนักมากทุกวัน แต่เราก็เข้าใจว่าในช่วงที่ก่อนหน้านี้นักแสดงติดโควิด ก็เลยต้องหยุดกันไปยาว เราก็เลยเข้าใจกองถ่ายเขาด้วย เพราะว่ามันต้องรีบที่จะต้องเตรียมออนเเอร์
นักข่าว : กลัวร่างกายเราจะรับไม่ไหวไหม?
ใบเตย : ตื่นเช้ามาวันนี้ก็ไม่คิดว่าจะไหวเหมือนกัน แต่เราก็สู้มาก (กลัวมันจะทรุดไหมเพราะโหมมาก) ถ้าเป็นตอนเนี่ยไม่กลัว ถ้าเป็นเมื่อก่อนอาจจะมีคิดบ้าง แต่ตอนนี้ก็ใช้การกินวิตามินช่วย หาสิ่งบำรุงต่าง ๆ มาบำรุงร่างกาย แล้วก็ใช้ทริกในการทำงานของแต่ละวัน
นักข่าว : โอเคหรอ สำหรับการทำงานหนักแบบนี้?
เตย : คือมันก็โอเคมาก เพราะว่าเราห่างหายไปนานตั้งแต่แต่งงานมีน้องแล้วก็มามีโควิดอีก เพราะเกือบ 3 ปีแล้ว คิดถึงงานตรงนี้มาก คิดถึงทุกอย่าง ทั้งแฟนเพลง เเละงานต่าง ๆ
นักข่าว : แบ่งเวลาในการดูแลลูกยังไงบ้าง?
ใบเตย : คือช่วงเนี่ยแบ่งลำบากมาก เพราะว่าเราต้องแบ่งเวลาให้งานละคร แล้วก็มีงานคอนเสิร์ตอีก รวมถึงงานธุรกิจส่วนตัวด้วย และกำลังจะมีซิงเกิลเพลงใหม่อีก
นักข่าว : คือช่วงนี้เราก็เจอลูกน้อยลงใช่ไหม?
ใบเตย : คือวันนึงจะได้เจอแค่ช่วงตอนตื่นเช้าก่อนจะออกไปทำงาน หรือกลับมาจากทำงาน ถ้าไม่ดึกมากก็จะได้เจอกัน
นักข่าว : มีงอแงไหม เพราะว่าลูกติดเรามาก?
ใบเตย : คืออย่างตอนเช้ามาก็จะร้องไห้แบบว่า เห็นพ่อแม่ขึ้นรถ เราก็พยายามจะทำให้เขาติดพี่เลี้ยงเพื่อจะไม่ให้รู้สึกผิดทั้งสองฝ่าย (เวลาที่ไม่ได้เจอกันถ้าลูกติดพี่เลี้ยงจนลืมเราจะน้อยใจไหม) ไม่นะ เพราะว่าเราไว้วางใจอยู่แล้ว เราเป็นผู้หญิงทำงาน เราไม่อยากให้เขามานั่งเป็นห่วง นั่วร้องไห้งอแง ต่างฝ่ายต่างห่วงกันให้เค้าติดที่เลี้ยงอ่ะดีแล้ว เพราะว่าถ้าโตขึ้นไปในอีกสเตปหนึ่งเค้าจะได้รู้ว่าพ่อแม่ไปทำงานนะ ถ้าเค้าโตแล้วไปโรงเรียนแล้ว เค้าจะได้รู้หน้าที่ของตัวเอง
นักข่าว : พัฒนาการของเค้าตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?
ใบเตย : จดจำเยอะมาก ตามทุกอย่างถือว่าเป็นเด็กฉลาดมาก โดยเฉพาะจำท่าเต้นก็คือคิดว่าเค้าคงเหมือนเราเลยแหละ (เวลาเค้าเห็นเราในทีวีเป็นไงบ้าง) ก็จะร้องเรียกเรา แต่บางทีเค้าก็จะร้องไห้ที่เห็นแต่ในทีวี ไม่เห็นตัวจริง แต่ช่วงนี้เราก็จะรู้สึกว่าเค้าแฮปปี้มีเรียกป่ะป๊า-ม่าม๊า บ้างเเล้ว
นักข่าว : วางแผนอนาคตไว้ยังไงบ้าง?
ใบเตย : ในสิ่งที่เค้าชอบ ตอนนี้วัดยากมาก ก็คงจะเป็นเรื่องของการเต้น เรียกว่า DNA ของคุณแม่มาเต็ม คายตะขาบสุด ๆ ความคาดหวังที่จะให้เค้าเดินตามรอยเราไม่มีเลย เราอยากให้ลูกเป็นธรรมชาติมากที่สุดในชีวิต ไม่มีการกำหนดหรือตั้งเป้าว่าต้องเก่ง ต้องเป็นแบบแม่ จะต้องเหมือนใคร อยากให้เค้าได้เลือกทุกอย่างด้วยตัวเองในชีวิต เเละต้องคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีที่สุดให้มันเป็นธรรมชาติและได้มีสิทธิ์ในการกำหนดชีวิตตัวเอง
นักข่าว : อัปเดตน้องว่ามีอาการลองโควิดบ้างไหม?
