'ตูมตาม ยุทธนา' ลั่น ขอเวลาอีก 3 ปี หลังคุกเข่าขอ 'อาหลี' เเต่งงาน ช่วงนี้เร่งทำงานปั๊มเงินก่อน
ผู้สื่อข่าวช่อง 8 สัมภาษณ์ 'ตูมตาม ยุทธนา' กรณีคุกเข่าขอแฟนสาวแต่งงาน ว่า
นักข่าว : ช่วงนี้งานละครรุมเยอะมากเลยใช่ไหม?
ตูมตาม : คาดว่าหลังจากนี้น่าจะรันไปอีก 3 เรื่องที่จะถ่ายนะ ส่วนที่จะออนแอร์น่าจะ 2 เรื่อง เรียกว่าตอนนี้คิวลากยาวไปถึงปี 66 แล้ว คือจริง ๆ แล้ว ตอนนี้มันยาวมากรับไม่ไหวเลยครับ คือต้องบอกแบบนี้ว่าเราเป็นนักแสดงเวลาทำงานก็คือหน้าที่นักแสดง มันรับไม่หมดจริง ๆ ก็เลยต้องขอโทษทางผู้จัดทุกคนที่คิวมันซับซ้อน คือเราอยากทำงานให้คุ้มค่ากับที่จ้างเรา ก็เลยอยากโฟกัสเป็นเรื่อง ๆ เลือกให้ได้คุณภาพจริง ๆ
นักข่าว : วางคิวงานสำหรับตัวเองไว้ยังไงบ้าง?
ตูมตาม : เรียกว่าวุ่นวายเหมือนกัน เราจะบอกว่าโชคดีที่ยังไม่เคยติดโควิดเลย คือรอดทุกซีซันจริง ๆ อาจจะเพราะว่าเราไม่ค่อยออกไปเจอใครอยู่แต่บ้าน ก็เลยค่อนข้างจะมีโมเมนต์แบบประมาณว่า นั่งรองาน เพราะว่าเพื่อนนักแสดงบางคนติดโควิด ก็อาจจะต้องมีพักกองและมันคาบเกี่ยวกัน ทำให้ระยะเวลามันเลื่อนไปเรื่อย ๆ แต่เข้าใจนะ เพราะว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่มีใครไม่อยากให้เกิด
นักข่าว : แบบนี้มันกระทบกับคิวงานเราไหม?
ตูมตาม : มันต้องมีเลื่อนแน่นอน แต่มันไม่ได้มีผลอะไร คือต้องบอกว่าตั้งแต่มีโควิดมาอีเวนต์ต่าง ๆ มันเลื่อน บางอันก็ยกเลิก มันก็เลยไม่มีอะไรซับซ้อนมาก ก็มีแค่เรื่องของละครที่ต้องเคลียร์ เพราะการทำละครนั้นคือการทำงานกับคนหมู่มาก ก็เลยต้องจำเป็นมากที่ต้องทำให้สถานการณ์มันปลอดภัยจริง ๆ
นักข่าว : เร่งทำงานเยอะขนาดนี้ เพื่อเก็บเงินสินสอดหรือเปล่า?
ตูมตาม : ก็เรียกว่าทำงานไปเรื่อย ๆ ก่อน เอาจริงเรื่องการแต่งงานคงต้องรอเจ้าตัวเขาพร้อมด้วย คือเราขอไว้ก่อนถือว่ามันเเสดงว่าเรารักเขา เพราะเรารักกันรู้สึกว่าเจตนาของเรามันโอเคแล้ว ที่เหลือก็ได้ไม่ต้องมากังวลกันอีก ก็ขอใช้ชีวิตทำงานต่อไป ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมก็คงใช่ ยิ่งช่วงสถานการณ์แบบนี้จะทำอะไรหลาย ๆ อย่างก็คงต้องดูสถานการณ์บ้านเมืองด้วย ก็คือยังใช้ชีวิตแบบไม่ปกติ
นักข่าว : คือเราต้องการทำให้เขามั่นใจใช่ไหม?
ตูมตาม : ใช่ครับ อยากให้เขามั่นใจ เเละก็แบบใช้ชีวิตแล้วก็ทำงานไปอย่างมีความสุข เพราะยังไงเราต้องไปถึงวันนั้นแน่ ๆ
นักข่าว : เล่าถึงโมเมนต์วันที่คุกเข่าขอแต่งงานหน่อย?
ตูมตาม : คือปกติมากเลยครับ คือเรารู้สึกว่ามันไม่ได้มีอะไรที่เป็นเรื่องพิเศษไปกว่าสิ่งที่อยากให้เขาได้รับในสิ่งที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะต้องได้รับ
นักข่าว : เข้าแอบรู้เรื่องมาก่อนไหม ว่าเราจะขอเขา?
ตูมตาม : คือเขารู้เเหละ เพราะเราเป็นคนปิดอะไรไม่เนียน แต่พอถึงตอนนั้นจริง ๆ ก็แอบตื่นเต้นกันนั่นแหละ
นักข่าว : วางแผนยังไงบ้าง
ตูมตาม : ไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ก็แค่ซื้อแหวนก็พอแล้วครับ
นักข่าว : วันนั้นเราขอเขาที่ไหนนะ?
