“ใบเตย อาร์สยาม” แจง ต่อสัญญาหรือไม่? พร้อมเผยอาการหลังหายโควิด
นักข่าว : หลังหายป่วยจากติดโควิดยกบ้านเป็นยังไงบ้าง?
ใบเตย : อาการโอเคหมดแล้วค่ะทั้งครอบครัว และก็น่าจะมีภูมิสูงกันหมดเลย เพราะว่าตอนป่วยเป็นหนักมาก ทั้งแบบมีไข้ เจ็บคอ ไอ ปวดหัว อาเจียน คือมาครบทุกอย่าง ที่เป็นหนักเพราะเรามีโรคประจำตัวด้วย คืออย่างตัวเราเองก็มีโรคแทรกซ้อนอยู่แล้ว พอเป็นไซนัสปุ๊บ พวกเชื้อโควิดมันก็จะเข้าไปทำลาย คอ หู จมูก ปาก ดังนั้นมันเลยทำให้เราเป็นหนัก แต่สำหรับเด็ก ๆ ด้วยความที่เขายังไอไม่เป็น เขาก็จะแค่มีไข้สูงอยู่ประมาณ 3 วัน เวลานั้นเครียดมากค่ะ เพราะว่ามันเป็นอะไรที่งง คือเราไม่เคยคิดมาก่อนว่าลูกจะเป็น เนื่องจากเราก็ดูแลเขาอย่างดีที่สุดแล้ว ให้เขาอยู่แต่ในบ้านตลอด
นักข่าว : เรียกว่ากังวลมากใช่ไหมตอนนั้น?
ใบเตย : ก็กังวลนิดหนึ่งค่ะ เพราะเอาจริง ๆ ตอนนี้ก็ยังมีไออยู่บ้าง และก็มีอาการเหนื่อยหอบ ถือว่ามีผลประมาณหนึ่งเลยค่ะ รวมถึงเรื่องผมร่วง คือผมร่วงหนักมาก ตอนที่เราเข้ารับการรักษา เราทานยา ฟาวิ 5 วันเต็มเลยค่ะ ส่วนเรื่องเอ็กซเรย์ก็ได้ทำเรียบร้อยแล้ว ก็คือไม่มีเชื้อลงปอด เราเอ็กซเรย์ 3 รอบเลยค่ะ ตั้งแต่ตอนที่เป็น และก็ช่วงอยู่โรงพยาบาลเนื่องจากเราต้องอยู่โรงพยาบาลถึง 7 วัน รวมถึงช่วงก่อนออกจากโรงพยาบาลอีกครั้งหนึ่ง
นักข่าว : มีผลกระทบต่อเสียงของเราด้วยใช่ไหม?
ใบเตย : นิดหนึ่ง ความจริงคือมีผลกระทบเกี่ยวกับเรื่องคอมาก อย่างเช่นล่าสุดที่ไปเล่นคอนเสิร์ตก็รู้สึกได้เลยว่าร้องเพลง โคโยตี้ค่ะพี่ ไม่ถึงแล้ว (หัวเราะ) ขึ้นเสียงสูงไม่ได้ ก็มีคุยกับเพื่อนที่เป็นหมอ เขาก็บอกว่าประมาณ 3 เดือนทุกอย่างก็น่าจะกลับมาโอเค ซึ่งเราก็กังวลนะคะ เพราะว่าร้องเพลงไม่ถึง แต่ก็โอเคค่ะ เข้าใจได้ ก็ต้องปล่อยให้มันค่อย ๆ ปรับไป
นักข่าว : เป็นหนักทั้งครอบครัว จนกลัวไปเลยหรือเปล่า?
ใบเตย : กลัวมาก เอาจริง ๆ นะ ตอนที่เราเป็นร้องไห้เลย คือเราเป็นหนักมาก มันยิ่งกว่าไข้หวัดใหญ่อีกนะ งงเลยทำไมครอบครัวเราเป็นกันหนัก ตัวพี่แมนเองก็เป็นหนัก ทั้ง ๆ ที่ปกติเขาเป็นคนที่ไม่ป่วยเลย ส่วนน้องเวทย์มนต์เราเองก็สงสารเขา แต่ด้วยความที่เขาเป็นเด็ก พอถึงวันที่ 3 อาการเขาก็ค่อย ๆ เริ่มกลับมาเป็นปกติ ไข้ค่อย ๆ ลดลง เขาหายคนแรกเลย
นักข่าว : ตอนนี้ต้องมีการดูเเลตัวเองเยอะไหม?
