นพ.ธีระวัฒน์ ชี้เด็กป่วยโควิดมีผลกระทบในระยะยาว แนะฉีดวัคซีนเชื้อตาย 2 เข็ม ฉีดกระตุ้นภูมิตาม

 

วันที่ 14 กันยายน 2564 นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ถึง ความแตกต่าง ระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่ต่อการฉีดวัคซีน และป่วยโควิด ระบุ

เด็กต่างจากผู้ใหญ่ จะให้เขาได้อะไร ที่เขาปลอดภัยที่สุด ทั้งระยะสั้นและยาวจากโควิด และวัคซีน ระบุว่า เด็ก 2-18

1. เด็กติดง่าย แต่ตายยาก ถ้าไม่มีโรคประจำตัว
2. แต่ติดแล้วมีปัญหาต่อตามมาได้ แม้เมื่อเชื้อหมดไปแล้ว เช่น การอักเสบในร่างกายระยะยาว พัฒนาการและทางสมอง
3. สรุปต้องฉีดวัคซีน วัคซีนอะไร?
4. วัคซีน mRNA มีความเสี่ยงหัวใจอักเสบแม้ใช้กันแล้วในประเทศตะวันตก แต่ประเทศเหล่านั้นไม่มีวัคซีนเชื้อตาย
5. ความเสี่ยงหัวใจอักเสบ ที่ว่าไม่มากและรักษาได้ถ้ารักษาทัน แต่ตามข้อหนึ่ง เด็กตายยากอยู่แล้ว คงต้องคิดความปลอดภัยสูงสุดเป็นหลักด้วย
6. วัคซีนเชื้อตายสองเข็มฉีดเป็นรากฐานเพื่อใช้วัคซีนอื่นต่อ ทั้ง แอสตร้าฯ หรือ mRNA
ซึ่งเลี่ยงไปใช้ปริมาณน้อยได้ โดยฉีดเข้าชั้นผิวหนัง เพื่อลดความเสี่ยงอันตราย ด้งข้อ 4
7. แต่ด้วยวัคซีนเชื้อตายเองก็แฝงผลแทรกซ้อนไว้ด้วย

ดังนั้น จะใช้เป็นการฉีดเข้าชั้นผิวหนัง 0.1 ซีซี ทั้งเข็มที่หนึ่งและเข็มที่สอง ควรจะเพิ่มความปลอดภัยแต่คงประโยชน์ไว้ได้ และถ้าต้องการได้ผลเร็วควรฉีดวันที่ศูนย์และวันที่เจ็ด จะได้ภูมิคุ้มกันดีขึ้นในวันที่ 14 ถึง 30 หลังจากฉีดเข็มที่สอง และไปต่อยอดตามข้อหก หนึ่งเดือนครึ่งถึงสามเดือนหลังจากฉีดเข็มที่สอง

ประเทศจีน ใช้แล้วในเด็ก และการศึกษาในผู้ใหญ่ยืนยันแล้วว่าการฉีดเชื้อตาย ชิโนแวค “ต้อง 2 เข็ม” และเมื่อต่อด้วยวัคซีนแบบแอสตร้าฯ จะได้ผลดีที่สุด