กองประกวดตัดสิทธิ์ เฌอเอม เหตุทำผิดกฎ เหตุนำพี่เลี้ยงมาแฝงในกองประกวด ยืนยัน เจ้าตัวเซ็นต์ชื่อรับทราบกฎระเบียบทุกอย่าง ระบุ ยังเอ็นดูเเละเสียดายความสามารถ เฌอเอม เเต่ต้องให้ความยุติธรรมกับผู้ประกวดคนอื่น ย้ำ ยังไม่ฟ้องร้องใคร เเต่หากต้องขึ้นศาลก็พร้อมงัดหลักฐานการกระทำทั้งหมด

ปุ้ย- ปิยาภรณ์ แสนโกศิก และ ณะ - ณรงค์ชัย เลิศกิตศิริ ผู้ถือลิขสิทธิ์การจัดประกวดมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2020 แถลงผลการพิจารณากรณี เฌอเอม ชญาธนุส ศรทัตต์ และ เคน สิทธิชัย เร็ววิโรจน์

ปุ้ย ปิยาภรณ์ กล่าวว่า เรื่องราวที่เกิดขึ้นถือว่า ทำผิดกฎข้อระเบียบของกองประกวดและจำเป็นต้องตัดสิทธิการประกวดต่อของเฌอเอม เนื่องจากในวันสมัครเจ้าตัวกรอกประวัติ เเละไม่ได้เปิดเผยความจริงว่าใครเป็นดูแลตั้งแต่ต้น ทั้งนี้ กฎระเบียบขององค์กรมีชัดเจน โดยเฉพาะข้อที่ 5.29 ว่าด้วยเรื่องการห้ามผู้เข้าประกวดนำพี่เลี้ยงเข้ามาในองค์กร ฯลฯ เพราะทางกองมีพี่เลี้ยงประจำกลุ่มนางงามแล้วกลุ่มละ 6 คน ซึ่งนางงามทุกคนรับทราบและมีการเซ็นสัญญาชัดเจนรวมถึงตัวเฌอเอมด้วย

ส่วนที่เฌอเอม ระบุว่า เคน สิทธิชัย เป็นเพียงโบรกเกอร์ คอยหางานให้ ประเด็นนี้ ส่วนตัวมีหลักฐานทั้งเอกสาร + คลิปวงจรปิด เเละ พยานบุคคล ชัดเจนว่าไม่จริง สามารถนำไปพิสูจน์ได้ตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ จากการแถลงข่าวเมื่อวานที่เทรนสิทธิชัยระบุว่าเข้าร่วมประชุมไม่ถึง 5 ครั้งนั้น ก็ไม่เป็นความจริง ตนมีหลักฐานภาพกล้องวงจรปิดภายในห้องประชุมรวมไปถึงรายละเอียดงานที่ตัวเองเป็นผู้สั่งการกับเคนสิทธิชัยโดยตรงว่าเกิน 5 ครั้งเเน่นอน และถึงแม้ เคน สิทธิชัย จะอ้างว่าได้เข้าประชุมเฉพาะงานขายกับสปอนเซอร์เท่านั้น แต่ยืนยันได้ว่า การประชุม เพื่อขายงานสปอนเซอร์นั้นจะต้องแจกแจงรายละเอียดรวมไปถึงกลยุทธ์ หรือที่เรียกว่าการกำจัดจุดอ่อน เพื่อเฟ้นเอาความสามารถของผู้เข้าประกวด ออกมา ซึ่งนั่นถือเป็นรายละเอียดสำคัญและเป็นความลับ ของกองประกวด นั่นหมายความว่าในการประชุมทุกครั้งเคนสิทธิชัยจะต้องรับรู้ถึงกลยุทธ์ตรงนี้แน่นอน

ส่วนที่เฌอเอม แถลงว่า เข้าพบตัวเองเพื่อจะ บอกเรื่องปัญหาสุขภาพและตั้งใจ ขอเคนสิทธิชัยมาเป็นผู้ดูแลระหว่างการประกวดนั้น ปุ้ย ปิยาภรณ์ รับว่า คราวแรกเฌอเอมติดต่อผ่านพี่เลี้ยงประจำกลุ่มว่าอยากขอพบตัวเองเเละ คุณณะ เพื่อปรึกษาเรื่องปัญหาสุขภาพของน้อง เเต่เมื่อถึงวันที่เข้าพบ เฌอเอมโทรศัพท์มาคุยว่าจะพาผู้จัดการมาแนะนำด้วย โดยไม่ทราบว่าเป็นใครกระทั่งถึงเวลานัดพบ เฌอเอม เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับเคนสิทธิชัย ยอมรับว่าส่วนตัวตกใจรู้สึกชาไปทั้งตัว ก่อนที่เคนสิทธิชัยที่ยกมือไหว้มาตั้งเเต่หน้าประตู และเดินมานั่งคุกเข่าข้างๆพร้อมกล่าวขอโทษ รับว่าเคนดูแลน้องอยู่