ใบเตย : ต้องบำรุงร่างกายเยอะมากค่ะ ตอนนี้กินวิตามินคืนหนึ่งประมาณ 18 เม็ด เพราะเราเจอปัญหาทั้งเรื่องผมร่วง เรื่องเสียง และก็พวกภูมิต้านทานต่าง ๆ การป่วยครั้งนี้ทำให้รู้ตัวเองเลยว่าควรที่จะต้องกินอะไรบ้างแล้ว เรื่องผมร่วงก็กังวลมาก คือคุณพ่อใบเตยท่านหัวล้านไงคะ และคุณแม่ใบเตยก็ผมบางมาก ดังนั้นมันเลยแบบ ตายแล้ว! กลัวมาก ตอนนี้ก็เลยต้องกินทุกอย่างที่คุณหมอแนะนำเพื่อช่วยลดการขาดหลุดร่วง มันร่วงแบบ แค่แหวกก็หมดหัวเลย อารมณ์แบบต้องใช้มือสาง หรือเวลาสระผม หวีผม แค่ลูบครีมนวดก็หลุดติดมือเป็นช่อ ตอนนี้ดีขึ้นนิดนึงค่ะ
นักข่าว : ทำไมถึงข้ามค่ายมารับงานได้?
ใบเตย : เรื่องนี้ต้องขอบคุณทางค่ายกับทางเวิร์กพ้อยท์มาก ๆ ค่ะ คือมันเป็นเรื่องที่ยากและใช้ระยะเวลาเป็นปีเลยด้วย สำหรับการคุยกันของทางผู้ใหญ่กว่าจะได้ข้อสรุปที่ลงตัว ทั้งเรื่องของเพลง เรื่องลิขสิทธิ์ของแต่ละค่าย รวมถึงเรื่องที่จะแลกเปลี่ยนกัน คือเขาก็สู้รบปรบมือกันมาพอสมควรกว่าจะมีวันนี้ ซึ่งเรารับรู้รับทราบมาตลอด ก็ดีใจมากค่ะ เป็นโปรเจกต์แรกของเราเลยที่ออกมาทำงานนอกค่ายแบบนี้ ก็เป็นสัญญาณดีอยู่แล้วค่ะ เพราะว่าอีกไม่กี่เดือนก็หมดสัญญาแล้ว
นักข่าว : คือจะสิ้นสุดการเป็นนักร้องค่ายอาร์สยามเลยใช่ไหม?
ใบเตย : ตอนนี้ได้เป็นการตัดสินใจแล้วค่ะว่าเป็นอิสระ ส่วนเพลงเก่า ๆ ที่เราเคยร้อง ก็ซื้อหมดเลยค่ะ เหมา เพราะเราคือนักร้อง ทุกเพลงของเรามันคือเพลงของใบเตย และเราก็ได้คุยกับทางค่ายเอาไว้หมดแล้ว ซึ่งทางนั้นเขาก็โอเค ซึ่งสิ้นสุดสัญญาช่วงเดือนมิถุนายนนี้ค่ะ หลังจากเดือนมิถุนายน แฟน ๆ ก็น่าจะได้เห็นเราในมุมที่หลากหลายขึ้น สุดขั้ว และก็เริ่มมีโปรเจกต์ติดต่อมาบ้างแล้วด้วยเหมือนกัน
นักข่าว : รู้สึกยังไงที่จะไม่ได้ใช้นามสกุลอาร์สยามเเล้ว?
ใบเตย : ใจหายค่ะ ใจหายมาก แต่เอาจริง ๆ สำหรับเราไม่ได้มองว่ามันเป็นการจากลาเลยนะ เพราะว่ากับทางค่ายเองก็ยังมีชิ้นงานอีกหลายชิ้นที่ค้างคา เรายังร่วมงานกันตลอด
นักข่าว : แต่ยังใช้ “อาร์สยาม” ได้ใช่ไหม?
ใบเตย : ใช้ได้ค่ะ ใช้ได้ ซื้อมาหมดแล้ว ซื้อลิขสิทธิ์เฮียมาหมดแล้ว (หัวเราะ) เอาจริง ๆ นะ ต่อให้ไม่ใช้หรือต่อให้เปลี่ยน ยังไงคนก็ยังคงเรียกเราแบบนั้น เพราะมันคือสิ่งที่ลืมไม่ได้ และตัวเราเองก็ไม่ได้ซีเรียสเลยด้วย
นักข่าว : หลังหมดสัญญา วางเเผนไว้ยังไงบ้าง?
ใบเตย : โอ้โห ให้ดวงพาไปเลยค่ะ แต่เอาจริง ๆ นะ เราไม่ได้มายด์เลยว่าจะไปทางไหน เนื่องจากเราแฮปปีกับการเป็นแม่ แฮปปีกับการมีครอบครัว แฮปปีการทำธุรกิจ ส่วนงานในวงการบันเทิง ก็จะมองว่ามันเป็นสิ่งที่เรารัก เวลาที่เราได้ทำรู้สึกมีความสุข
นักข่าว : ใจหายไหม จะต้องปรับตัวมาเป็นอิสระ?
