จากเหตุการณ์ที่ นางสาวอนันต์ อายุ 54 ปี ได้ก่อเหตุใช้มีดแทงนายวรากร อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นลูกเขยเสียชีวิต บริเวณภายในบ้านเทาเฮ้าส์แห่งหนึ่ง ย่านบางกรวย จังหวัดนนทบุรี เมื่อวานที่ผ่านมา (17 พ.ค.) หลังเกิดเหตุแม่ยายของผู้เสียชีวิตได้ยืนรอมอบตัวกับเจ้าที่ตำรวจ และถูกนำตัวไปสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฏหมายและได้นำตัวไปฝากขังส่งตัวเข้าเรือนจำไปแล้ว




วันนี้ (18 พ.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังวัดปุราวาส ย่านทวีวัฒนา ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งมาเป็นกุศลศพของ นายวรากร ที่ถูกแม่ยายทำแทงด้วยมีดจนเสียชีวิต บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้ามีพ่อและแม่พร้อมด้วยภรรยา รวมถึงญาติและเพื่อนของผู้เสียชีวิตร่วมงาน




ทีมข่าวได้พบกับ น.ส.กัญญากร หรือเก๋ อายุ 39 ปี ภรรยาของผู้เสียชีวิตที่อยู่ในอาการโศกเศร้า เปิดเผยว่า ตั้งแต่หลังเกิดเหตุตนเองยังไม่ได้ไปเยี่ยมแม่ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุเพราะยังยุ่งอยู่กับการจัดงานศพของสามี และต้องรอให้เสร็จสิ้นงานศพเรียบร้อยก่อนจึงจะดำเนินการอีกครั้งว่าจะทำอย่างไรต่อไป เพราะตอนนี้ยังช็อกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสูญเสียสั่งสามีที่เสียชีวิตและต้องสูญเสียแม่ที่ก่อเหตุจนต้องถูกจับกุม ซึ่งในเรื่องของการประกันตัวแม่ ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะประกันตัวหรือไม่เพราะตนเองอยู่คนเดียวจึงไม่รู้ว่าจะสามารถดำเนินการอย่างไร แต่คาดว่าหากจัดการเรื่องงานศพสามีเรียบร้อยแล้วก็อาจจะไปเยี่ยมแม่ที่เรือนจำ




ส่วนเรื่องการดูแลลูกตนเองยืนยันว่า จะขอดูแลลูกเองแต่ก็จะให้ลูกมาหาและอยู่กับตากับยายบ้างในบางครั้ง ซึ่งหลังเกิดเหตุตนเองก็ไม่เคยกลับไปที่บ้านที่สามีถูกแม่ทำร้ายจนเสียชีวิตอีกเลย เพราะทำใจไม่ได้เมื่อกลับไปจะต้องพบกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และเมื่อเสร็จสิ้นงานศพก็จะย้ายของออกมาและจะไม่ขอกลับไปอยู่ที่บ้านหลังนั้นอีก ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับพ่อและแม่สามีก็ยังเป็นปกติ เพราะตนเองได้ไปขออโหสิกรรมกับแม่สามีแล้วก็พร้อมที่จะยกโทษให้ แต่แม่ของสามีไม่ยอมโหสิกรรมให้กับแม่ของตนเองที่เป็นผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด




ทีมข่าวได้สอบถาม นายณรงค์ อายุ 61 ปี พ่อนายวรากร ที่ถูกแม่ยายแทงเสียชีวิต เปิดเผยว่า ตนเองยอมรับว่าอยากได้หลานมาเลี้ยงดูเอง แต่ไม่รู้ว่าแม่ของหลานซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของตนเองจะให้หรือไม่ เพราะตนเองเกรงว่าแม่ของเด็กจะเลี้ยงไม่ไหว จึงอยากได้มาดูแลเอง และตนเองเชื่อว่าลูกสะใภ้น่าจะไม่ให้หลานมาอยู่กับตัวเอง ซึ่งก็เป็นสิทธิของแม่อย่างเต็มที่อยู่แล้ว ตนเองคงทำอะไรไม่ได้ ยอมรับว่า หลังเกิดเหตุตนเองยังติดใจเรื่องอะไรบางอย่างกับลูกสะใภ้อยู่ แต่ขอให้จบงานศพของลูกชายก่อน และจะมีการพูดคุยและสอบถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมีคำถามหลายอย่างที่ตนเองอยากจะถามลูกสะใภ้




ส่วนตนเองยอมรับว่าจะไม่อโหสิกรรมให้กับแม่ยายที่แทงลูกชายเสียชีวิต และให้เป็นไปตามกระบวนของกฎหมายให้ถึงที่สุด เพราะตนเองและภรรยาซึ่งเป็นพ่อและแม่ของผู้เสียชีวิตไม่สามารถที่จะทำใจได้ ทุกวันนี้แม่ของลูกชายตื่นขึ้นมาก็นั่งร้องไห้ทุกเช้า เพราะตอนลูกชายมีชีวิตอยู่แม่จะโทร. ไปหาเพื่อปลุกลูกให้ไปส่งหลานไปโรงเรียนทุกวัน จึงทำให้ตนเองและภรรยายังทำใจไม่ได้ที่สูญเสียลูก

 

พ่อคนตายยังติดใจใครฆ่าลูก สะใภ้ยันจะขอดูแลลูกเอง