เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 7 พ.ค. 67 พ.ต.ท.ณัฐติรุจ โชติทนัยสิทธิ สารวัตรเวรสอบสวน สภ.กบินทร์บุรีรับแจ้งว่า มีคนถูกทำร้ายร่างกายด้วยอาวุธมีดได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านหลังหนึ่ง หมู่ 6 ต.เขาไม้แก้ว อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

หลังรับแจ้ง จึงได้เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อม พ.ต.อ.ศิวัชณฐ์ คุ้มทรัพย์ ผกก. สภ.กบินทร์บุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี ที่เกิดเหตุพบเจ้าหน้าที่กำลังทำ CPR ผู้ได้รับบาดเจ็บ คือ นางสาวเผ่าทิพย์ อายุ 35 ปี (แม่เลี้ยง) ที่ถูกนายนิราช อายุ 35 ปี (ลูกเลี้ยง) ใช้อาวุธมีดแทงที่ใต้ราวนมซ้าย 1 แห่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัสนอนจมกองเลือด พร้อมนำส่งโรงพยาบาลกบินทร์บุรีและได้เสียชีวิตระหว่างทาง เนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบกองเลือดเป็นจำนวนมากพร้อมอาวุธมีดพับที่ใช้ก่อเหตุ จำนวน 1 เล่ม

จากการสอบถาม นางสาวยุพิน บุญสะอาด ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า นางสาวเผ่าทิพย์ อายุ 35 ปี (แม่เลี้ยง) ถูกนายนิราช อายุ 35 ปี (ลูกเลี้ยง) ใช้อาวุธมีดแทงที่ใต้ราวนมซ้าย 1 แห่ง ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังจากก่อเหตุแล้วนายนิราชได้อุ้มแม่เลี้ยงใส่รถซาเล้ง ขับออกจากบ้านมาไว้ที่หน้าบ้านญาติ ก่อนหลบหนีไป จึงได้โทรแจ้ง 1669 ให้มาช่วยเหลือ

ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุพบว่า เวลา 16.26 น. วันที่ 7 พ.ค. ผู้เสียชีวิตไปซื้อของที่ร้านค้าแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน ซึ่งก็เป็นภาพสุดท้ายที่เธอมาซื้อของแล้วกลับบ้านก่อนที่จะถูกลูกเลี้ยงแทงจนเสียชีวิต

ต่อมากล้องวงจรปิด ตัวที่ 1 ก่อนเกิดเหตุ 1 เวลา 19.09.34 น. จับภาพนายนิราช ผู้ก่อเหตุ เดินมากับเพื่อนหนึ่งคน เพื่อมาพูดคุยกับกลุ่มเพื่อนเรื่องเกี่ยวกับพระเครื่อง

กล้อง 2 เป็นเหตุการณ์หลังจากเกิดเหตุ จับภาพนายเอ้ และเพื่อนบ้าน ขับ จยย.ไปแจ้งญาติผู้ตายหลังจากที่ผู้ตายโดนลูกเลี้ยงแทงจนเสียชีวิตแล้ว

กล้อง 3 เวลา 23.07.09 น. จากภาพชาวบ้านช่วยกันออกตามหาผู้ก่อเหตุที่บริเวณถนนหน้าหมู่บ้าน

กล้อง 4 เวลา 12.57.53 น. จับภาพรถเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนขับมาบริเวณใกล้จุดเกิดเหตุเพื่อมารับตัวผู้ก่อเหตุในป่าตรงข้ามบ้าน

กล้อง 5 เวลา 13.38.29 น. จับภาพรถเจ้าหน้าที่ตำรวจขับไปโรงพักหลังจากที่รับตัวผู้ก่อเหตุแล้ว

วันนี้ (8 พ.ค.67) ชุดสืบสวนและกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้ออกปูพรมค้นหาตัว นายนิราช อายุ 36 ปี หรือหนึ่ง (ลูกเลี้ยง) ในพื้นที่เนื่องจากเชื่อว่าผู้ก่อเหตุต้องหลบซ่อนตัวในบริเวณดังกล่าว จนกระทั่งเวลาประมาณ 13.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้พบตัว นายนิราช อายุ 36 ปี (ลูกเลี้ยง) ได้หลบซ่อนตัวอยู่ที่บริเวณใต้ก่อไผ่ ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุประมาณ 100 เมตรเศษ พร้อมย่ามใส่เครื่องรางของขลัง

จากการสอบถามในเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า ที่ก่อเหตุเนื่องจากถูกแม่เลี้ยงทำร้ายร่างกายโดยมีเหล็กและมีดแทงตนเอง ให้ต้องแย่งมีดจากแม่เลี้ยงแทงสวนไปและใช้ปืนเตะก่อนหลบหนี ส่วนสาเหตุที่เจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมทั้งกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้าน ได้ออกติดตามตัวในพื้นที่ไม่พบ ทางเจ้าตัวบอกว่า “ได้ท่องคาถา นะโม 3 จบ แล้วกล่าวต่ออีกว่า ความดีคุ้มกาย บังกายคุ้มอยู่” เพราะเชื่อว่าตนเองยังมีความดีอยู่ เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อมาแล้วทำไม่ถูกตำรวจจับได้ ได้มีการท่องคาถาอีกหรือเปล่า ทางเจ้าตัวบอกว่า ไม่ได้ท่องอีกได้แต่หิวๆๆๆๆ

เวลา 14.00 น. ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายัง ห้องสืบสวน สภ.กบินทร์บุรี พบกับนายนิราช ผู้ต้องหา นั่งรอสอบปากคำอยู่ในห้องสืบสวน และพบว่าข้างลำตัวของผู้ต้องหา มีการพกย่ามสะพายพระ ด้านในมีหนังสือสวดมนต์หลายเล่ม พระเครื่องจำนวนหลายองค์ และยังมีประคำ ผ้ายันต์ รูปภาพศิลปินเกาหลีวง แบล็กพิงค์ และข้าวของอื่นๆอีกมากมาย ส่วนที่คอของผู้ต้องหา ก็มีจี้พระอีกหลายองค์

จากนั้นนายนิราช ผู้ก่อเหตุได้เปิดใจกับทีมข่าว ก่อนเกิดเหตุตัวเองได้มีปากเสียงกับแม่เลี้ยงเรื่องปัญหาในครอบครัวทั่วๆไป จากนั้นแม่เลี้ยงได้ไปถือมีดมาท้าฟันตัวเอง แล้วแทงมาโดนที่แขนด้านขวา จากนั้นมีดในมือแม่เลี้ยงได้ล่วงลงพื้น ตัวเองจึงไปหยิบมีดเล่มดังกล่าวมาแทงแม่เลี้ยงกลับไป 1 ครั้ง จากนั้นตัวเองก็เก็บข้าวของสำคัญใส่ย่ามพระ แล้วหลบหนีเข้าป่าหลังบ้าน ซึ่งตอนหลบหนี ตัวเองได้ท่องคาถาคุ้มกันภัย เพื่อให้ตำรวจตามตัวไม่เจออีกด้วย กระทั่งเมื่อเช้าตัวเองหิวข้าว จะเข้าบ้านมากินข้าว จึงโดนตำรวจจับกุมตัว

ตัวเองยืนยันว่าแม่เลี้ยงคนนี้เป็นเสาหลักของบ้าน เขาไม่เคยหาเลี้ยงตัวเองเลย ตัวเองกับแม่เลี้ยงต่างคนต่างหากิน “อย่ามาพูดปากตอแห..ล เลย” แล้วแม่เลี้ยงคนนี้ ก็ชอบจุ้นจ้านกับตัวเองมาตลอด ตัวเองยืนยันว่าตัวเองไม่ได้เสพยาเสพติด แต่อาการหลอนก็มีบ้างนานๆ ครั้ง

ส่วนที่ตัวเองห้อยพระเต็มคอ และมีเครื่องรางของขลังเต็มย่ามนั้น ตัวเองก็ได้มาจากวัดแถวกรุงเทพมหานคร และแถวพื้นที่ใกล้เคียง เพราะตัวเองเชื่อว่าพระเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ ให้ทำความดี แต่ที่ตัวเองต้องทำร้ายแม่เพราะเป็นการป้องกันตัว

ทีมข่าวจึงสอบถามนายนิราช อีกว่า ทำไมต้องพกพระเครื่องรางเยอะแยะขนาดนี้ นายนิราชจึงตอบเป็นภาษาอีสานว่า “ของหลาย แต่บ่ได้หลายใจ” หรือภาษากลางว่า (ของเยอะ แต่ก็ไม่ได้หลายใจ)

