นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในเรือนจำและทัณฑสถาน ข้อมูลวันที่ 5 มิถุนายน 2564 ว่ามีผู้ต้องขังติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 604 ราย รักษาหายเพิ่ม 270 ราย จึงมีผู้ต้องขังติดเชื้อที่ยังอยู่ในการดูแลของกรมราชทัณฑ์ 13,926 ราย ภาพรวมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำและทัณฑสถาน พบเรือนจำและทัณฑสถานที่ไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่ม รวม 126 แห่ง และพบการแพร่ระบาดลดลงเหลือ 12 แห่ง เนื่องจากเรือนจำและทัณฑสถาน 2 แห่ง ไม่มีการแพร่ระบาดภายใน ส่วนตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้เล็กน้อย จากการ SWAB ตรวจหาเชื้อซ้ำในเรือนจำที่ยังพบการระบาด เพื่อยืนยันผลซ้ำและการคัดแยกผู้ติดเชื้อให้ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว อันจะช่วยลดความรุนแรงของโรค และลดอัตราผู้ป่วยหนัก ตลอดจนผู้ป่วยที่จะเสียชีวิตได้ในที่สุด ซึ่งแม้จะมีตัวเลขที่สูงขึ้นจากเดิม แต่หากเทียบกับการ SWAB ในระยะแรก จะพบว่าเริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อที่ลดลงจากเดิม ส่วนเรือนจำที่พบการติดเชื้อจากผู้ต้องขังเข้าใหม่ สามารถแยกผู้ติดเชื้อออกจากผู้ต้องขังรายอื่นได้อย่างชัดเจน และนำตัวไปรักษาที่สถานพยาบาลภายนอก หรือพื้นที่ควบคุมเฉพาะได้อย่างเป็นระบบ ซึ่งการรักษามาตรการต่างๆ อย่างเข้มงวด จะสามารถป้องกันชื้อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดภายในเรือนจำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และคาดว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นต่อจากนี้ ด้านการดำเนินการฉีดวัคซีน

 

 

นายอายุตม์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ได้ดำเนินการฉีดวัคซีนในเรือนจำและทัณฑสถานแล้ว 5 แห่ง ซึ่งดำเนินการแล้วเสร็จ 2 แห่ง อยู่ระหว่างการฉีดวัคซีน 3 แห่ง คือเรือนจำกลางสมุทรปราการ จะแล้วเสร็จในวันนี้ ส่วนเรือนจำพิเศษพัทยา และทัณฑสถานบำบัดพิเศษจังหวัดปทุมธานี จะแล้วเสร็จในวันที่ 7 มิถุนายนนี้ ซึ่งเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ต่อจากนี้ เพื่อให้การบริหารจัดการวัคซีนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตามที่ได้รับการจัดสรรจากกรมควบคุมโรค กรมราชทัณฑ์ จะดำเนินการฉีดวัคซีนควบคู่กับประชาชนทั่วไปในวันที่ 7 มิถุนายน โดยเริ่มในกลุ่มเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการระบาดในพื้นที่สีแดงเข้ม ได้แก่ เรือนจำจังหวัดปทุมธานี เรือนจำอำเภอธัญบุรี สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานี เรือนจำกลางเพชรบุรี รวมทั้งเรือนจำกลางสมุทรปราการ และทัณฑสถานบำบัดพิเศษปทุมธานี ที่ได้ดำเนินการฉีดไปแล้ว จะได้รับการจัดสรรวัคซีนครบตามจำนวนผู้ต้องขังทุกคน ส่วนเรือนจำพื้นที่สีแดง ที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดในเรือนจำ จะได้ฉีดให้แก่กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบาง ผู้ต้องขังสูงอายุ และผู้ต้องขังที่มีโรคประจำตัว) เรือนจำที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว และมีผู้ต้องขังที่ไม่ได้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จากการยืนยันทางการแพทย์ ก็จะได้รับการจัดสรรวัคซีนเพื่อฉีดให้กับผู้ต้องขังกลุ่มดังกล่าวเช่นกัน