ประธานสอบคดี รองผู้บังคับการนครบาล 5 พา "น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" หนี ยืนยัน มีความคืบหน้าแล้วกว่า 90 เปอร์เซนต์ เหลือเพียงรอผลตรวจดีเอ็นเอ จะตรงกับในรถคัมรี่เลี่ยงภาษีหรือไม่ หากพบว่าผิดทั้งวินัยและอาญา มีโทษสูงสุดให้ออกจากราชการ และดำเนินคดีตามกฎหมาย ขณะที่ สตช. ประสานตำรวจสากล ออกหมายน้ำเงิน ติดตามตัว "น.ส.ยิ่งลักษณ์" มาดำเนินคดี

พันตำรวจเอก กฤษณะ พัฒนะเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามตัว นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดีโครงการรับจำนำข้าว ว่า หลังจากศาลออกหมายจับ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการประกาศสืบจับไปยังตำรวจทั่วประเทศ ผ่านกองทะเบียนประวัติอาชญากร พร้อมเร่งรัดให้หน่วยงานต่างๆ สืบสวนติดตามจับกุมเป็นระยะ และเข้มงวดคัดกรองคนเข้าออกประเทศ

พร้อมทำหนังสือประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งมีอำนาจในการออก และ ยกเลิกหนังสือเดินทาง มีการประสานการทำงานกับตำรวจสากลทั้ง 192 ประเทศ โดยส่งเรื่องไปยังองค์การตำรวจสากล ที่สำนักงานใหญ่ประเทศฝรั่งเศส ขอให้ออกหมายน้ำเงิน รวมทั้งให้ติดตามตัว ว่า เป็นผู้ต้องหาที่ทางการไทยต้องการตัว คาดว่าจะมีการเร่งดำเนินการออกหมายน้ำเงิน ตามที่ทางการไทยร้องขอ และ ยกระดับขั้นตอนของกฎหมายหรือหมายแดงต่อไป ยืนยันว่า ทางการไทยมีการติดตามทวงถามอย่างต่อเนื่อง

ส่วนกรณีสื่อต่างประเทศรายงาน ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ อยู่ประเทศอังกฤษนั้น มีการประสานอยู่แล้ว แต่ทางอังกฤษก็ยังไม่ได้ตอบกลับมา

ด้าน พลตำรวจตรี ภาณุรัตน์ หลักบุญ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง กรณี พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ อนุฤทธิ์ รองผู้บังคับการนครบาล 5 มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือ นางสาวยิ่งลักษณ์ หลบหนีออกนอกประเทศ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รวบรวมข้อมูลคืบหน้ากว่า 90 เปอร์เซ็นต์ เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์ ที่ต้องรอ 2 เรื่อง คือ 1.รอคำชี้แจง พันตำรวจเอกชัยฤทธิ์ ว่าเข้าไปพัวพันในการพา นางสาวยิ่งลักษณ์ หนีไป อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว และ มีการใช้รถที่ไม่ถูกต้อง ตามกฎหมายหรือไม่

2.รอผลการตรวจดีเอ็นเอที่บ้าน นางสาวยิ่งลักษณ์ เมื่อวันที่ 27 กันยายน ที่ผ่านมา แล้วนำมาตรวจเปรียบเทียบกับ ดีเอ็นเอที่อยู่ในรถคัมรี่ ว่าตรงกับดีเอ็นเอของ นางสาวยิ่งลักษณ์ หรือไม่ คาดว่า จะรู้ผลภายใน 1-2 วันนี้

ทั้งนี้ ขั้นตอนการดำเนินการในการชี้มูล ทั้งทางอาญาและวินัย ในส่วนของคณะกรรมการ จะรวบรวมพยานหลักฐาน หากข้อเท็จจริงมีความผิดอาญา หรือวินัย ก็จะเสนอผู้บัญชาการ พิจารณา หากเป็นความผิดอาญาจะส่งไปที่ ป.ป.ช. ถ้าเป็นความผิดทางวินัยก็ส่งไปที่ บก.น.5 ให้ดำเนินการต่อไป โทษสูงสุดทางวินัยกรณีนี้ คือให้ออกจากราชการ

สตช. ประสานองค์การตำรวจสากลออกหมายน้ำเงินติดตามตัว "ยิ่งลักษณ์"