ตูมตาม : (หัวเราะ) สะพานพุทธครับ สงสัยดูหนังฝรั่งเยอะไปขอเเต่งบนสะพาน คือเราก็ประมาณว่าอินดี้กันมาก ไม่ได้มีการเตรียมการอะไรเลย ก็คือเป็นการตั้งกล้องถ่ายกันเอง เพราะเราก็ถ่ายคลิปเล่นกันอยู่แล้ว ก็เลยเป็นการพูดเล่น ๆ เเละก็ขอเขาเลย วันนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ก็เลยพูดไปว่าเราแต่งงานกันไหม ตอนนั้นเขาก็มีอึ้งนะ แต่ก็ไม่ได้มาก เพราะว่าเขารู้เยอะกว่าผมอีก
นักข่าว : เขาเล่าให้ฟังไหม ว่าจับพิรุธเราได้ยังไงบ้าง?
ตูมตาม : ก็คือจริง ๆ เขาก็รู้อยู่แล้วแหละ เพราะว่าอยู่ ๆ จะชวนไปซื้อดอกไม้ แต่เขาก็โอเคไป แต่มันไม่ได้สำคัญมากกว่า แต่สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือเรากับน้องค่อนข้างคุยกันตลอด ปรึกษากันแทบทุกเรื่อง
นักข่าว : อะไรทำให้เรามั่นใจตัดสินใจขอเขาแต่งงาน?
ตูมตาม : ก็รู้สึกมาตั้งแต่จุดเริ่มต้นตอนนั้นว่า จะมีความรักครั้งนี้ เหมือนที่เคยให้สัมภาษณ์กับนักข่าวไปก่อนหน้าแล้วว่ามันเกิดขึ้นยากมากในความรักครั้งนี้ เพราะว่าผมคิดเยอะมากเตรียมการณ์เยอะมาก ถ้ามันไม่เจอคนที่เรารู้สึกจริง ๆ จะไม่เริ่มมันแล้ว ก็คงจะไม่มีแล้ว ซึ่งเราเคยพูดไว้เเล้วว่า ในทุกความสัมพันธ์ครั้งนี้มันเริ่มด้วยแพตชันของความรักที่เรารักและชอบในตัวเขา แล้วก็ตื่นเต้นในตัวเขาอยู่เสมอ เราก็เลยเริ่ม แต่ถ้าพูดกันในความเป็นจริงเราก็ไม่รู้หรอก คนเราจะรักกันไปยาวได้แค่ไหนหรือว่าจะเป็นยังไง ก็คงต้องอยู่กันไป ทุกวันนี้เราก็จะเรียกมันว่าเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วที่จะมีความรักอยู่ในมือ แต่ขอต้องทำให้เต็มที่ไปเลย ทำได้ก็ทำให้หมด เพราะว่าถ้าประสบความสำเร็จมันก็ดีอยู่แล้ว แต่ถ้ามันประสบความสำเร็จเราก็เข้าใจ
นักข่าว : คือเราอยากใช้ชีวิตอยู่กับเขาแล้วใช่ไหม
ตูมตาม : ใช่ครับ เรารู้สึกว่าเราอยู่ด้วยกันใช้ชีวิตที่มันแชร์กันอยู่แล้ว มันก็โอเค
นักข่าว : หลังจากขอแต่งงานแล้วเรียกว่าคลั่งรักกว่าเดิมไหม?
ตูมตาม : ผมก็ไม่ได้คลั่งรักนะ ผมแค่รู้สึกภูมิใจในตัวเขารู้สึกภูมิใจในความรักครั้งนี้ ก็เลยพูด เพราะเราเป็นคนที่พูดตลอดอยู่แล้ว ถ้ามีก็จะชัดเจนตลอด
นักข่าว : วางแผนไว้ยังไงบ้าง? อยากจัดแต่จัดงานเมื่อไหร่?
ตูมตาม : ถ้าจุดเริ่มต้นเลยที่คุยกันไว้ ก็คือประมาณ 3 ปี ให้น้องได้ทำงานได้เติบโตในสายงานของเขาให้เขาได้ใช้ชีวิตในแบบของเขาก่อน ในส่วนตัวของผมเองผมก็พร้อมแล้วแหละ เรื่องการแต่งงานแต่เราพร้อมคนเดียวไม่ได้ ต้องให้เขาพร้อมด้วย ต้องให้เขาได้เติบโตไปด้วยกัน เพราะว่าเรากับน้องห่างกันตั้ง 4 ปี มันมีอะไรหลายอย่างที่ต้องเจอกันในชีวิต
นักข่าว : ก็เลยต้องมีการตีตราจองไว้ก่อนใช่ไหม?
ตูมตาม : ทำให้เขามั่นใจดีกว่า ทำให้เขารับรู้ว่าเรารักเขาเราจริงใจต่อเขามาก ๆ แต่ถามว่าตีตราจองไหม ขอใช้คำว่าถือครองความรักร่วมกันดีกว่า ไม่มีใครจองใครแต่เราจะมีความซื่อสัตย์ เรียกว่าเอาใจมาแลกกัน