กรณีเหตุการณ์เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษ ตำรวจ สภ.เมืองนครสวรรค์ รับแจ้งเหตุอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ เป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และนำส่งโรงพยาบาล1ราย โดยที่เกิดเหตุ พบร่างของนายพีรพล หรือเบียร์ อายุ 19 ปี และคนเจ็บทราบชื่อในเวลาต่อมาคือนายทิว อายุ 19 ปี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้มีการสอบปากคำพยานและรวมถึงกลุ่มเพื่อนของคนตาย ให้การว่า หลังจากไปมีเรื่องที่ผับ ได้มีกลุ่มซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ขับรถรถกระบะมาพุ่ง ในขณะที่กำลังขับรถกลับบ้าน และหลังจากที่พุ่งชนแล้วได้มีลักษณะการขับรถเดินหน้าถอยหลังเพื่อที่จะเหยียบซ้ำก่อนขับหนี ส่วนเหตุที่เกิดขึ้นที่ผับ เป็นเพราะว่าคนตายและคนเจ็บเป็นตัวกลาง ไปขอให้กลุ่มทหารเกณฑ์ คือ นายแบงค์ คนขับกระบะชน และ นายพี คนจับหน้าอก มีการกราบขอโทษ นางสาวมิ้น ผู้เสียหาย เนื่องจากถูกอนาจารโดยการจับหน้าอกนั้น

 

วันนี้ (6 พ.ค.) ทีมข่าวช่องแปดติดตามความคืบหน้าคืบ โดยได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในคืนวันเกิดเหตุ 12 กุมภาพันธ์ ซึ่งจับภาพกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ของเพื่อนคนตาย ขับเกาะกลุ่มกันมาบนถนน แต่ส่วนของนายพีรพล คนตาย กลับนายทิวคนเจ็บ ซึ่งขับทิ้งห่างตามหลัง แล้วจะเป็นวินาทีที่เห็นรถกระบะสีดำขับเข้ามาพุ่งชนด้วยความเร็ว ซึ่งกล้องวงจรปิดจับทั้งมุมก่อน และหลังเกิดเหตุเอาไว้ โดยในภาพจากกล้องวงจรปิดจะเห็นวินาทีรถกระบะชนรถมอเตอร์ไซค์จนกระทั่งไฟแลบ

 

จากนั้นก็ได้ยินเสียงเพื่อนของคนตายโวยวาย และสั่งห้ามไม่ให้กระบะมีการเหยียบซ้ำ แต่รถกระบะก็ยังมีการแตะไฟเบรกเดินหน้าถอยหลัง ก่อนที่จะขับหลบหนี

 

ผ่านไปไม่ถึง 5 นาที กู้ภัยและตำรวจได้เข้ามาถึงที่เกิดเหตุโดยทันที

 

ขณะเดียวกัน ยังจะมีคลิปจากพลเมืองดีอีกหลายคลิป ซึ่งจะมีช่วงวินาทีที่มีการก่อเหตุขับเดินหน้าถอยหลังลักษณะเหยียบซ้ำ แล้วในคลิปดังกล่าวจะได้ยินเสียงเพื่อนตะโกน “พอแล้ว ” แล้วยังมีการพูดชื่อของคนตาย “เบียร์ๆๆ” โดยในคลิปจะเห็นพฤติกรรมของกระบะซึ่งในรถคือทหารเกณฑ์เป็นคนขับ ชัดเจน ก่อนที่จะหนี , แล้วในคลิปก่อนที่รถกระบะสีดำจะขับหนี กลุ่มเพื่อนของคนตายได้พยามใช้ขวดและหินเขวี้ยงปารถเพื่อที่จะสั่งให้หยุด

 

และยังมีคลิปหลังเกิดเหตุเกิด หลังจากที่รถกระบะของทหารเกณฑ์หลบหนี มีพลเมืองและชาวบ้านได้ทยอยเข้ามาถ่ายคลิปซึ่งจะเห็นร่างของนายพีรพล หรือเบียร์ นอนเสียชีวิตอยู่บนพื้นถนน แล้วยังเห็นความเสียหายของรถที่จอดอยู่ข้างทาง ถูกชนจนกระทั่งหน้ารถยุบ และร่มรวมถึงแผงขายของของชาวบ้านที่ข้างทางก็ได้รับความเสียหายไปด้วย

