ตำรวจ 191 ร่วมกับ สน.ห้วยขวาง แถลงผลการจับกุมแก๊งสกิมเมอร์ ชาวจีน 3 คน ได้พร้อมของกลาง เครื่องคัดลอกข้อมูล ตร.เชื่อผู้ต้องหาก่อเหตุมาแล้วหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญทางธนาคารได้แนะวิธีป้องกันเบื้องต้นโดยการใช้มือป้องปิดขณะกดบัตร

วันที่ 13 มิ.ย.2560 เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ กองบังคับการตำรวจสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ ( บก.สปพ.) หรือ 191 พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผบก.สปพ. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่จากธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ทำการสาธิตการทำงานของ เครื่องคัดลอกข้อมูลจากบัตรอิเล็กโทรนิกส์ ที่เป็นของกลางจากการจับกุม นายจง ฟู่ หัว,นายหลิว หลี่ หมิง และ นายจู ว่าน หลง 3 ผู้ต้องหแก๊งสกิมเมอร์ชาวจีน ในฐานความผิด “ร่วมกันมีเครื่องมือหรือวัตถุสำหรับให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลง หรือมีเครื่องมือหรือวัตถุเช่นว่านั้น เพื่อใช้หรือให้ได้ข้อมูลในการปลอมหรือแปลง”

โดยการจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสายตรวจ 1 ร่วมกับ ตำรวจ สน.ห้วยขวาง ได้เข้าทำการจับกุม 1 ในผู้ต้องหาได้ที่บริเวณตู้ ATM ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ที่บริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าใต้ดินห้างย่านพระราม 9 พบอุปกรณ์ในการคัดลอกเครื่องมือและสอบขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้อีก 2 คน พร้อมของกลาง กล้องบันทึกวีดิโอ บัตรอิเล็กโทรนิกส์ โน๊ตบุค และอุปกรณ์ที่ใช้กระทำความผิดต่าง ๆ ได้ที่บ้านพักย่านห้วยขวาง ขณะที่กำลังจะหลบหนี

ทั้งนี้จากการสอบปากคำผู้ต้องหาทั้ง 3 คน ให้ซัดทอดถึง นายซ่ง เลี่ยง หมิง ว่าได้ชักชวนผู้ต้องหาเข้ามายังประเทศไทย และได้ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เดินทางเข้ามาไทยเพื่อการท่องเที่ยวเพียงเท่านั้น ทางด้านนายซ่ง เลี่ยง หมิง ทางตำรวจได้ระบุว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว และขออนุมัติศาลออกหมายจับ เพราะมีพฤติกรรมเป็นหัวหน้าแก๊งสกิมเมอร์

ด้าน พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ ระบุว่า กลุ่มผู้ต้องหาดังกล่าวนั้นมีความเชื่อมโยงการเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ และ ห้างเทอมินอล21 เพราะกลุ่มผู้ต้องหามีการใช้อุปกรณ์และแผนประทุษกรรมในลักษณะเดียวกันทั้งหมด ซึ่งกลุ่มผู้ต้องหาตั้งใจเดินทางเข้ามาก่อเหตุที่ไทย ซึ่งทางตำรวจจะสอบขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด

ทางด้าน นายพงษ์สิทธิ์ ชัยฉัตรพรสุข รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด การป้องกันอาชญากรรมทางการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเครื่องสกิมเมอร์มีขนาดที่เล็กลงทำให้สังเกตุด้วยตาได้ยากมากขึ้น และขบวนการสกิมเมอร์จะแบ่งหน้าที่และดัดแปลงวิธีการให้จับกุมยากมากยิ่งขึ้น ซึ่งในแต่ละครั้งที่คัดลอกข้อมูลในบัตร ATM ไปเฉลี่ยวันละ 200 ใบ สร้างความเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน เพราะเมื่อผู้ต้องหาได้ข้อมูลสามารถที่จะนำข้อมูลไปกดได้ที่ไหนก็ได้ ซึ่งทางผู้เชี่ยวชาญจากธนาคารได้ฝากถึงประชาชนในการป้องกันเบื้องต้นคือการใช้มือป้องปิดขณะกดรหัสบัตร แต่ขอไม่ต้องกังวลสามารถใช้บัตรได้ตามปกติ เพราะทางธนาคารเองได้มีเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าระวังติดตามพฤติกรรมการใช้บัตรหากพบความผิดปกติก็สามารถตรวจสอบได้ทันที