วันนี้ 29 เม.ย.67 ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบริเวณภายในซอย รามอินทรา 5 ซึ่งเป็นจุดเกิดเหตุ ที่เยาวชนหญิงอายุ 17 ปีและเยาวชนชายอายุ 15 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นคู่อริไล่ทำร้ายจนกระทั่งมาเสียชีวิต และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นหญิงอีกหนึ่งคนถูกนำตัวส่ง ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล พบสภาพที่เกิดเหตุ เป็นซอยถนนสองเลนสวนออกไปได้หลายช่องทางทั้งด้านถนนรามอินทรา และยังเป็นเส้นทางลัดออกไปถนนสุขาภิบาล 5 ย่านสายไหมได้ บริเวณจุดเกิดเหตุพบกองเลือดจำนวนมากอยู่บริเวณกลางถนน และยังพบร่องรอยเศษซากรถจักรยานยนต์สีน้ำเงินซึ่งคาดว่าจะเป็นของกลุ่มผู้ตายและของผู้เสียชีวิต และยังพบร่องรอยที่เสาไฟฟ้า มีสีน้ำเงินซึ่งตรงกับรถจักรยานยนต์ของผู้ตายติดอยู่ คาดว่ารถจักรยานยนต์ได้พุ่งชนเสาไฟฟ้าก่อนที่จะเสียชีวิต

 

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในซอยรามอินทรา 5 กล้องวงจรปิดมุมแรกเป็นบริเวณหน้าร้านขายของเก่า เป็นภาพต่อเนื่องกัน 2 มุม เวลาในกล้องวงจรปิดคือ 20.53 น. ในภาพจะเห็นรถของผู้เสียชีวิตขับนำหน้าไปก่อน โดยมีรถของผู้ก่อเหตุขี่ตามหลังมาติดๆ รถจักรยานยนต์แต่ละคันวัยรุ่นทั้งสองกลุ่ม ซ้อนท้ายกันมาคันละ 3 คน

 

หลังจากผ่านกล้องมุมแรกไป รถจักรยานยนตร์ของวัยรุ่นทั้ง 2 คัน ได้ขับไล่กวดกันมาด้วยความเร็ว ผ่านร้านขายอาหารตามสั่ง บ้านเรือนของประชาชนและร้านค้าบริเวณนั้น โดยขับไปต่อเนื่อง

 

กระทั่งกล้องวงจรปิดก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร จับภาพรถทั้งสองคันขี่ไปก่อนถึงจุดเกิดเหตุด้วยความเร็วสูง ก่อนที่รถของผู้เสียชีวิตจะเสียหลักไปชนกับเสาไฟฟ้าอย่างจัง หลังจากนั้นผู้บาดเจ็บและผู้เสียชีวิตนอนแน่นิ่งอยู่กับที่ ส่วนรถของวัยรุ่นอีกคันที่ขับไล่กันมา ได้ขับหลบหนีไปทันที หลังจากเกิดเหตุชาวบ้านในพื้นที่ได้พากันออกมามุงดูจุดเกิดเหตุเต็มถนน

 

ภายหลังจากที่เมื่อ ช่วงเช้าวันนี้ ผู้ปกครองของ เยาวชน 3 ราย ที่ ก่อเหตุไล่ฟันวัยรุ่นจนเสียหลักพลิกคว่ำชนเสาไฟฟ้าบาดเจ็บ 1 ราย เสียชีวิต 2 ราย ภายในซอยรามอินทรา 5 เข้ามอบตัวกับชุดสืบสวนตำรวจสน. บางเขน ก่อนจะมีการซักถามหลังจากนั้น ตำรวจได้ปล่อยทั้งหมดออกจากห้องสืบสวนกลับบ้านไปเนื่องจากผู้ก่อเหตุทั้งหมดเข้ามามอบตัว ซึ่งในวันพรุ่งนี้จะประสานสหวิชาชีพเข้ามาสอบปากคำผู้ก่อเหตุทั้งสามคนอีกครั้ง

 

