“โอปอล์ ปาณิสรา” เผย ไม่ใช่เรื่องง่ายกว่าจะกลับมาหุ่นเป๊ะ อดทนมา 3 ปีเต็ม ลั่นปิดอู่ถาวรเรื่องคิดมีลูกเพิ่ม

 

นักข่าว : ตอนนี้หุ่นเป๊ะเอวสับมากมากทำอะไรมา?

โอปอล์ : เรียกว่าตอนนี้เอวเหลือแค่ 24 นิ้ว จะบอกว่าเราไม่ได้เอวเล็ก แต่เราเป็นคนสะโพกใหญ่ ก็คือเป็นเอว 24 ปกติ มันหลอกลวงมากจริง ๆ เเต่คือผอมลงมาจากตอนแต่งงานนิดหน่อย

นักข่าว : น้ำหนักเหลือเท่าไหร่

โอปอล์ : ไม่กล้าบอกเลย ก็คือน้ำหนักปกติคนนึง ไม่ได้ผอม แต่ถ้าถามว่าตั้งแต่คลอดจนถึงตอนนี้ก็ประมาณ 20 กิโล ให้พี่ลดเถอะ ตอนนั้นมันไม่ได้จริง ๆ

นักข่าว : อะไรคือแรงบันดาลใจที่อยากทำให้เราลดน้ำหนัก?

โอปอล์ : เพราะว่าหลังคลอดน้องมา เราก็เลี้ยงลูกให้นมแล้วก็ปล่อยตัวเองมาตลอด แต่พอลูกโตแล้ว ถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับมาดูแลตัวเอง ตอนลูกเล็ก ๆ น้ำหนักเรามากกว่านี้ เวลาวิ่งตามลูกรู้สึกว่าเราเหนื่อย มันรู้สึกไม่คล่องตัว แต่พอลูกไปโรงเรียนแล้วรู้สึกว่ามันไม่มีข้ออ้างล่ะ ที่เราจะไม่ดูแลตัวเองก็เลยออกกำลังกายแล้วก็ระวังเรื่องการกิน เรียกว่าใช้ระยะเวลา 3 ปี ที่ต้องค่อย ๆ ลดคือเราไม่ได้โหมที่จะลงมาทีเดียว คือเหมือนเราลดน้ำหนักมาตลอดชีวิต มีทางลัดมาเยอะแบบสมัยก่อนแป๊บเดียวมันก็เด้งกลับคืน แต่ว่าครั้งนี้เราใช้เวลา 3 ปีที่จากค่อย ๆ ลดจริงจัง

นักข่าว : สามีว่ายังไงบ้าง เห็นหุ่นใหม่ของเราเเล้ว?

โอปอล์ : คือระหว่างทาง ก็มีทั้งเพื่อนแล้วก็มีทั้งพี่โอ๊คแล้วก็ครอบครัวที่คอยซัปพอร์ต คือโตกันแล้วมันจะไม่มีโมเมนต์ที่ว่าเราลดน้ำหนักเเละเพื่อนจะชวนไปกินหมูกระทะ ก็จะเป็นซัปพอร์ตเเทนว่าจะคอยดูแลตัวเองกัน ถึงแม้ว่าเราจะมีรายการที่ต้องกินอาหาร แต่เหมือนอายุที่เยอะขึ้นของเราเเละมีอาการกดไหลย้อนอาหารไม่ย่อย ก็คือเวลาไปถ่ายรายการอาหารก็จะกินจริงจังเลยแบบมือเดียวจบ

นักข่าว : เราเห็นรูปร่างวันนี้แล้วหลังจากการเปลี่ยนแปลงมา 3 ปี เป็นยังไงบ้าง?

โอปอล์ : มันก็ค่อย ๆ จนเราไม่รู้สึกเลย แต่พอมารู้สึกปีนี้ว่าไซส์เสื้อผ้าเปลี่ยนหมดเลย เรียกว่าเปลี่ยนยกตู้ แต่มันก็คือ 3 ปีนะ ซึ่งมันไม่ได้ใช้วิธีทางลัดเลย ไม่ได้ใช้วิธีอดหรือทางลัดเลยจริง ๆ เพราะเรามีบทเรียนแล้ว ถามว่ามีเคล็ดลับอะไรพิเศษไหม จะบอกว่าไม่มีเลยมันเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้อยู่แล้ว

นักข่าว : คุณแม่เปลี่ยนไปแบบนี้ ลูกเเฝดมีชมบ้างไหม?

