จากกรณีที่ตำรวจ สภ.เซกา ได้รับตัว นายสตีฟ มิลเซล โจเอล โรชินญง (Mr.Steve Rossgnon) อายุ 42 ปี จากตำรวจ กก.สืบสวน 1บก.สส.ภ.4 หลังจากถูกจับและรับสารภาพได้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนขนาด .22 ยิง นายคริสโตปฟ์ Mr.Christophe Hercot อายุ 49 ปี สัญชาติเบลเยียมด้วยกันเสียชีวิตบริเวณบ้านไม่มีเลขที่ ม.10 ต.เซกาใต้ บ้านบริเวณริมอ่างเก็บน้ำอ่างกะซะ อ.เซกา จ.บึงกาฬ จากนั้นได้ลากเอาศพไปทิ้งหลุมเก่า ห่างบ้านพักเพียง 50 เมตรแล้วนำยางรถยนต์จำนวน 2 เส้นไปเผาทำลายเพื่อเป็นการอำพรางศพ

 

ล่าสุดวันนี้ผู้ข่าวได้เดินทางมาที่สภ. เซกาจังหวัดบึงกาฬพบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายสตีฟ มิลเซล โจเอล โรชินญง ผู้ต้องหา มาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมีนายนฤมิตร ทนายผู้ต้องหา ร่วมสอบปากคำด้วย ภายหลังจากสอบปากคำนานกว่า 3 ชม. ตำรวจจึงได้ควบคุมตัวนายสตีฟ ผู้ต้องหา เข้าห้องขัง โดยในระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนายสตีฟเข้าห้องขังได้ใช้ผ้าคลุมศีรษะไว้ตลอด

 

ต่อมาทีมข่าวจึงได้สอบถามนายนฤมิต จำปาทอง ทนายความของ นายสตีฟ ผู้ต้องหา ออกมาให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตอนนี้ นายสตีฟ เครียดมาก ไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่อ และไม่อยากให้เห็นใบหน้าของเขา เนื่องจากเกรงว่าจะมีผลกระทบกับภรรยาและลูกสาวทั้ง 2 คน

 

ขณะที่ความสัมพันธ์ ระหว่างนายสตีฟ และ นายคริสตอฟ ผู้ตาย ยืนยันว่า ไม่ใช่เพื่อนกัน แต่เป็นแค่คนรู้จักที่มาจะประเทศเดียวกันเท่านั้น ซึ่งพฤติกรรมของ นายคริสตอฟ ผู้ตาย เป็นเหมือนพวกมาเฟีย เรียกเก็บค่าคุ้มครอง โดยก่อนหน้าหน้าที่นายคริสตัลจะเดินทางมาที่ประเทศไทยได้ขอยืมเงินผู้ต้องหาจำนวนหนึ่งเพื่อย้ายถิ่นฐานมาอยู่กับภรรยาชาวไทย ก่อนจะมีการชดใช้กัน

 

สำหรับพฤติการณ์ของผู้ตาย ช่วงเดือนธันวาคม ปีที่แล้ว นายคริสตอฟ ผู้ตาย ได้มาข่มขู่รีดเงิน จาก นายสตีฟ แต่ครั้งนั้นไม่ได้เงินไป

 

หลังจากนั้น ผู้ตายได้พยายามข่มขู่รีดเงินเรื่อยมา ทั้งส่งข้อความมาข่มขู่จะทำร้ายครอบครัว และลูกสาว ของนายสตีฟ คนก่อเหตุ รวมถึงโทรศัพท์มากดดัน

 

วันที่ 21 พฤษภาคม (ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน) นายคริสตอฟ ได้ส่งข้อความมาหาสตีฟ เพื่อขอเงิน จำนวน 850,000 บาท แต่ผู้ก่อเหตุได้ปฏิเสธ ก่อนจะถูกข่มขู่ พร้อมกับส่งมาข่มขู่ผู้ก่อเหตุ โดยข้อความประมาณว่า “ฉันต้องการเงิน ถ้าไม่หามาให้ จะฆ่าให้ตายให้หมด คิดให้ดี”

 

จนกระทั่งวันที่ 24 พฤษภาคม นายสตีฟ ผู้ก่อเหตุ เห็นท่าไม่ดี เลยนำหลักฐานการข่มขู่ ไปแจ้งความที่ ตม. เพื่อให้เผิกถอนวีซ่า นายคริสตอฟ แล้วเอาตัวกลับประเทศเบลเยี่ยม แต่เรื่องยังไม่ทันมีความคืบหน้า

 

นายคริสตอฟ ส่งข้อความ มากดดันอีก ว่า “ฉัน ต้องการเงิน” ก่อนจะบุกมาที่บ้านของนายสตีฟ ทำร้ายร่างกาย โดยใช้แท่งเหล็กตีจากด้านหลัง นายสตีฟ ขัดขืนต่อสู้ ก่อนจะคว้าปืน มายิงใส่ นายคริสตอฟ 3 นัด เพื่อป้องกันตัว และด้วยความตกใจ จึงลากศพไปเผา ก่อนจะนำรถไปทิ้งต่างอำเภอ ซึ่งขณะที่ถูกจับกุม เขารับสารภาพทันที ว่าได้ก่อเหตุฆ่าชาวเบลเยี่ยมด้วยกัน

 

