“อนุทิน-พิพัฒน์” รับลูกนโยบายเปิดประเทศ รอ ศบค. ชุดเล็กเคาะชื่อ 10 ประเทศเสี่ยงต่ำ สั่งกรมควบคุมโรคเตรียมรับมือเปิดสถานบันเทิง-ดื่มเหล้าในร้านอาจใช้ covid free setting
(12 ต.ค.2564) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึง กรณีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงเปิดประเทศในวันที่ 1 พฤศจิกายน ว่า มีการเตรียมความพร้อมไว้ระดับหนึ่ง และมีการหารือในกระทรวงสาธารณสุข เพื่อตอบสนองนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่จะมีการเปิดประเทศในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ส่วนรายชื่อ 10 ประเทศความเสี่ยงต่ำที่จะเปิดให้เข้าประเทศได้เป็นกลุ่มแรก ต้องให้ ศบค.ชุดเล็กพิจารณาก่อนจึงจะสามารถประกาศได้ พร้อมยืนยันว่ากระทรวงสาธารณสุขไม่มีปัญหากับการเปิดประเทศ เพราะนายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงเหตุผลจำเป็นในการต้องเปิดประเทศไปแล้ว กระทรวงสาธารณสุขจึงต้องดำเนินการตามนโยบายดังกล่าวอย่างระมัดระวัง
ส่วนกรณีที่ นายกรัฐมนตรีแถลงว่า การเปิดประเทศในครั้งนี้ เสี่ยงเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่นั้น นายอนุทิน ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีพูดเผื่อไว้เท่านั้น ส่วนตัวเชื่อว่าสามารถเปิดประเทศได้แล้ว หากในอนาคตเกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่จึงค่อยพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไร เพื่อแก้ไขปัญหาในทุกมิติ
ส่วนมาตรการผ่อนคลายอนุญาตให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในวันที่ 1 ธันวาคมนั้น นายอนุทิน ระบุว่า กรมควบคุมโรคจะต้องหามาตรการ เช่น covid free setting ให้กับบริกรและลูกค้า ซึ่งผับ บาร์ สถานบันเทิงก็จะใช้มาตรการเดียวกัน เพราะถือเป็นจุดเสี่ยงที่ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก เนื่องจากเป็นจุดที่มีการสัมผัสของร่วมกันได้ง่าย ส่วนการเปิดประเทศในครั้งนี้จะมีแนวโน้มปิดประเทศใหม่อีกครั้งหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ และความร่วมมือของทุกฝ่าย หากไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดก็มีสิทธิ์ที่จะต้องปิดประเทศใหม่อีกครั้ง ดังนั้นขอให้ทุกคนเคารพกฎหมาย
ด้าน “พิพัฒน์” ยืนยันพร้อมเปิดประเทศ 1 พ.ย. ชิงนักท่องเที่ยว หวังกระตุ้นเศรษฐกิจตั้งแต่ไตรมาส 4
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวถึงนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว ในวันที่ 1 พฤศจิกายนนี้ ว่า ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาได้เตรียมความพร้อมไปก่อนหน้านี้แล้ว ทุกอย่างยังคงอยู่ในแผนระยะที่ 1 และมีความต่อเนื่อง หลังนำร่องภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ที่จะมีการเปิดพื้นที่อีก 10 จังหวัดท่องเที่ยว แต่นโยบายของนายกรัฐมนตรีเป็นการเร่งเปิดประเทศเร็วขึ้น เพราะขณะนี้ประเทศเพื่อนบ้านได้เปิดรับนักท่องเที่ยวแล้ว เวลานี้จึงถือเป็นการช่วงชิงนักท่องเที่ยวต่างชาติ
ส่วนตัวเชื่อว่า การเปิดประเทศในครั้งนี้จะสามารถต่อสู้ดึงนักท่องเที่ยวกลับมาประเทศไทยในช่วงไตรมาสที่ 4 รวมถึงไตรมาสที่ 1 ของปี 2565 ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะประเทศไทยถือเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น จีน และเกาหลี ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้เตรียมการตรวจคัดกรองที่สนามบินให้มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น โดยยึดต้นแบบจากภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์
สำหรับรายชื่อ 10 ประเทศเสี่ยงต่ำที่จะเข้ามาในประเทศไทยเป็นกลุ่มแรกนั้น กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้เสนอไปแล้ว แต่ต้องรอ ศบค.ชุดเล็กพิจารณาก่อน ซึ่งรายชื่อที่นายกรัฐมนตรีได้แถลงเมื่อคืนนี้เป็นประเทศที่นักท่องเที่ยวนิยมมาเที่ยวในประเทศไทยอยู่แล้ว ส่วนประเทศในอาเซียนที่จะเข้าในประเทศไทยในรูปแบบ bubble หรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับความพร้อมของประเทศเพื่อนบ้าน คือ ต้องฉีดวัคซีนอย่างน้อย 2 เข็ม จึงจะสามารถเข้าประเทศได้