ใบเตย : ยังไม่มีเลย ยังปกติอยู่ แต่คุณหมอก็ให้ดูต่อไปว่าถ้ามีไข้สูงต้องรีบพาไปโรงพยาบาล เพราะว่าเด็กเค้าจะมีอาการลองโควิดที่เปอร์เซ็นต์มากกว่าผู้ใหญ่
นักข่าว : แล้วตัวเราเองสุขภาพเป็นยังไงบ้าง?
ใบเตย : จะบอกว่าตอนนี้ก็ดีขึ้นมากแล้ว แต่เวลาไปคอนเสิร์ตก็จะรู้สึกว่าคอยังพังอยู่ เรื่องระบบทางเดินหายใจค่อนข้างไม่เต็มที่ ยังรู้สึกเหนื่อย เพราะว่ามันมีผลกระทบมาจากโควิด เพราะว่าปอดมันสำคัญกับนักร้อง ถ้าปอดมีปัญหามันก็จบ คุณหมอก็ให้กำหนดไว้ประมาณ 3 เดือน แบบจะฟื้นตัวได้เป็นปกติ แต่ตอนนี้เราจะเจอแค่ปัญหาเรื่องผมร่วงที่หนักมาก ส่วนทางด้านสามี อย่างพี่แมนไม่มีอะไรเลย ไม่มีปัญหาอะไร แข็งแรงดี
นักข่าว : กังวลอาการของลูกหลังหายโควิดไหม?
ใบเตย : ก็มีกังวลนะคะ แต่ตอนนี้ก็โอเคสบายใจขึ้น เพราะว่าผ่านมาเกือบ 2 เดือนแล้ว
นักข่าว : ถามถึงเรื่องแผนที่จะลูกคนที่ 2 ยังมีลุ้นไหม?
ใบเตย : ก็เรียกว่าสามียังพยายามตลอด แต่เราก็เบรกว่าอย่าเพิ่ง คือความตั้งใจเราก็คือปีหน้า อยากทำงานอยากบริหารธุรกิจแล้วก็เคลียร์งานทุกอย่างที่กำลังค้างกับค่ายอยู่ให้เสร็จให้หมด แล้วก็จะเริ่มทุกอย่างใหม่ทั้งหมด เพราะว่าถ้าการมีลูกใหม่อีกคนก็อยากจะเริ่มใหม่ในปีหน้าเลย อยากจะให้มีทุกอย่างให้มันครบให้หมด จัดการกับสิ่งที่ต้องทำก่อน เพราะเราต้องเริ่มต้นเรียนรู้ไปกับมันก่อนจะได้มีคอนเนคชันต่าง ๆ ในชีวิตที่หลากหลายมากขึ้น แล้วก็ขอให้ตัวเองกับแฟนเพลงได้มีเวลาเต็มที่ ขออีกซักปีนึงในปีนี้ก่อน
นักข่าว : เชื่อในเรื่องของสายมูเตลูด้วยหรือเปล่าเเบบนี้?
ใบเตย : เชื่อมากเลย เพราะเขาบอกว่าปีนี้จะดีมาก ๆ จะเหมือนตอนสมัยปีแน่นอกเลย ก็คือจะต้องได้อะไรแบบดั่งใจหวังจริง ๆ ก็เลยโอเคว่าปีนี้ขอทำงานทำเงินทำธุรกิจให้มันดีก่อน ซึ่งต้องเรียกว่าเราดูกันหลายหมอเลยแต่เค้าก็พูดดีตรงกันหมดนะ
นักข่าว : เรียกว่าคนบันเทิงกับสายมูมันคู่กันไหม?
ใบเตย : เราไม่ได้ถึงกับว่าคลั่งเรื่องของเทพเจ้า หรืออะไรขนาดนั้น แต่เราจะเป็นการเชื่อว่าต้องดูดวงสักครั้งในหนึ่งปี เพื่อเป็นการเริ่มต้นใหม่ ๆ แต่เราก็เชื่อวาจาศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละหมอ แบบว่าต้องไปทำบุญที่ไหนต้องไปทำอะไรที่ไหนทำทานที่ไหน จะเป็นแบบทางนี้มากกว่า แล้วหลัก ๆ 90% คือหนึ่งสมองสองมือสำคัญที่สุดอยู่แล้ว เพราะว่ามันต้องลงมือทำด้วย คือว่าเน้นความสบายใจขออย่าให้มีปัญหาใด ๆ
นักข่าว : ขอถามเรื่องนามสกุล “อาร์สยาม” ยังจะสามารถใช้ได้ต่อไหม หากหมดสัญญา?
ใบเตย : ก็คงจะต้องใช้ตลอดไป คือ “ใบเตย อาร์สยาม” เรียกว่าไม่ได้ขอนะ เพราะอย่างจริง ๆ แล้วเรื่องชื่อหรือนามสกุลมันไม่ใช่พอจะหมดสัญญาแล้วจะต้องคืน เรารู้สึกว่าเราภูมิใจกับคำว่า “ใบเตย อาร์สยาม” ที่ทุกคนรู้จักเรา แล้วมันก็เป็นชื่อที่ดีกับเรามาตลอดมันเป็นทั้งชื่อและนามสกุลของเราแล้วจริง ๆ เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนะวันนี้ คือไม่ได้มีการคุยกับผู้ใหญ่ เพราะเราก็ภูมิใจกับสื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่ใช้ชื่อว่า “ใบเตย อาร์สยาม” อยู่นั่น