ตำรวจคุมตัว 4 ผู้ต้องหา "แก๊งยันหว่าง" ทำร้ายดาบตำรวจ สน.สายไหม และก่อเหตุอาละวาดบนโรงพักไปฝากขังโดย แจ้ง 7 ข้อหาหนัก พร้อมค้านประกันตัว ด้านญาติผู้ต้องหาโวยไม่ได้รับความเป็นธรรม

แจ้ง 7 ข้อหา"สมาชิกแก๊งยันหว่าง"ทำร้ายตำรวจ-อาละวาดบนโรงพักค้านประกัน

ตำรวจ สน.สายไหม คุมตัว  นายโสภณ โกสินทร์ นายรัตนเทพ ชัยปราณีเดช  นายปกรณ์ ชูวงค์ และนายสิทธิชัย โสลุน สมาชิก "แก๊งยันหว่าง" ออกจากโรงพัก เพื่อขออำนาจศาลจังหวัดมีนบุรี ในคดี ร่วมกันทำร้ายร่างกาย ดาบตำรวจธวัช สายเสมา ตำรวจสายตรวจ สน.สายไหม หลังเข้าไประงับเหตุทะเลาะวิวาท ที่ปั้มน้ำมันบางจาก ถนนสุขาภิบาล 5 เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา และต่อมาผู้ต้องหา ก็ไปอาละวาดตำรวจบนสถานีตำรวจนครบาลสายไหม และถูกเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทำร้ายร่างกาย

ซึ่งตำรวจแจ้ง 7 ข้อหาฐาน แก่ผู้ต้องหา ร่วมกันดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ต่อสู้ขัดขวางการจับกุมขณะปฏิบัติหน้าที่ ใช้กำลังประทุษร้ายเจ้าพนักงาน  ปล้นทรัพย์และข่มขืนใจเจ้าพนักงาน  เมาสุราหรือใช้สารเสพติดไม่ทราบชนิด และทำให้ทรัพย์สินเจ้าพนักงานได้รับความเสียหาย พร้อมกับคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหา ข่มขู่ว่าจะออกไปเผาปั๊มน้ำมัน จึงเกรงว่าจะไปข่มขู่พยาน

โดยระหว่างคุมตัวผู้ต้องหาขึ้นรถ กลุ่มญาติผู้ต้องหาได้ตะโกนให้กำลังใจ โดยกล่าวว่า ความจริงต้องปรากฎ  ขณะที่ หนึ่งในผู้ต้องหาได้ตะโกน ว่า พวกตนไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะถูกรุมกระทืบกว่า 50 คน ไปขอความช่วยเหลือตำรวจก็ไม่มีใครช่วย

แม่ยันลูกชายหัวหน้าแก๊งทำร้ายตำรวจเป็นคนดี

ด้าน นางพูลจิตร์ ทับหิรัญ แม่ของ นายโสภณ กล่าวว่าลูกชายไม่ใช่คนเกเร เป็นคนทำมาหากิน มีเมียและลูก 2 คน ทำอาชีพออกตระเวนซื้อน้ำมันพืชเก่ามานานเกือบ 10 ปี จะดื่มสุราบ้างเป็นบางครั้ง ไม่เคยมีประวัติอาชญากรรมตามที่บางสื่อบอกว่าเป็น สมาชิกแก๊งยันหว่าง

ส่วนเหตุการทำร้ายร่างกายกัน มองว่า ฝ่ายลูกชายถูก ทำร้ายร่างกายเกินกว่าเหตุ ส่วนเจ้าหน้าที่ไม่ยอมเข้าห้ามปราบ จึงฝากขอความเป็นธรรม โดยได้แจ้งความเอาผิดกับฝ่ายอาสาสมัคร ในข้อหาทำร้ายร่างกายแล้ว พนักงานสอบสวนอยู่ระหว่างดำเนินการ