ส่วนของเฌอเอมก็พูดระหว่างนั้นว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพ กิจกรรมใดๆที่หนักไปขอไม่เข้าร่วม ทั้งยังระบุว่า ไม่ว่าจะยังไงขอให้เฌอเอมได้เดินรอบไฟนอล เพราะตัดชุดมาแล้ว ตนจึงอยากถามสื่อมวลชนว่าหากได้ยินเเบบนี้รู้สึกยังไง ส่วนตัวรู้สึกไม่สบายใจเพราะดูไม่ยุติธรรมกับผู้ประกวดคนอื่น เเละรับว่าประโยคนี้ของเฌอเอมไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เจ้่าตัวอ้างว่า ร่างกายไม่พร้อมแต่กลับขออยู่จนรอบสุดท้าย

ทั้งนี้ยอมรับว่า หนึ่งในข้อสงสัยที่ทำให้ตัวเองสั่งให้ทีมงานจับตาดูเคน สิทธิชัย และเฌอเอม เกิดจากเหตุการณ์เก็บตัวนางงามที่อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีสื่อฯมาคุยกับตัวเองว่าทำไมกองประกวดจึงดันแต่น้องนางงามคนนี้ เพราะมีพี่เลี้ยงในกองฯพยายามดันน้องนางงามคนนี้กับสื่อมวลชนตลอด ทางนี้ยังไม่คิดจะฟ้องร้องใคร แต่หากจำเป็นจริงๆที่จะต้องขึ้นศาลทางตนก็พร้อมนำหลักฐานมาแสดงในชั้นกระบวนการยุติธรรม


ขณะที่ พนักงานทุกคนของ Stardom ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานครั้งนี้ ได้เซ็นสัญญากับกองประกวด ในการรักษาความลับ ยกเว้นเคน สิทธิชัย ซึ่งได้รับเอกสารไปแล้วแต่ไม่เซ็นชื่อส่งกลับ โดยทางกองประกวดก็พยายามตามเอกสารตลอดเเละเนื่องจากเคน สิทธิชัย ยังไม่ส่งเอกสารดังกล่าว ทางStardom เลยขอให้ส่งบัตรประจำตัวประชาชนมาเพื่อทำการกรอกเอกสารข้อมูล และทำบัตรสต๊าฟกองฯให้ไป

ส่วนนคิดว่าทั้งสองฝ่ายน่าจะจบลงอย่างชัดเจน นางงามโดนตัดสิทธิ์ไปตามสัญญา และไม่มีการฟ้องร้องใดๆ ต่อไปก็มุ่งเพื่อหามงกุฏที่3 ให้กับกองประกวด รวมทั้งจะเดินหน้าหาตำรวจปอท.และดิจิตอล เพื่อพูดคุยให้มีการดำเนินการกับเหล่านักเลงคีย์บอร์ดที่แสดงความคิดเห็นไม่เหมาะสม หรือบูลลี่ทางโซเชียล

ขณะที่อั้ม จรีลักษณ์ จันทร์สุวรรณ ฝ่ายบริษัท Stardom เองก็ชี้แจง กรณีที่มีคนตั้งเป้าว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากการที่ตัวเองสนิทกับผู้เข้าประกวดอีกรายทำให้ขัดแย้งกับเคน สิทธิชัยกรณีของเฌอเอมนั้น ตนขอยืนยันว่า ไม่เคยให้อภิสิทธิ์ใดๆ เเละตัวเองก็ไม่ได้มีอำนาจเหนือกว่า ปุ้ย ส่วนเรื่องกรณีแฮชแท๊ก “มิจฉาชีพ2020” ก็ขอให้ทุกคนพิจารณาเอง

กองประกวดตัดสิทธิ์ "เฌอเอม" เหตุทำผิดกฎ