 

นางสมพร (แม่ของผู้เสียชีวิต) เผยว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวก็ไม่คิดว่าลูกชายไปเที่ยวผับแล้วจะเกิดเหตุ ถูกคนขับรถไล่ชนและเหยียบซ้ำ ซึ่งในวันนั้นลูกชายกลับมาจากทำงานที่ต่างอำเภอ และกำลังจะมาช่วยกิจกรรมงานกีฬาสี ของกศน. และในคืนนั้นลูกชายได้มีการขออนุญาตเพื่อที่จะไปผับกับเพื่อน ตนเองก็ยังมีการพูดทิ้งท้ายทำนองว่า “ดูแลตัวเองให้ดีให้ดีอย่าไปมีเรื่องกับใครนะลูก” จนกระทั่งหลังเที่ยงคืนในคืนดังกล่าวตนเองได้รับโทรศัพท์จากกลุ่มเพื่อนของลูกชาย โทรมาบอกว่าถูกรถชน และกลุ่มก่อเหตุก็เป็นกลุ่มที่ไปมีเรื่องกันที่หน้าผับ ตนเองจึงค่อนข้างช็อกและตกใจเพราะเนื่องจากมีลูกชายเพียงคนเดียว

 

โดยเหตุการณ์ในคืนนั้น ทราบว่าน้องสาวของเพื่อนที่ไปเที่ยวด้วยกัน ถูกกลุ่มของนายพีและนายแบงค์ ทหารเกณฑ์มีการอนาจารโดยการจับหน้าอกในผับขณะที่กำลังเต้น จึงได้มีการเรียกมาเพื่อที่จะให้นายพีคนจับหน้าอกขอโทษนางสาวมิ้น แต่ฟังก่อเหตุปฏิเสธและไม่ยอมขอโทษ ลูกชายจึงได้มีการโทรเรียกพวกมาช่วยกันเคลียร์ที่หน้าผับ จนเป็นเหตุทำให้มีเรื่องชกต่อยกัน ก่อนที่ลูกชายจะขับรถตามกลุ่มเพื่อนกลับบ้าน แล้วถูกรถกระบะของนายแบงค์ กลุ่มของนายพี ขับรถขับรถมาชนและเหยียบซ้ำตามที่ปรากฏเป็นคลิป

 

ซึ่งตอนแรกตนเองก็เข้าใจว่าเป็นแค่อุบัติเหตุ แต่หลังจากที่เห็นภาพจากกล้องวงจรปิดทั้งหมดแล้วตนเองยากที่จะทำใจได้ เนื่องจากเป็นเจตนา ไม่ใช่อุบัติเหตุ และที่สำคัญ ตอนที่ไปเดินเรื่องทางคดีให้กับลูกชาย ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเพียงแค่ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและบาดเจ็บ แต่ไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเจตนาฆ่า จนกระทั่งตนเองต้องไปเดินหากล้องวงจรปิดเอง ไปติดต่อกล้องวงจรปิดจากเทศบาล จนได้ภาพจากกล้องวงจรปิดมาเพื่อใช้เป็นหลักฐาน และยื่นให้กับอัยการ มีการเปลี่ยนข้อกล่าวหาเป็น เจตนาฆ่าผู้อื่น ซึ่งสิ่งที่ตนเองทำก็เพื่อลูกชาย

 

สำหรับประเด็นเรื่องของเงินเยียวยา เข้าใจว่าในทางคดีอาญาก็ว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะเนื่องจากตัวตัวของนายแบงค์ถูกจับและอยู่ในคุกทหารแล้ว แต่ส่วนอีกคนคือนายพียังหลบหนีอยู่ ซึ่งก็เป็นทหารเกณฑ์ด้วยกัน โดยทางแพ่งตนเองได้มีการ เรียกค่าเสียหายไปจำนวน 1,500,000 บาท ซึ่งมีการคำนวณจากอายุและหน้าที่การงานของลูกที่ควรจะสร้างเงิน แต่ทางครอบครัวของนายแบงค์คนก่อเหตุอ้างว่าไม่มีเงินให้ ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ไร้วี่แวว ประกอบกับเรื่องประกันรถก็ไม่สามารถจ่ายเยียวยาครอบครัวได้ เพราะไม่ใช่เป็นอุบัติ แต่มันคือการใช้รถไปก่อเหตุประกันจึงไม่จ่าย และในคืนที่มีการสวดอภิธรรมศพ มี 1 คืน ที่น้องสาวและแม่ของนายแบงค์มาร่วมงาน พร้อมกับมีการใส่ซองให้จำนวน 10,000 บาทอ้างว่าเป็นค่าทำศพ และช่วยทำบุญให้กับน้อง

