เมื่อเวลา 23.20 น. วันที่ 7 พ.ค.2567 ร.ต.ท.สิรภัทร ชูพงศ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ฉลอง จ.ภูเก็ต รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุ 191 ภ.จว.ภูเก็ต ว่ามีผู้บาดเจ็บคือนางเสาวณีย์ อายุ 40 ปี โดนน้ำกรดสาดใส่ใบหน้าและลำตัว ให้เดินทางตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ จึงรายงานให้ พ.ต.อ.เอกรัตน์ พลายด้วง ผกก.สภ.ฉลอง ทราบก่อนรุดตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ฉลอง ตรวจสอบ

โดยเบื้องต้นจากข้อมูลล่าสุดทราบว่าตำรวจสภ.ฉลอง ได้ทำแกะรอยอดีตแฟนหนุ่มมือสาดน้ำกรดสาวขายยา และสามารถตามรวบได้ขณะนอนรักษาบาดแผลถูกน้ำกรดเช่นกันที่ห้องเพื่อนกลางเมืองภูเก็ต ซึ่งเพจเฟสบุ๊ค “Phuket Hotnews” ได้มีการโพสต์ภาพของผู้ก่อเหตุ ในขณะที่ถูกจับกุมตัวเอาไว้ได้ โดยระบุข้อความที่ว่า “ใช้เวลาเพียง 13 ชั่วโมง…ตร.ฉลองแกะรอยอดีตแฟนหนุ่มมือสาดน้ำกรดสาวขายยา ตามรวบได้ขณะนอนรักษาบาดแผลถูกน้ำกรดเช่นกันที่ห้องเพื่อนกลางเมืองภูเก็ต ตร.นำตัวเค้นความจริง”

ต่อมาในเวลา 17.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ฉลอง ได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาสอบสวนที่สภ.ฉลอง ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นจากพ.ต.อ.เอกรัตน์ พรายด้วง ผกก.สภ.ฉลอง พบว่าผู้ก่อเหตุรับสารภาพที่ทำลงไปเนื่องจากมีความหึงหวง หลังจากที่ตนเองเลิกลรกันแล้ว ก็กลัวว่านางเสาวณีย์ แฟนเก่าจะมีคนใหม่

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเป็นขณะที่ผู้ก่อเหตุนั้นเดินทางมาเพื่อจะก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่อดีตแฟนสาว

ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อวินาทีที่ 00.12 น.จะเห็นผู้ก่อเหตุ เดินมาซุ่มในเงามืดเพื่อรอให้นางเสาวณีย์ อดีตแฟนสาว ขี่รถจยย.มายังหน้าร้านขายยา จากนั้นวินาทีที่ 00.42 จะเห็นนางเสาวณีย์ อดีตแฟนสาว ขี่รถจยย.ขี่เข้ามาที่ร้านขายยา และในขณะเดียวกันก็จะเห็นผู้ก่อเหตุวิ่งมาก่อเหตุ และถัดมาวินาทีที่ 00.49 จะเห็นผู้ก่อเหตุทำการสาดน้ำกรดใส่นางเสาวณีย์ อดีตแฟนสาว ซึ่งจะได้ยินเสียงของนางเสาวณีย์ร้องตะโกนและกรี๊ดออกมาด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะวิ่งหลบหนีออกไป

ต่อมาภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อวินาทีที่ 00.11 จะเห็นนางเสาวณีย์ หลังจากที่ถูกผู้ก่อเหตุสาดน้ำกรดใส่แล้ว ก็ได้เดินมาขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน จากนั้นก็มีชาวบ้านที่ได้ยินเสียงของนางเสาวณีย์ ขอความช่วยเหลือ ก็รีบออกมาและลากสายยางฉีดน้ำมาช่วยฉีดบรรเทาอาการและฉีดให้น้ำกรดออกไปจากร่างกายของนางเสาวณีย์ก่อน

ต่อมาเวลา 19.30 น.ที่สภ.ฉลอง หลังจากที่มีการจับกุมนายแซรี ผู้ก่อเหตุสาดน้ำกรดได้แล้วตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา พ.ต.อ.เอกรัตน์ พลายด้วง ผกก.สภ.ฉลอง ได้มีการแถลงข่าวปิดคดีดังกล่าวต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวอยู่ ณ เวลานี้ โดยพ.ต.อ.เอกรัตน์ กล่าวว่าเบื้องต้นจากการให้คำรับสารภาพ ของนายแซรี ผู้ก่อเหตุ เบื้องต้นพบว่าได้มีความขัดแย้งเรื่องหึงหวงกับนางเสาวณีย์ ผู้เสียหาย มาประมาณ 5 เดือนแล้ว และในช่วงที่มีความขัดแย้งเรื่องหึงหวงจึงได้เตรียมก่อเหตุ หากวันไหนตัวเองทนไม่ได้กับเรื่องที่ขัดแย้งกันอยู่