ใบเตย : ก็ใจหาย เพราะเราไม่เคยเป็นฟรีแลนซ์มาก่อน ตั้งแต่ก้าวขามาอยู่กรุงเทพฯ เราก็มีที่นี่ดูแลมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นมันจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างรู้สึกกังวลเหมือนกันว่าเราจะสามารถดูแลตัวเองได้ดีกว่าที่ค่ายเขาดูแลไหม ถึงแม้เราจะร้องเพลงได้ก็จริง แต่ก็ไม่ใช่คนที่ออกแบบท่าเต้นได้เอง แต่งเพลงได้เอง หรือเล่นดนตรีได้เอง ที่ผ่านมาเราทำงานผ่านทางค่าย โดยเป็นสิ่งที่ค่ายมอบหมายให้ เราไม่เคยทำอะไรเองเลยนอกจากร้องเพลง เพราะฉะนั้นเราก็เลยกังวลเหมือนกันว่าถ้าออกไปแล้วการทำงานมันจะยังคงเส้นคงวาเหมือนกับที่อยู่กับที่นี่ไหม เเอบกังวลแค่ตรงนี้เลยค่ะ
นักข่าว : แสดงว่าในอนาคตเรื่องการทำงานเพลง เราก็อาจจะต้องจัดการเองทุกอย่าง?
ใบเตย : อันนี้เรารู้สึกว่ามันก็มีที่เราอยากคอลแลปส์กับใครด้วยเหมือนกัน ซึ่งก็เลือกไว้ประมาณหนึ่ง แต่ถ้าจะให้ไปเซ็นกับที่อื่นเลยนั้น เรามองว่ามันเป็นเรื่องของอนาคต แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นในปีนี้ก็ยังคงมีโอกาสได้ไปคอลแลปส์กับที่นั่นที่นี่ รวมถึงศิลปินน้อง ๆ เก่า ๆ ที่เคยร่วมงานกันมาค่ะ โอกาสร่วมงานกับค่ายเก่าก็สบายค่ะ ยังมีงานที่ค้างคากันไว้ และก็มีเพลงด้วย เป็นเพลงสุดท้าย
นักข่าว : อัพเดทเรื่องกระเป๋าหรูที่หายไปสรุปจะได้คืนไหม?
ใบเตย : เฮ้อ ตัดใจแล้ว เอาจริง ๆ เลยนะ ตัดใจตั้งแต่วันนั้นแล้วแหละ เพราะว่าเราเองก็รู้ดีว่าไม่เจอแน่นอน เนื่องจากวันนั้นคนเยอะมาก และมันก็หายในห้องน้ำด้วย ซึ่งในห้องน้ำมันไม่มีกล้องอยู่แล้ว ไม่รู้สึกแย่ เรื่องเสียใจกับเรื่องกระเป๋าหายมันคนละเรื่องกันเลยค่ะ คือเรื่องของหายชินแล้วเพราะเราเป็นคนขี้ลืม เลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจในตัวเอง แต่ก็แบบ…มันก็คือชีวิตนะ
นักข่าว : ทางด้านคุณสามีว่ายังไงบ้าง?
ใบเตย : ด่ายับค่ะ (หัวเราะ) วันนั้นคือเขาเป็นคนที่ต้องขับรถมารับเราไงคะ เพราะกุญแจรถหายไปพร้อมกับกระเป๋า เขาก็บอกว่าเอาอีกแล้วนะ ไม่เคยระวังอะไรเลย แต่เขาก็รู้อยู่แล้วแหละว่าหายคือหาย หายแน่ ๆ เรื่องของหายที่มีมูลค่าก็ไม่ใช่ครั้งแรกค่ะ แต่กระเป๋ามูลค่าเยอะสุดแล้ว สามีเขาก็บอกให้จำ อย่าอ๊อง แต่มันลำบากไงคะ พอเวลาเราถืออะไรหลาย ๆ อย่างมันก็เลินเล่อ ซึ่งทุกวันนี้คนข้าง ๆ เราจะมีสติมากกว่า คอยเตือนตลอดว่าอย่าลืม
นักข่าว : เเบบนี้เขาซื้อใบใหม่ปลอบใจให้ไหม?
ใบเตย : เขาก็ไม่ได้ซื้อให้ใหม่ ต้องรอซื้อเอง (หัวเราะ) ซึ่งซื้อมาใหม่แล้วค่ะ แต่เป็นสีใหม่ใบใหญ่เลย ไม่เอาแล้วใบเล็ก มูลค่าของที่หายไป ก็ประมาณ 3-4 แสนค่ะ
นักข่าว : สกิลความลืมของเราเป็นยังไงบ้าง?
ใบเตย : ตั้งแต่คบกับพี่แมนปีแรกเลยแหวนเพชรก็หายแล้วค่ะ หายคือหาย เป็นคนขี้ลืม เนื่องจากเราทำอะไรกันเยอะมากในแต่ละวัน และอีกอย่างวันนั้นเราถือหลายอย่างไงคะ คือถ้ามีใบเดียวแล้วใส่ทุกอย่างไว้จะไม่ลืม แต่วันนั้นมันมีหลายอย่างมาก มันก็เลยแบบลืมไปเลย สมองไปหมด