โอปอล์ : ลูกไม่เคยชมเลย เค้ายังไม่รู้เลยว่าคุณแม่แตกต่างไปยังไง แต่ทุกวันนี้เราก็มีความสุขมากขึ้นที่เราได้ทำอะไรกับลูกได้มากขึ้น ไปปีนเขาไปเดินป่า โดยที่เราไม่เหนื่อย

นักข่าว : ลูกไม่ชมเเล้วคุณสามีชมบ้างไหม?

โอปอล์ : ก็ต้องบอกว่าพี่โอ๊ค เค้าเห็นเราเฮลตี้ แบบที่ลดอย่างถูกวิธี เค้าจะโอเค เค้าไม่ถึงกับบังคับ แต่ใช้วิธีแบบสอบถามมากกว่า แค่บางทีเราลืม ก็ถามว่าจะทำสิ่งนี้ดีไหม เค้าบอกว่าอย่าเลยทางลัดแบบนั้นเดี๋ยวมันก็จะกลับมาอีก

นักข่าว : ช่วงระยะทาง 3 ปี เรามีท้อบ้างไหม?

โอปอล์ : ก็มีตลอดนะ เรียกว่า 3 ปีเนี่ย แบบอาทิตย์นึง 7 วัน เราก็จะสู้ได้ 5 วัน อีก 2 วัน เราก็จะเละเทะแล้ว เเต่เดี๋ยวก็กลับมาใหม่ แต่ก็พยายามกู้ตัวเองกลับมาใหม่ตลอด ไม่ให้ตึงเกินไป เรียกว่าไม่ได้คลั่งการลดน้ำหนัก เราก็กินปกตินะเรียกว่า ใช้การบาลานซ์ร่างกายมากกว่าในการกินอาหารหรือควบคุมต่าง ๆ

นักข่าว : ผอมลงมาขนาดนี้แล้ว คือปิดจ๊อบเรื่องการจะมีน้องอีกเลยใช่ไหม?

โอปอล์ : โดยจากวัยด้วย แล้วก็ชะตาชีวิตที่ผ่านมา ก็คิดว่าปิดจ๊อบเรื่องลูกไปนานแล้ว คิดว่ามี 2 คนพอแล้ว

นักข่าว : ตอนนี้ทั้ง 2 เเฝด เป็นยังไงบ้าง?

โอปอล์ : ตอนนี้ลูกก็ 6 ขวบแล้ว กลายเป็นเพื่อนกันแล้วเข้าใจทุกอย่าง หลอกล่ออะไรไม่ได้ คือสมัยก่อนยังมีการหลอกเด็กได้ แต่เดี๋ยวนี้เค้ารู้เรื่องก็จะหลอกไม่ได้ เรียกว่าทั้ง 2 คนมีนิสัยที่ต่างกันมาก “อลิน” ก็คือเราจริง ๆ ส่วน “อลัน” ก็คือพี่โอ๊คไปเลย เรา 2 คน พ่อแม่ก็เลยเดาทางในการดูลูกได้

นักข่าว : เขามีถามบ้างไหม ว่าอยากมีน้องอีก?

โอปอล์ : เด็ก ๆ ไม่เคยมีโมเมนต์นี้ ด้วยครอบครัวเราเหมือนเติมเต็มกันอยู่แล้ว อย่างช่วงโควิดบ้านอื่นที่มีลูกคนเดียวคงจะเหงา แต่เรามีลูก 2 คน เค้าก็อยู่ด้วยกันเล่นด้วยกัน

นักข่าว : ตอนนี้ลูก ๆ กลับไปเรียนแล้วหรือยัง?

โอปอล์ : คือตอนเรียนออนไลน์เหนื่อย คือเราลูก 2 คน ต้องใช้ 2 จอคอม เรียกว่าเราต้องวิ่ง ก็อาจจะผอมจากตรงนั้นก็ได้นะ คือตอนนี้ได้กลับไปโรงเรียนแล้วก็แฮปปีมาก เค้าคิดถึงเพื่อน ๆ แล้วก็พัฒนาการดี ได้อยู่กับการเจอคนต่าง ๆ

นักข่าว : การระมัดระวังหรือยังห่วงอันตรายไหม?

โอปอล์ : คือเราว่าเราเรียนรู้แล้วว่าเราดูแลตัวเองให้ดีที่สุด แล้วก็ตั้งรีบว่าอะไรจะเกิดขึ้น คือช่วงเเรก ๆ ถ้าการมีเด็กสักคนนึงติดมันเป็นมันเรื่องใหญ่มาก แต่ตอนนี้คือถ้าเป็นมันก็คือหยุดตั้งหลักเเละก็พักรักษา เเต่ซึ่งโรงเรียนเค้าก็มีมาตรการที่เต็มที่และดีมาก เราก็เลยไว้วางใจ