เจ้าของเพจทนายคู่ใจ ชี้ตำรวจที่ทำสำนวนคดี 'ครูจอมทรัพย์' ควรได้รับการลงโทษทางอาญา ม.157 ฐานเร่งรีบสรุปสำนวนเพื่อทำผลงาน โดยการปั้นหลักฐานมาปิดสำนวนคดี เพื่อให้ง่ายต่อการลงโทษจำเลยในศาล

นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร ทนายเจ้าของเพจ 'ทนายคู่ใจ' ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกรณีของ 'ครูจอมทรัพย์' ที่ต้องติดคุกฟรีเป็นเวลา 1 ปี 6 เดือน หลังตกเป็นแพะในคดีขับรถชนคนตาย ว่า

คำร้องขอรื้อคดีแพะครู มีความสำคัญมาก หลังจากที่คนนกระทำความผิดตัวจริง ได้มารับสารภาพต่อตำรวจและเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ แล้ว เพราะน่า จะทำให้ทางเจ้าหน้าที่หมดข้อสงสัย ว่าทำไมครูท่านนี้ถึงเป็นแพะตัวจริง รวมถึงแสดงให้เห็นว่าระบบกล่าวหา เรากำลังมีปัญหา เพราะยังมีช่องให้ผู้บริสุทธิ์ไปติดคุกทั้งที่เข้าต่อสู้คดีแล้ว อีกทั้งเราสามารถมองย้อนไปตั้งคำถามกับตำรวจที่เป็นเจ้าของคดีว่า คุณรีบสรุปสำนวนเอาผลงานใช่ไหม เพราะตำรวจที่มีสำนวนค้างมาก หรือปิดไม่ได้ จะมีผลต่อการประเมินผลงานด้วยเหมือนกัน

และ เมื่อถามว่า จะสามารถเอาผิดกับตำรวจที่ทำสำนวนคดีนี้ได้หรือไม่นั้น นายรณณรงค์ กล่าวว่า ถ้าดูจากสำนวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ ตนคิดว่า มีโอกาสติดคุกได้ เพราะพยานยืนยันว่า ตอนเบิกความพูดอีกอย่าง แต่ตำรวจพิมพ์อีกอย่าง ซึ่งส่วนตัวตนคิดว่าทางตำรวจเอง ก็คงจะรอให้เรื่องเงียบตามกระแส

แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพนักงานสอบสวนหรือทนาย มาอ่านเอกสารก็น่าจะมองเหมือนกันว่า มีจุดผิดพลาดอยู่ที่ตำรวจปั้นหลักฐานมาปิดสำนวนคดี เพื่อให้ง่ายต่อการลงโทษจำเลยในศาล มีการตัดคำเบิกความพยานออกไปในเอกสาร ทำให้คิดได้ว่าทางตำรวจเอง เร่งปิดคดีเพื่อทำผลงาน ซึ่งในส่วนนี้ทางพนักงานสอบสวนควรได้รับโทษทางอาญามาตรา 157

'ทนายวันชัย' ชี้จุดบอดคดี 'ครูจอมทรัพย์' ตกเป็น 'แพะ'ขับรถชน

ด้าน นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ เปิดเผยว่า ตนเองเคยเป็นทนายความให้ นางจอมทรัพย์ โดยเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีนี้หลังจากศาลชั้นต้นตัดสินไปแล้ว ประมาณปี 2549 ซึ่งนางจอมทรัพย์ ได้เข้ามาหาตนที่สำนักงาน ซึ่งตนก็ได้สอบปากคำและอ่านสำนวนคดี พร้อมทั้งพูดคุยจนเชื่อได้ว่าไม่ได้ก่อเหตุจริงๆ

โดยตนมองเห็นว่า มีประเด็น ที่เป็นพิรุธ 2 ประเด็น คือ พยานบุคคลที่เป็นประจักษ์พยานทั้ง 2 คนที่ให้การขัดแย้งกัน โดยคนหนึ่งเห็นทะเบียนเลข 56 ในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ซึ่งตนมองว่าจากสภาพแวดล้อมในเวลากลางคืนไม่น่าจะเห็นป้ายทะเบียนได้ชัด

รวมไปถึงประเด็นผลพิสูจน์หลักฐาน เพราะรถจักรยานที่ถูกชนมีร่องรอยสีเขียวติดที่ตะเกียบของรถจักรยาน และ ผู้เสียชีวิตกระเด็นตกมาที่ท้ายกระโปรงรถกระบะ แต่พอมาดูรถทะเบียน 56 ของนางจอมทรัพย์เป็นสีบรอนซ์น้ำตาล ไม่มีสีเขียว ไม่มีรอยบุบ ไม่มีรอยชนข้างหน้า กระโปรงไม่บุบ ซึ่งตนก็แปลกใจว่า พนักงานสอบสวน ยังอุตส่าห์ไปเชื่อมโยงว่า เป็นสีเขียวจากกรอบทะเบียนรถได้อีก

นายวันชัย ยังบอกอีกว่า จากคดีนี้มองว่า มีจุดบกพร่อง คือ 1.ทนายของคดีในชั้นต้นไม่รอบคอบ ไม่หาพยานหลักฐานมาต่อสู้คดีอย่างเต็มที และ 2. ตร.ทำงานแบบรูทีน คือไม่มีการพิจารณาให้ความเป็นธรรมอย่างเต็มที่จริงๆ

คดีนี้พยานหลักฐานอ่อนมาก สามารถสั่งไม่ฟ้องได้ พยานขัดกันชัดเจน ส่วนอัยการควรต้องใช้ดุลพินิจอ่านสำนวนอย่างละเอียดเพื่อให้ความเป็นธรรม

ส่วนของการเยียวยา มองว่า นอกจากการเยียวยาที่ได้เงินชดเชยแล้ว ในการเยียวยาทางจิตใจควรให้มากเป็นพิเศษ น่าจะให้เงินเดือนข้าราชการครูย้อนหลัง เพราะถือว่า เป็นเหยื่อของความบกพร่อง รวมถึงเรื่องชื่อเสียงเกียรติยศควรเยียวยาอย่างเต็มที่

'ทนายคู่ใจ' ชี้ ตร.ทำสำนวนคดี 'ครูแพะ' ควรรับโทษ ม.157