นอกจากนี้ยังมีประเด็นที่ผู้ก่อเหตุสงสัยว่านายคริสตอฟฆาตกรรมพ่อของผู้ก่อเหตุที่ประเทศเบลเยี่ยมขณะที่นายคริสตอฟเดินทางกลับประเทศไปช่วงหนึ่ง

 

โดยในวันนี้ ตนมาช่วยเดินเรื่อง ยื่นหลักฐานการข่มขู่ เพื่อขอให้ตำรวจพิจารณาข้อหาใหม่ จากข้อหา ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เป็นเหตุจากการป้องกันตัว

 

ต่อมา ทีมข่าวได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดละแวกที่เกิดเกิดเหตุ พบว่า เวลา 17.01น.ของวันที่ 24 พต.67 กระบะฟอร์ดเรนเจอร์สีส้ม คาดว่าเป็นของนายสตีฟ ขับเข้ามาในซอย มุ่งหน้าไปโกดังที่เกิดเหตุ

 

จากนั้นเวลา 17.37น. ของวันเดียวกัน พบรถกระบะฟอร์ดเรนเจ้อสีส้มขับออกมาจากที่เกิดเหตุ

 

ก่อนจะ พบว่าช่วงเวลาประมาณเกือบ3ทุ่ม พบ นายสตีฟ ได้ขับรถฟอร์ดเรนเจอร์ บรรทุกรถจักรยานยนนต์ ของ นายคริสตอฟ ไปทิ้งยัง พื้นที่บ้านโนนสมบูรณ์ ต.หนองแวง อ.บ้านแพง จ.นครพนม ก่อนจะถูกตำรวจจับตัวได้

 

ขณะเดียวกันทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับนางสาวปลา (นามสมมติ) เพื่อนชาวไทยของนายคริสตอฟ ผู้ตาย ที่มักจะมาระบายปัญหาให้กับเธอฟังประจำ

 

โดยนางสาวปลา เล่าว่า ตนรู้จักกับนายคริสตอฟ เนื่องจากเป็นลูกค้าประจำที่มาทานอาหารอยู่ที่ร้าน โดยช่วงแรกตนก็ไม่ได้สนใจที่จะเข้าไปทักทาย จนกระทั่งแม่ของตนได้มาบอกว่าให้ลองสอบถามลูกค้ารายนี้หน่อย เนื่องจากดูท่าทางเศร้าๆ เคร่งเครียดเหมือนมีปัญหา ตนจึงได้เข้าไปสอบถาม จึงได้ทราบว่าเมื่อ 2 ปีก่อน นายคริสตอฟไปทำร้านคาเฟ่ให้นายสตีฟ แต่ยังไม่ได้ค่าแรง จนนายคริสตอฟไปทวงถาม แต่นายสตีฟก็บ่ายเบี่ยง จนสุดท้ายนายคริสตอฟขอเงินค่าแรง จำนวน 850,000 บาทตลอดเวลา 2 ปีที่ทำคาเฟ่ให้นายสตีฟ แต่นายสตีฟ ปฏิเสธให้เงินจำนวน 850,000 บาทแต่จะให้เพียงแค่ 50,000 บาทเท่านั้น

 

โดยนายคริสตอฟได้บอกกับเธอว่าเขาพยายามทวงถามหลายครั้งแล้วแต่ถูกปฏิเสธ

 

ส่วนประเด็นที่ทั้งคู่มีปากเสียงทะเลาะกันถึงขั้นชกต่อยตนเองก็ทราบข่าวมาเหมือนกันแต่ยังไม่ได้ทันถามรายละเอียดกับผู้ตาย

 

ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน นายคริสตอฟก็ได้มาปรึกษาตนให้หาทนายให้ เพื่อยื่นฟ้องค่าแรงจากนายสตีฟ หลังจากนั้นทนายได้แนะนำให้เก็บหลักฐานการถูกโกงไว้เพื่อทำเรื่องยื่นฟ้อง แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็ถูกฆ่าตายก่อน

 

หลังเกิดเหตุเพื่อนของผู้ตายได้ทักข้อความมาหาตนเองและได้บอกว่าข่าวที่ออกไม่เป็นความจริงที่ผู้ก่อเหตุให้การว่าผู้ตายเป็นมาเฟีย และชอบมาข่มขู่เงินอยู่เป็นประจำไม่เป็นความจริง แต่ความจริงแล้วผู้ตายถูกโกงเงินค่าแรงจำนวน 850,000 บาท

 

นอกจากนี้หลังเปิดเรียนก็ยังญาติของนายสตีฟโทรศัพท์มาหาตนเองเพื่อจะอธิบาย ปมเหตุที่ทำให้นายสตีฟต้องฆ่านายคริสตอฟเนื่องจากว่าถูกนายคริสตอฟข่มขู่และยังยั่วโมโหว่าเป็นคนฆ่าพ่อของนายสตีฟที่เบลเยียมจึงทำให้นายสตีฟบันดาลโทสะก่อเหตุยิงนายคริสตอฟจนเสียชีวิต

 

สำหรับนายคริสตอฟ เท่าที่ตนรู้จัก เป็นคนอัธยาศัยดีและนิสัยดีและเวลาที่มากินข้าวที่ร้านของตนเองก็มักจะชอบมาเล่นกับลูกชายของตนเองเป็นประจำโดยไม่ได้มีท่าทีเป็นมาเฟียเหมือนที่ถูกกล่าวหา

ฆ่าฝรั่งเผานั่งยาง อ้างแค้นถูกรีดเงิน 8 แสน ส่อพลิกเพื่อนคนตายแฉกลับ