อดีต ส.ส.ภาคเหนือ ออกมายืนยันว่า จะไม่ย้ายหนีพรรคเพื่อไทยไปไหน หลังจากก่อนหน้านี้ อดีตส.ส.ภาคอีสาน ออกมาประกาศแล้วจะไม่ย้ายหนีออกจากพรรค ด้าน"นายสมคิด เชื้อคง"ยอมรับถูกทาบทามให้ย้ายพรรคจริง

ส.ส. อีสานเพื่อไทย ยอมรับถูกทาบทามให้ย้ายพรรค

นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีที่อดีต ส.ส.อีสาน พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะไม่ย้ายหนีจากพรรคเพื่อไทยไม่ร่วมกับพรรคอื่นว่า ที่ผ่านมาต้องยอมรับว่า อดีตส.ส.บางคนถูกทาบทามไปร่วมพรรคการเมืองอีกพรรคจริง แต่เท่าที่พูดคุยกัน ทุกคนยังยืนยันว่า จะไม่ออกจากพรรคไปไหน เพราะที่ผ่านมา กลุ่ม ส.ส.อีสานว่า ลำบากด้วยกัน และทำงานด้วยกันมาตลอด ดังนั้นถ้าจะสุขก็จะต้องสุขด้วยกัน

ส่วนอดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย ยังมีความเหนียวแน่นเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง จึงอยากให้พี่น้องประชาชนมั่นใจว่า อดีต ส.ส.เพื่อไทย ทุกคนยังคงอยู่ที่เดิม ส่วนพรรคการเมืองที่เป็นกองเชียร์ของทหาร ถ้าจะมีการตั้งพรรคจริงๆ ก็ยินดีต้อนรับ เพราะถือว่า เข้ามาตามระบบ เพื่อให้พี่น้องประชาชนตัดสิน ทางพรรคไม่ได้หวั่นวิตกอะไรเลย

"สามารถ"ยืนยันอดีตส.ส.ภาคเหนือไม่ย้ายหนี"เพื่อไทย

ด้าน นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงท่าทีของอดีต ส.ส.ภาคเหนือของพรรคเพื่อไทยว่า อดีต ส.ส.ภาคเหนือทุกคน ยืนยันว่า จะอยู่กับพรรคเพื่อไทยต่อไปอย่างสงบเย็น แม้จะมีข่าว การทาบทาบ หรือ ดึงตัว ทางอดีตส.ส.ภาคเหนือก็ไม่มีปัญหาอะไร เท่าที่ทราบขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามอดีต ส.ส.ภาคเหนือแต่อย่างใด

"เพื่อไทย"ค้านกมธ.เสนอจัดแสดงมหรสพช่วงหาเสียง

นายสามารถ ยังกล่าวถึงกรณีที่กรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. เสนอให้พรรคการเมืองสามารถแสดงมหรสพและงานรื่นเริงได้ เพื่อใช้ประกอบการหาเสียงว่า ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะย้อนยุคกลับไปเพราะหลักของกฎหมายเลือกตั้งที่ผ่านมา ห้ามไม่ให้มีออกทีวีและไม่ให้จัดงานรื่นเริง เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำของผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่มีทุนน้อย

ดังนั้นการจะกลับไปให้จัดงานมหรสพช่วงหาเสียงได้ เท่ากับว่าผู้สมัครหรือพรรคการเมืองที่มีทุนเยอะกว่า ก็จะมีโอกาสมากกว่าในการจะจ้างนักร้องลูกทุ่ง หรือ หมอลำชื่อดังมาแสดง เพื่อดึงดูดประชาชน

"องอาจ"ติงไม่ควรให้แสดงมหรสพช่วงเลือกตั้ง

เช่นเดียวกับ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่ออกมาคัดค้านข้อเสนอดังกล่าว โดยระบุว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะให้มีมหรสพและงานรื่นเริงมาประกอบการหาเสียงเพื่อจูงใจให้ประชาชนมาฟังการหาเสียงมากขึ้น

ส่วนตัวมองว่า สาเหตุที่ประชาชนฟังการปราศรัยหาเสียงลดลง เพราะประชาชนมีช่องทางรับรู้ข้อมูลข่าวสารของนักการเมืองพรรคการเมืองผ่านช่องทางอื่นๆ หลายช่องทาง เช่น ทางโซเชียลมีเดีย แตกต่างจากอดีต

ซึ่งแนวทางการปฏิรูปการเมืองควรกำหนดเรื่องการใช้เงินที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง เพื่อทำให้การใช้จ่ายทางการเมืองเป็นไปอย่างเหมาะสม และไม่ให้ใช้เงินมากเกินความจำเป็น