เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ ระบุว่า ขณะนี้พอจะทราบ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการทุจริตเงินคนจนที่กำลังตรวสอบทั้งประเทศแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการระดับสูง ภายใน 2 สัปดาห์ จะสามารถระบุกลุ่มผู้กระทำผิดและแจ้งข้อกล่าวหาได้

พันโทกรทิพย์ ดาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ในภาครัฐ หรือ ป.ป.ท. เปิดเผยผลการตรวจสอบการทุจริตเงินคนไร้ที่พึ่ง และผู้ยากไร้ ซึ่งพบว่ามีการทุจริตมากถึง 44 จังหวัดทั่วประเทศ วงเงินงบประมาณกว่า 97 ล้านบาท โดยพื้นที่ภาคอีสานพบการทุจริต 17 จังหวัดจาก 20 จังหวัด

ส่วนลักษณะการทุจริต คือปลอมแปลงเอกสารการเบิกเงินโดยใช้บัตรประชาชนชนของผู้มีรายได้มากเบิกเงิน แต่ไม่ได้ให้เงินตามจำนวนที่ระบุในเอกสาร ส่วนปลายทางของเงินมีลักษณะคล้ายกับการทุจริตเงินทอนวัด คือมีการส่งเงินคืนให้กับข้าราชการระดับสูง ซึ่งขณะนี้พอจะทราบกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว

นอกจากนี้ ทาง ปปท. ยังได้ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบพบพิรุธเส้นทางการเงินของข้าราชการระดับสูง ที่อาจเชื่อมโยงกับการทุจริตเงินคนจนทั้ง 44 จังหวัด ซึ่งคาดว่าสามารถทราบกลุ่มคนผู้อยู่เบื้องหลังได้ภายใน 2 สัปดาห์

ขณะที่ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดภาคใต้ หรือ ศอ.บต. มีหนังสือด่วนที่สุดไปยังผู้ว่าราชการ 5 จังหวัด คือ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส สงขลา และ สตูล ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบัณฑิตอาสา อำเภอกาบัง 18 คน ถูกแอบอ้างเอารายชื่อไปเบิกเงินในโครงการช่วยผู้ยากไร้ ของศูนย์คุ้มครองคนไร้ทึ่พึ่ง หากตรวจสอบพบว่า บัณฑิตอาสาคนใดมีส่วนเกี่ยวข้อง ให้ดำเนินการอย่างเฉียบขาด

โดยกลุ่มบัณฑิตอาสา ออกมายืนยันว่า ไม่ได้รับเงินตามโครงการ แต่รับค่าตอบแทนจากศูนย์คนละ 500 -1,000 บาท

นอกจากนี้ ป.ป.ท. ตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินซ่อมแซมบ้านในคนยากจนในพื้นที่จังหวัดยะลา พบความไม่โปร่งใส ส่อทุจริต ซ่อมบ้านจริงแต่จ่ายไม่ครบ โดยเฉพาะในพื้นที่นิคมสร้างตนเอง 3 แห่งในจังหวัดยะลา ซึ่งได้รับงบประมาณจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เกือบ 40 ล้านบาท โดยพบความไม่ชอบพากลและส่อทุจริตในเอกสารการเบิกจ่ายค่าวัสดุก่อสร้าง

จึงตรวจสอบเอกสารการเบิกจ่ายจากที่ว่าการอำเภอยะหา พบว่า วัสดุที่นำไปมอบให้ชาวบ้าน มีราคาประมาณหลังละไม่ถึง 1 หมื่นบาท จากจำนวนเงินจริงที่ต้องจัดสรรให้ 2 หมื่นบาท