กรมการขนส่งทางบก ตั้งโต๊ะรับชำระใบสั่งแทนตำรวจ ดีเดย์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลัง คสช.ใช้ ม.44 คุมเข้มวินัยจราจร นัดถก 23 มี.ค. เชื่อมข้อมูลตำรวจและกรมขนส่งทางบก พร้อมดำเนินคดีไม่จ่ายค่าปรับภายใน 30 วัน

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบกเปิดเผยความคืบหน้ากรณีคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช.มีคำสั่งบังคับใช้มาตรา 44 แก้ปัญหาจราจรและความปลอดภัยทางการจราจร โดยมีประเด็นสำคัญเกี่ยวกับการให้ผู้โดยสารในรถทุกคันคาดเข็มขัดนิรภัย อธิบดีกรมการขนส่งทางบกระบุว่าการบังคับใช้กฏหมายจะใช้กับรถทุกประเภทที่กำหนดให้มีเข็มขัดนิรภัย ส่วนกรณีรถกระบะที่มีสเปซแคป หรือรถโดยสารรุ่นเก่าที่ยังไม่มีเข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง กรมการขนส่งทางบก อยู่ระหว่างพิจารณา


ส่วนกรณีใบสั่งที่มาตรา 44 ระบุว่า จะต้องชำระค่าปรับภายใน 15 วัน หากยังไม่ชำระจะออกหนังสือเตือนอีก 15 วัน รวมเป็น 30 วัน หากยังไม่มาอีกจะระงับการต่อภาษีประจำปี กรมการขนส่งทางบกมีนโยบายให้รถทุกคันต่อภาษีได้ โดยหากยังไม่เสียค่าปรับสามารถชำระค่าปรับได้ที่กรมการขนทางบกพร้อมกับการต่อภาษีเลย แต่หากยังไม่พร้อมชำระค่าปรับ กรมการขนส่งทางบกจะออกใบเสร็จการชำระภาษีชั่วคราวให้30 วัน หากไปชำระค่าปรับกับตำรวจแล้วจึงจะได้รับเอกสารตัวจริง หากไม่ชำระค่าปรับใน30วันก็ให้ตำรวจดำเนินการสั่งฟ้องได้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ทางกรมขนส่งทางบก.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะประชุมหารือเรื่องการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างกันโดยเร็ว

การชำระค่าปรับพร้อมการต่อภาษี อธิบดีกรมการขนส่งทางบกยืนยันว่าสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากฐานข้อมูลของตำรวจและกรมการขนส่งทางบกเชื่อมโยงกันอยู่แล้ว

สำหรับใบสั่ง จากสถิติพบว่าปี 2559 ถึงปัจจุบัน มีผู้กระทำผิดกฎจราจรถูกออกใบสั่ง 680000 ใบ มีเพียงร้อยละ 11 เท่านั้น ที่ไปชำระค่าปรับ และร้อยละ 2 แจ้งยกเลิกใบสั่ง ส่วนที่เหลือกว่าร้อยละ 80 ไม่ชำระค่าปรับ



ส่วนรถโดยสารโดยเฉพาะรถตู้ทุกประเภท หากมีปัญหาด้านความปลอดภัย ผู้ประกอบการต้องเป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งการกระทำผิดของพนักงานขับรถ การดัดแปลงรถที่ไม่เป็นไปตามระเบียบของกรมการขนส่งทางบก รวมถึงการติดตั้งระบบความปลอดภัยในรถทั้งการติดจีพีเอส การติดตั้งอุปกรณ์ป้องกัยภัย หากฝ่าฝืนกรมการขนส่งทางบกมีอำนาจเบิกถอนทะเบียนรถ ระงับการใช้รถ และเพิกถอนใบอนุญาตได้ทันที