หลังให้สัมภาษณ์ ทีมข่าวก็ได้ขอดูข้าวของในกระเป๋าของนายนิราช ก็ไปเจอกับรูปของจีซู และโรเซ่ ศิลปินวง BLACKPINK ซึ่งนายนิราช ก็บอกทีมข่าวว่าชื่นชอบศิลปินวงนี้

ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสนม อายุ 56 ปี สามีของผู้เสียชีวิต และเป็นพ่อของผู้ก่อเหตุ ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ตอนเกิดเหตุตัวเองไม่อยู่บ้าน ซึ่งตอนเกิดเหตุนั้น ลูกชายได้แทงภรรยาไปแล้ว จากนั้นนายเอ้ หลานชายวัย 16 ปี ได้เดินไปหลังบ้าน ก็ไปเจอนายนิราช หลัฃจากแทงภรรยาแล้ว ได้ใช้ท่อนไม้ ทุบตีตามร่างกายภรรยาหลายครั้ง หลานชายวัย 16 จึงถือท่อนไม้ เข้าไปขู่จะตีผู้ก่อเหตุ จนกระทั่งเขาตกใจแล้ววิ่งหลบหนีไปที่ป่าบริเวณตรงข้ามกับบ้าน

หลังจากเกิดเหตุญาติได้โทรศัพท์มาบอกตัวเองว่าภรรยาถูกลูกชายแทงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตัวเองจึงกลับไปดูที่บ้าน พบว่าตอนนั้นภรรยายังมีสติอยู่ แล้วบอกให้ตัวเองรีบช่วยเรียกรถพยาบาล กระทั่งภรรยาไปเสียชีวิตในภายหลัง และช่วงบ่ายวันนี้ตำรวจก็สามารถไปจับกุมลูกชายได้แต่ที่สุด

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองเชื่อว่า สาเหตุมาจากอาการหลอนยาเสพติดของลูกชาย ก่อนหน้านี้ลูกชายก็ทำงานใช้ชีวิตปกติ มีแค่ดื่มเหล้าเท่านั้น แต่ระยะ 5 เดือนหลัง ลูกชายได้ติดยาเสพติดหนักขึ้น เคยขู่จะทำร้ายตัวเอง ขู่จะทำร้ายภรรยาและหลานชายมาตลอดทุกครั้งที่มีอาการ

ซึ่งที่ลูกชายไปให้การกับตำรวจว่าเขาป้องกันตัวเพราะถูกภรรยาจะใช้มีดแทงก่อนนั้น ตัวเองขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง คิดว่าลูกชายแก้ตัว เพราะภรรยาตัวเองไม่เคยหาเรื่องลูกชายก่อน

การสูญเสียภรรยาครั้งนี้กระทบต่อชีวิตตัวเองเป็นอย่างมาก เพราะ ตัวเองป่วยเป็นโรคเบาหวาน วันไหนอาการกำเริบก็จะให้ภรรยานี่แหละเป็นคนดูแลพาไปหาหมอ แล้วตอน ที่ตัวเองทำงานไม่ได้ ภรรยาก็จะไปรับจ้างหาเงินมาเลี้ยงครอบครัว ส่วนลูกชายก็เอาแต่ขอเงิน ไม่ทำงานทำการ

ถามว่าตัวเองให้อภัยลูกชายได้หรือไม่ ตัวเองก็พูดยากเพราะฝั่งหนึ่งก็เป็นลูกชายส่วนอีกฝั่งหนึ่งก็เป็นภรรยาที่สูญเสีย ตึงตอบไม่ได้ในประเด็นนี้ ส่วนที่ลูกชายชอบเก็บ

สะสมพระเครื่องและเครื่องรางต่างๆมากมายนั้น เป็นเพราะตั้งแต่เขาหลอนยาเค้าก็ไปเก็บสิ่งของเหล่านี้มาจากที่ไหนก็ไม่รู้มารวบรวมไว้ที่บ้านจำนวนมาก

ตัวเองอยากบอกดวงวิญญาณของภรรยาว่าไม่ต้องห่วงครอบครัว ส่วนลูกภรรยาอีกสามคนตัวเองจะดูแลเขาเอง แล้วจะจะยกที่ดินให้เขาทำไร่นาต่อไป