และเมื่อวานที่ผ่านมา ( 7 พ.ค. 67 ) คือวันที่นายแซรี ผู้ก่อเหตุ ตัดสินใจลงมือก่อเหตุ และหลังจากก่อเหตุก็ได้ขับรถหลบหนีไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้ทำการติดตามและเร่งรัดคดีดังกล่าวจนไปได้ภาพจากกล้องวงจรปิดจำนวน 2 มุม เป็นช่วงที่ก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุ โดยการได้กล้องวงจรปิดดังกล่าว นำไปสู่การจับกุมตัวนายแซรี ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งในเมืองภูเก็ต ซึ่งบ้านเช่าดังกล่าวก็เป็นบ้านเช่าของเพื่อนนายแซรี นั้นหลบหนีมา หลังจากก่อเหตุแล้ว จึงได้เข้าไปตรวจยึดเสื้อผ้าในวันเกิดเหตุได้ถังขยะใกล้กับ บขส.ใหม่ ส่วนหัวเชื้อน้ำส้มยาง ที่ใช้ก่อเหตุ ก็สามารถตรวจยึดได้ที่บ้านเช่า ของเพื่อนนายแซรี เข่นกัน โดยพบจำนวน 7 ขวดอยู่ภายในลัง จากลังละ 8 ขวด โดยขวดที่หายไปนั้นก็คือขวดที่ใช้ในการก่อเหตุดังกล่าว

และหลังจากที่มีการสอบสวนจนผู้ก่อเหตุรับสารภาพแล้ว ปมเหตุอ้างว่าตัวเองพยายามตามจีบตามง้อนางเสาวณีย์ มานานแล้วแต่หลังจากพยายามอยู่นานแต่ไม่สำเร็จ จึงหึงหวงและโกรธ จนนำไปสู่การก่อเหตุดังกล่าว ส่วนข้อหา ตอนนี้ได้มีการข้อหา "ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับ อันตรายสาหัส"

หลังจากที่ทางพ.ต.อ.เอกรัตน์ พลายด้วง ผกก.สภ.ฉลอง ได้แถลงปิดคดีเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัวนายแซรี ผู้ก่อเหตุ ออกมาจากห้องสืบสวน บนชั้นสามของสภ. ฉลอง ลงไปชั้นล่างเพื่อเข้าห้องขัง ซึ่งในระหว่างนี้ทางทีมข่าวช่องแปดได้มีโอกาสสอบถามและพูดคุยกับนายแซรี ดูพยามจะถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นสาเหตุเกิดมาจากอะไรและอยากขอโทษผู้ก่อเหตุปและญาติของผู้ก่อเหตุหรือไม่ แต่ทว่านายแซรี เอาแต่ก้มหน้าก้มตาและสังเกตได้ว่ามีอาการสะอึกสะอื้นเหมือนกับร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ก่อนที่จะเข้าห้องขังไป ไม่ยอมตอบคำถามสื่อแต่อย่างใด

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีโอกาสพูดคุยกับนางนิดา เพื่อนสนิทของนางเสาวณีย์ ผู้บาดเจ็บ โดยนางนิดาบอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขอยืนยันว่าเพื่อนสาวของตัวเองนั้นไม่ได้เป็นแฟนกับนายแซรี ผู้ก่อเหตุ แต่อย่างใด แต่นายแซรี พยายามที่จะจีบและพูดคุยกับเพื่อนสาวของตัวเองมานานแล้ว

แต่หลังจากที่เปิดใจคุยกันนั้น ลักษณะนิสัยสวนทางกัน โดยนายแซรีนั้น มักจะให้เพื่อนสาวของตนเลี้ยงและจ่ายทุกสิ่งทุกอย่างโดยที่ตัวเองนั้นไม่ออกเงินเลยแม้แต่บาทเดียว จนทำให้เพื่อนสาวของตนนั้นเกิดความไม่พอใจและขอตีตัวออกห่าง แต่ทางนายแซรี ไม่ยอมพยายามของ้ออยู่เรื่อยแต่ไม่สำเร็จ ทำให้อาจบันดาลโทสะก่อเหตุดังกล่าวขึ้น และหลังจากนี้ก็ขอให้ได้รับโทษอย่างสาสม

ส่วนตอนนี้อาการของเพื่อนสาวตนนั้น ก็ถือว่าทรงตัว มีบาดแผลถูกสาดน้ำกรดบริเวณใบหน้า รอบดวงตา บริเวณแขนและขา สามารถพูดจาพูดคุยตอบโต้กับเพื่อนๆและญาติๆได้ ซึ่งเพื่อนๆและญาติๆเอง ก็จะไม่ถามถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าตอนนี้รู้สึกยังไง แต่จะมีเพียงการให้กำลังใจมากกว่า ว่าขอให้สู้ต่อไปถึงแม้ ตอนนี้จะเผชิญอุปสรรคอะไรก็ตาม และตอนนี้เพื่อนสาวของตน ก็พยายามที่จะขอกระจกเพื่อส่องดูใบหน้าของตัวเองแต่ตอนนี้นั้นตนไม่อยากให้เพื่อนเห็นใบหน้าของตัวเองเพราะกลัวทำใจไม่ได้