 

อย่างไรก็ตาม สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นตนเองอยากจะฝากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับวัยรุ่น บางครั้งอาจจะไม่ใช่เรื่องของตนเองโดยตรง แต่ไปเป็นตัวกลางแล้วอาจจะซวยเหมือนลูกของตนเองก็ได้ และที่สำคัญ ก็อยากจะฝากถึงกลุ่มก่อเหตุอยากให้มีสามัญสำนึก บางสิ่งบางอย่างตนเองทำผิดก็ควรที่จะขอโทษ ไม่ใช่ผิดแล้วยังก่อเหตุซ้ำ

 

ด้าน นางสาวมิ้น (นามสมมติ) ผู้เสียหาย ในฐานะคนที่ถูกจับหน้าอก เผยว่า ในคืนเกิดเหตุตนเองไปเที่ยวสถานบันเทิงกับพี่ชายและเพื่อนพี่ชาย ซึ่งรวมแล้วประมาณ 4-5 คน โดยจังหวะที่ตัวเองกำลังเต้นโยกย้ายตามจังหวะเพลง ได้มีนายพีซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ เดินมาด้านหลังก่อนที่จะเอามืออ้อมมาจากด้านหลังแล้วมีการจับหน้าอก หลังจากที่ตัวเองถูกจับหน้าอกจึงได้ไปฟ้องพี่ชายคือนายทิว เพื่อนของนายพีรพลหรือเบียร์คนตาย ซึ่งไปเล่าเรื่องราวให้ฟังว่าถูกทหารเกณฑ์จากนมในผับ หลังจากที่พี่ชายทราบเรื่องจึงไม่พอใจก็เลยมีการไปเรียกให้ทหารเกณฑ์คนดังกล่าวมาขอโทษ แต่ทหารเกณฑ์ไม่ยอมขอโทษจึงทำให้มีเรื่องกันต่อที่หน้าผับก่อนกลับบ้าน และในตอนนั้นก็เข้าใจว่าเหตุการณ์สงบแล้วพี่ชายกับกลุ่มเพื่อนจึงได้ทยอยขับรถเดินทางกลับบ้าน แต่ใช้มอเตอร์ไซค์กันหมด

 

ซึ่งระหว่างทางปรากฏว่ารถของพี่ชายที่มีคุณตานั่งไปด้วยขับคันหลังสุด จึงถูกรถกระบะของนายแบงค์เพื่อนของนายพีที่เป็นทหารเกณฑ์ด้วยกัน ขับรถกระบะสีดำพุ่งชน ก่อนที่จะเหยียบซ้ำ ซึ่งในตอนนั้นทุกคนเห็นเหตุการณ์และพยามตะโกนห้ามแต่ตัวของนายแบงค์ก็ยังมีการขับรถเดินหน้าถอยหลังลักษณะเหยียบซ้ำจนร่างถูกเหยียบอยู่ใต้ล้อ ก่อนที่จะขับหนี

 

สำหรับคู่กรณีของตนเองคือนายพีซึ่งเป็นทหารเกณฑ์ตอนนี้ตนเองได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาเอาไว้คือเรื่องของอนาจาร แต่ตัวของนายพี ได้มีการหลบหนีค่ายทหาร และหนีอยู่ในตอนนี้ ส่วนตัวของนายแบงค์ได้ถูกดำเนินคดีและติดคุกในคุกทหารแล้ว โดยส่วนตัวก็ไม่คิดว่าเรื่องของตนเองจะบานปลายถึงขั้นมีเหตุการณ์สองเกิดขึ้น จนเป็นเหตุทำให้นายพีรพล ต้องถึงแก่ความตายเพราะเหตุการณ์นี้ และที่สำคัญในทิวพี่ชายก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส

 