ญาติโวยตำรวจยัดข้อหาปล้นทรัพย์-ปล่อยอาสารุมทำร้าย

ขณะที่ นายสัมพันธ์ ทับหิรัญ พ่อของหนึ่งในสมาชิกแก๊ง “ยันหว่าง” กล่าวว่า ขอความเป็นธรรมทุกฝ่ายให้แก่ลูกชายและเพื่อน ๆ เนื่องจากติดใจการทำงานของ ตำรวจ สน.สายไหม เนื่องจากวันเกิดเหตุชุลมุนบริเวณหน้าโรงพัก ตนอยู่ในเหตุการณ์

ขณะที่เจ้าหน้าที่อาสานำรถของบุตรชายมาส่งในสภาพกระจกมีรอยแตกร้าวและพังเสียหาย ทำให้เกิดการโต้เถียงกัน ระหว่างกลุ่มอาสากับกลุ่มลูกชายและเพื่อนๆ จนบานปลายเป็นทะเลาะวิวาทชกต่อยกัน ฝ่ายลูกชาย กับเพื่อนสู้ไม่ไหววิ่งหนีขึ้นมาบนโรงพัก กลับถูกอาสาตามมาชกอีก โดยเฉพาะ นายโสภณ ถูกรุมทำร้ายจนหมดสติสลบอยู่ข้าง สน. แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่เข้ามาห้าม มีเพียงทหารมาระงับเหตุเท่านั้น

ส่วนคลิป ลูกชายกับเพื่อนโวยวายทำลายข้าวของนั้น "ทำไปเพียงเพื่อระบายอารมณ์" และตั้งข้อสังเกตุว่า ตำรวจที่อยู่ในห้องไม่ห้ามปราม กลับปล่อยเหตุการณ์เกิดขึ้นและได้อัดคลิป และมีเพียงตนเองที่เข้าไประงับเหตุ จึงรู้สึกว่าเจ้าหน้าที่จงใจให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว โดยจะขอสู้เพื่อเรียกร้องความยุติธรรมให้แก่ลูกชายและเพื่อนจนตัวตาย

ผู้กำกับฯ.สน.สายไหมชี้ระงับเหตุวิวาทยากเพราะกำลังตำรวจน้อย

พันตำรวจเอก ธนกรณ์ ก้อนแก้ว ผู้กำกับ สน. สายไหม เปิดเผยถึงการแจ้งข้อหา ว่าเป็นไปตามคำให้การ และการสอบสวนจากพยานหลักฐาน  ตลอดการสอบปากคำผู้ต้องหา ไม่ให้ความร่วมมือ และ แสดงอาการโวยวายทั้งคืน โดยเฉพาะ นายโสภณ ไม่ ยอมพิมพ์มือ  ปา อาหาร ที่ญาตินำมาเยี่ยม เกลื้อนพื้นห้องควบคุม ทำร้ายตำรวจที่เข้าไปตรวจเวร จนต้องแยกขัง และพบว่า ทำลายข้าวของทางราชการเสียหาย ประกอบด้วยหลอดไฟส่องสว่างหลายหลอด ก๊อกน้ำ โต๊ะ-เก้าอี้ที่ใช้สำหรับพิมพ์มือ จึงแจ้งข้อหาเพิ่ม และเป็นเหตุให้การส่งตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปฝากขังที่ศาลล่าช้า โดย ทั้งหมดได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

ส่วนที่ญาติตั้งข้อสังเกตุว่า เจ้าหน้าที่เรียกอาสามาทำร้ายผู้ต้องหา ไม่เป็นความจริง และ ยืนยันว่า ไม่มีตำรวจทำร้ายกลุ่มผู้ต้องหาก่อน โดยจะรอตรวจสอบกล้องวงจรปิด และ เตรียมเรียกกลุ่มมูลนิธิฯคู่กรณีเข้ามาสอบสวน ข้อหาทะเลาะวิวาท ยืนยันว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจระงับเหตุได้ยากเพราะมีกำลังคนน้อยกว่า

สำหรับการฝากขังผู้ต้องหา ญาติผู้ต้องหามาให้กำลังใจถึงที่ศาล แต่ไม่ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวแต่ย่างใด เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ จึงนำตัวตัวผู้ต้องหาไปควบคุมไว้ที่เรือนจำพิเศษมีนบุรีต่อไป

แจ้ง 7 ข้อหา "แก๊งยันหว่าง" อาละวาดบนโรงพัก คัดค้านประกันตัว