"ธัญวัจน์ ก้าวไกล" ปล่อยโฮกลางสภา ขอสมาชิกรับหลักการร่างสมรสเท่าเทียม แต่สุดท้าย ต้องส่ง ครม. พิจารณาอีก 60 วัน
วันที่ 9 ก.พ.2565 - การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ. … ที่มีนายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และคณะเป็นผู้เสนอ
นายธัญวัจน์ ชี้แจงหลักการและเหตุผลร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ว่า เนื่องจากบทบัญญัติในประมวลแพ่งและพาณิชย์หลายมาตราขัดต่อบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 27 วรรคสาม ซึ่งเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อบุคคลด้วยเหตุความแตกต่างเรื่องเพศ จึงเสนอให้มีการแก้ไขดังนี้
1.แก้ไขให้ชายหญิงหรือบุคคลสองคนซึ่งเป็นเพศเดียวกันสามารถหมั้น สมรสกันได้ตามกฎหมาย
2.แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 3 ความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยาและคู่สมรส และกำหนดให้ตัดคำว่าสามีและภริยา และให้เพิ่มคำว่าคู่สมรส
3.ความสัมพันธ์ระหว่างคู่สมรส ซึ่งบุคคลสองคนสมรสกัน มีสิทธิ์ หน้าที่และความคุ้มครองตามกฎหมาย
4.แก้ไขเพิ่มเติมหมวด 4 จากเดิมทรัพย์สินระหว่างสามีภรรยา เป็นทรัพย์สินระหว่างคู่สมรส
5.เรื่องสิทธิ์และหน้าที่ของคู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมาย สามารถจัดการทรัพย์สินและหนี้สินร่วมกัน
6.เรื่องการสิ้นสุดการสมรส การเพิกถอนการสมรส การหย่าขาดจากการสมรส การจัดการทรัพย์สินหลังสิ้นสุดการสมรส การเรียกค่าทดแทน ค่าอุปการะเลี้ยงดูหลังสิ้นสุดการสมรส
7.ให้คู่สมรสที่เป็นเพศเดียวกัน ซึ่งจดทะเบียนสมรสโดยชอบด้วยกฎหมายสามารถรับผู้เยาว์เป็นบุตรบุญธรรมร่วมกันได้
8.กรณีที่คู่สมรสฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่เป็นผู้ฆ่าคู่สมรส กำหนดให้เป็นผู้ถูกจำกัดมิให้รับมรดก และ
9.คู่สมรสที่ชอบด้วยกฎหมายหรือคู่สมรสที่ร้างกันหรือแยกทางกันโดยมิได้หย่าร้างตามกฎหมาย มีสิทธิในการรับมรดกของคู่สมรสที่เสียชีวิต
“ขอฝากถึงส.ส.ทุกคนว่า สิ่งที่ธัญพูดถึงเป็นเรื่องที่มนุษย์ทุกคนในสังคมเข้าใจดีอยู่แล้วคือ การที่ชายหญิงตัดสินใจสร้างครอบครัวและจดทะเบียนสมรสใช้ชีวิตร่วมกัน โดยมีสิทธิ์ ศักดิ์ศรี และสวัสดิการ แต่กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศกลับไม่มีสิทธิขั้นพื้นฐานเหล่านี้ กฎหมายสมรสเท่าเทียมไม่ได้เป็นการเรียกร้องมากกว่าผู้อื่น แต่กลุ่มแอลจีบีที กำลังบอกผู้มีอำนาจว่า พวกท่านพรากสิทธิในการก่อตั้งครอบครัวจากพวกเราไป” นายธัญวัจน์ พูดด้วยเสียงสั่นเครือและร้องไห้ออกมา ก่อนจะอภิปรายปัญหาที่กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศต้องเผชิญต่อว่า จนทำให้นายธัญวัจน์ร้องไห้อีกครั้ง
ทำให้นายชวน ถึงกลับกล่าวออกมาว่า “เป็นกำลังใจให้นะครับ อย่าร้องไห้ครับ” จากนั้นนายธัญวัจน์ อภิปรายจนจบจนไม่ร้องไห้ออกมาอีก
ขณะที่ นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ลุกขึ้นเสนอต่อที่ประชุมว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ขอนำร่างกลับไปพิจารณาก่อน 60 วันก่อนจะนำกลับมาให้สภาฯ ลงมติวาระที่ 1
ทำให้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นแย้งว่า ตนเองไม่เห็นด้วยที่กฎหมายหลายฉบับต้องส่งให้ ครม.พิจารณา 60 วัน เท่ากับล่าช้าไปไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งที่กฎหมายเหล่านี้เข้าสภาฯ มาเป็นปีแล้ว ขอให้ลงมติเลย ขณะที่สมาชิกส่วนใหญ่ซึ่งเป็นพรรคก้าวไกลได้อภิปรายแสดงความคิดเห็นอย่างกว้างขวางในแนวทางสนับสนุน ร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว
ขณะที่นายชวน กล่าวสนับสนุนพร้อมมองว่า ตนเองเห็นด้วย โดยปกติเมื่อ ครม. เสนอว่าจะให้รับไปพิจารณาก่อนให้สภาฯลงมติรับหลักการ จะไม่อภิปรายมาก ก่อนจะลงมติว่าจะเห็นชอบส่งไปให้ครม. หรือไม่
"ข้อคิดเห็นนั้นเป็นประโยชน์ รัฐบาลอาจคิดว่า รัฐบาลหวังดีไม่ตัดสินกฎหมายให้ตกไป เปิดให้รับไปพิจารณา แต่มีอีกฝ่ายมองว่าถ่วง ผมคิดว่ารัฐบาลต้องทบทวน เพราะมีร่างกฎหมายอีกหลายฉบับที่เสนอโดย ส.ส.” นายชวนกล่าว
แต่สุดท้าย ที่ประชุมลงมติอนุมัติให้ ครม.รับไปพิจารณา 60 วันก่อนนำกลับมาสภาฯ เพื่อพิจารณาและลงมติรับหลักการวาระ 1 ด้วยเสียงเห็นชอบ 227 เสียง ไม่เห็นชอบ 157 เสียง และ งดออกเสียง 10 เสียง ก่อนจะปิดประชุมในเวลา 18.36 น.