ป.ป.ช.ชี้มูลความผิด ‘ประยุทธ มหากิจศิริ’ นักธุรกิจชื่อดัง –เจ้าหน้าที่รัฐ ออกเอกสารสิทธิที่ดินมิชอบ พื้นที่กระบี่ 66 ไร่ –สนามกอล์ฟโคราช
นอกจากกรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะชี้มูลความผิดประเด็นทุจริตออก ส.ค. 1 บิน รุกที่อุทยานแห่งชาติสิรินาถ และป่าสงวนแห่งชาติป่าเขารวกและป่าเขาเมือง จ.ภูเก็ต แล้ว
(อ่านประกอบ : ป.ป.ช.ฟันรองผู้ว่าฯ ภูเก็ต -ชำเเหละพฤติการณ์ ทุจริตออก 'ส.ค.1 บิน' อุทยานสิรินาถ)
อีกหนึ่งคดีสำคัญ คือ กรณีการออกเอกสารสิทธิมิชอบในเขตปฏิรูปที่ดินและเขตป่าไม้ถาวร ใน ต.หนองทะเล อ.เมือง จ.กระบี่ ซึ่งคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหาเจ้าพนักงานที่ดิน กับพวกรวม 18 ราย เนื้อที่ 66 ไร่เศษ โดยมีการนำที่ดินนอกหลักฐานที่เป็นที่ดินของรัฐ รวมประมาณ 19 ไร่เศษ นำมาจัดทำเอกสารสิทธิมิชอบ ซึ่งพบว่ามีหลักฐานเกี่ยวข้องกับเอกชน นั่นคือ นายประยุทธ มหากิจศิริ ด้วย
โดยสถานที่เกิดเหตุเป็นที่ดินติดหาดทรายชายทะเลขึ้นไปจนถึงควนเขา เดิมนั้นกรมพัฒนาที่ดินเคยสำรวจที่ดินแปลงนี้ไว้แล้ว ซึ่งอยู่ในที่ดินของรัฐแปลงที่ 6 แปลงย่อยแปลงที่ 4 จากการสำรวจบริเวณนี้ถูกจำแนกให้เป็นที่ดินสำหรับป่าไม้ถาวรของชาติ
ข้อมูลจาก ป.ป.ช. พบว่า หลังจากปี 2504 กรมพัฒนาที่ดินได้สำรวจและจำแนกที่ดินบริเวณดังกล่าวแล้ว ไม่มีผู้ถือครองหลักฐานเดิมเลย โดยสำรวจมีประชาชนเข้ามาทำกินบริเวณนี้ 22 ราย แต่ไม่มีหลักฐานการครอบครอง แต่ปรากฎว่ามีการนำ ส.ค. 1 กับใบจองจากที่อื่นมาสวมออก น.ส. 3 ก. 9 แปลง ได้เนื้อที่ 66 ไร่ หลังจากนั้นมาขายต่อให้นายประยุทธ มหากิจศิริ
จากนั้นนายประยุทธ นำ น.ส. 3 ก. 9 แปลง ไปออกเป็นแปลงเดียว เลขที่ 263 ได้เนื้อที่ 73 ไร่ เนื้อที่เพิ่มขึ้น โดยนำที่ดินนอกหลักฐานมารวมออกด้วย และนายประยุทธ นำออกเป็นโฉนดและได้เนื้อที่เพิ่มขึ้นอีก โดยมีการทับหนองน้ำสาธารณะประโยชน์ด้วย
คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงมีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐรวม 6 ราย และเป็นผู้ปกครองท้องที่เป็นผู้ดูแลรักษาหนองน้ำสาธารณะประโยชน์ 1 ราย และเอกชน ประกอบด้วย นายประยุทธ มหากิจศิริ และเจ้าของที่ดินข้างเคียงที่สมยอมแนวเขตข้างเคียง เพื่อหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามข้อตกลงของกรมป่าไม้และส.ป.ก.ในการรับรองแนวเขต โดยอ้างว่าที่ดินข้างเคียงเป็นที่ ส.ค. 1 ทั้งที่ความจริงไม่มี ส.ค. 1
จึงชี้มูลความผิด มาตรา 151, 157 และ 162 นอกจากนั้นยังเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินและกฎหมายป่าไม้ ด้วย
ส่วนคดีการกล่าวหาการเรียกรับเงินในการรังวัดสอบเขตโฉนดที่ดินและ น.ส. 3 ก.ของสนามกอล์ฟ เมาน์เท่น ครีก กอล์ฟ แอนด์รีสอร์ท แอนด์ เรสซิเดนซ์ โดยการนำที่ดินนอกหลักฐาน ซี่งเป็นที่ดินของรัฐ ประกอบด้วยที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเตียน ป่าเขาเขื่อนลั่น ป่าไม้ถาวร ป่าปากช่องหมูสี และเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม นำมารวมในการรังวัดสอบเขตเนื้อที่ ทำให้มีที่ดินเพิ่มขึ้น 189 ไร่ โดยมีจุดประสงค์เพื่อรวมที่ดินเป็นแปลงเดียวกันเพื่อก่อสร้างสนามกอล์ฟ เป็นเหตุให้เกิดความเสียหาย ซึ่งเรื่องนี้มีทั้งหมด 3 คดี ด้วยกัน ได้แก่
1.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท โพสโค-ไทยน๊อคซ์ จำกัด (มหาชน)) ซึ่งเคยปรากฏชื่อนายประยุทธ มหากิจศิริ เป็นกรรมการบริหาร เป็นผู้ซื้อ
2.ที่ดินที่มีกลุ่มบริษัท เลควูดคันทรี่คลับ จำกัด (ของตระกูลมหากิจศิริ) มีการซื้อที่ดิน และขอรังวัดแนวเขตที่ดินใหม่ เพื่อนำไปสู่การขอออกโฉนดใหม่ โดยพบว่า มีการนำที่ดินนอกหลักฐานมารวมกันที่ดินตัวเอง ทำให้ที่ดินมีเนื้อที่เพิ่มมากขึ้น
3.ที่ดินที่มี น.ส.อุษณา มหากิจศิริ (บุตรสาวนายประยุทธ มหากิจศิริ) เป็นผู้ซื้อ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติชี้มูลความผิด เจ้าพนักงานที่ดิน อ.สีคิ้ว กับพวก ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157 รวมถึงชี้มูลความผิดนายประยุทธ มหากิจศิริ กับพวก และชี้มูลความผิดอาญากับบริษัทด้วย