ด้าน นางสาวสุกัญญา แม่ของคนเจ็บ ในฐานะแม่ของผู้เสียหายที่ถูกอนาจาร เผยว่า นางสาวมิ้นกับนายทิว ซึ่งตอนนี้บวชเป็นพระอยู่ เป็นพี่น้องกัน โดยในคืนเกิดเหตุทั้งคู่ได้พากันไปเที่ยวผับ และหลังเกิดเรื่องลูกสาวได้โทรมาเล่าให้ตัวเองฟัง บอกว่าถูกทหารเกณฑ์มีการจับหน้า จากนั้นก็ได้มีการไปแจ้งกับพี่ชายคือนายทิวกับเพื่อนของพี่ชายคือนายเบียร์ เพื่อที่จะเรียกให้มาขอโทษ แต่ทหารเกณฑ์ไม่ยอมขอโทษจึงทำให้เกิดเรื่องบานปลาย และตอนนี้ก็ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจากเรื่องของลูกสาวที่มีการจับหน้าอกกัน ถึงขั้นขับรถมาทับกันและเหยียบกันตายแบบนี้

 

โดยหลังเกิดเหตุ ฝั่งทางครอบครัวได้มีการแจ้งข้อกล่าวหานายพี ทหารเกณฑ์ที่มีการจับหน้าอกลูกสาว แต่เข้าใจว่าตอนนี้ยังมีอยู่ แต่ส่วนนายแบงค์คือคนขับรถกระบะที่ชนคนตายและชนลูกชายตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนที่ลูกชายตนเองได้รับบาดเจ็บ ได้มีการเรียกค่าเสียหายจำนวน 300,000 บาท แต่ก็ไร้วี่แวว เพราะฝั่งของครอบครัวคนตายก็เรียกค่าเสียหายไปจำนวน 1,500,000 บาท ก็ไม่มีการตอบรับเหมือนกัน

 

ทั้งนี้ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ คุณหวาน (แฟนของนายแบงค์ผู้ก่อเหตุ) ทางโทรศัพท์ ซึ่งได้เผยว่า ตนยอมรับว่าแฟนตน ชนเขาจริง แต่เกิดจากในร้าน มีการทำพฤติกรรมกระแทกใส่แฟนตน ซึ่งแฟนตนไม่รู้เรื่อง และอยู่หลังร้านปิด แฟนตนโดนรุม ด้วยตอนนั้นดื่มด้วย อาจจะเมา ทำให้ความโมโหเกิดขึ้น

 

ตอนที่ชนตนไม่ได้อยู่ด้วย แต่จากคลิป ตนมองว่า แฟนไม่ได้มีเจตนา ให้ถึงกับเสียชีวิต อาจเพราะเมา จะขับเพื่อให้มอเตอร์ไซค์ หลุดออกจากรถเฉยๆ

 

ในวันนี้ ที่ตนอยากชี้แจง แค่อยากบอกว่า ครอบครัวแฟนและตน เข้าใจความสูญเสียของคู่กรณี แต่อยากจะบอกว่า การถอยรถตามคลิป อาจจะไม่ใช่ เพื่อซ้ำให้เขาตาย และก็ไม่ได้ทราบว่าใครจับนมใคร เรื่องการจับนม เป็นเพื่อนของแฟนตนทำ ซึ่งตอนเกิดเรื่องแรกๆ ก็มีการพูดคุยกัน และตนก็ด่าเขา ว่าทำไมตอนนั้น ทิ้งแฟนตนไว้คนเดียว

 

ตั้งแต่เกิดเรื่อง ยังไม่ได้คุยกับแฟนเลย มีแต่อัยการที่ได้คุย พร้อมทั้งจากคำพูดที่ว่า ไม่ขอจ่ายเงิน ในเมื่อยังไงก็ติดคุก ขอยืนยันว่าไม่จริง เพราะทุกครั้ง แม่ของผู้ตายคุยกับพวกตนดีมาตลอด แต่มาหลังไม่ได้คุย เพราะด้วยค่าเสียหายที่เขาเรียกมา 2 ล้าน พวกตนไม่มี เลยให้เป็นหน้าที่ตำรวจ ตอนนี้ทางครอบครัวเครียดมาก แต่ก็น้อมรับ เพราะแฟนตนทำจริง ไม่มีใครอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้เลย

"ทหารเกณฑ์" แค้นถูกเตือนจับนมสาว ซิ่งเก๋งไล่ขยี้พลเมืองดีดับสยอง