ระหว่างนั้น ผู้สื่อข่าว พยายามสอบถามเด็กผู้ก่อเหตุ และผู้ปกครอง ถึงข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทุกคนไม่มีใครตอบคำถาม และขึ้นรถออกไปทันที

 

พันตำรวจเอกอนันต์ วรศาสตร์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้รับแจ้งเหตุมีอุบัติเหตุ มีผู้เสียชีวิตสองรายคนเจ็บหนึ่งรายตรวจสอบเข้าตรวจสอบในที่เกิดเหตุพบว่าผู้เสียชีวิตเป็นวัยรุ่นกลุ่มเดียวกับที่ เคยมีคดีทะเลาะวิวาทและยิงกันที่วงเวียนบางเขนเมื่อเดือนก่อน จากการสืบสวนไล่กล้องวงจรปิดพบว่ากลุ่มคนตายขี่รถจักรยานยนต์ เข้ามาในซอยรามอินทรา 5 เจอกับกลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นคู่กรณีมากันสามคนจากนั้นจากนั้นได้ใช้อาวุธมีดไล่ฟันกลุ่มผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ โดยมีโดน ฟัน หญิงที่ได้รับบาดเจ็บหนึ่งแผล และ ชายผู้ตาย ถูกฟัน ด้วยเช่นกัน ซึ่งเมื่อมาถึงตรงบริเวณร้านคาร์แคร์จุดเกิดเหตุ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ถีบรถจักรยานยนต์ผู้ตายพุ่งชนเสาไฟฟ้า จนทำให้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุส่วนคนเจ็บถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล ซึ่ง ต่อมาตำรวจไล่กล้องวงจรปิดจนทราบตัวบุคคลและช่วงเช้าที่ผ่านมาพ่อแม่ผู้ปกครองได้พาตัวเยาวชนชายสามคน เข้ามามอบตัวกับทางตำรวจและสอบปากคำ และส่งศาลเด็กและเยาวชนและครอบครัวกลาง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ขณะที่ต่อมาเจ้าหน้าที่นิติเวช โรงพยาบาลภูมิพลฯ ได้เข็นร่างน้องเมนู ผู้เสียชีวิตอีกหนึ่งรายออกมาจากห้องผ่าชันสูตรศพ นายหนุมาน พ่อน้องเมนู ได้ปรี่เข้าไปหาร่างไร้วิญญาณของลูกชาย ก่อนจะร้องไห้คร่ำครวญ กอดหอม น้องเมนู ปานจะขาดใจ ก่อนจะบอกว่า พ่อเคยเตือนเคยบอกแล้ว ขอให้ลูกตายตาหลับ และบอกว่า ถ้าพ่อยังไม่ตายพ่อจะทวงความเป็นธรรมให้แน่นอน และบอกว่าพ่อจะพากลับบ้าน

 

ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะจุดธูปกล่าวเรียกดวงวิญญาณน้องเมนู ลูกชาย ตามความเชื่อก่อนที่จะเคลื่อนร่างของน้องเมนูไปบนรถกู้ภัยไปวัดลาดปลาเค้าเพื่อทำพิธีศพ

 

หลังจากนั้นเมื่อร่างของ ด.ช.ศิวกรณ์ หรือน้องเมนู อายุ 15 ปี ผู้เสียชีวิต ออกจากนิติเวชโรงพยาบาล ได้นำศพมามาตั้งบำเพ็ญกุศลไว้ที่ศาลา 2 วัดลาดปลาเค้า บรรยากาศโศกเศร้าทันทีที่ร่างของน้องเมนูมาถึงวัด แม่ของน้องเมนูได้เข้าไปกอดและหอมศพของลูกชายแม่พูดซ้ำๆ หลายครั้งบอกกับร่างไร้วิญญาณของลูกชายว่า “แม่รักลูกนะ” ในขณะที่พ่อของน้องเมนูก็ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ

 

ด้าน นางอมราภรณ์ หรือแม่ส้ม อายุ 50 ปี แม่ของน้องเมนูให้สัมภาษณ์นักข่าวบอกว่า วันเกิดเหตุ ลูกชายได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้าน เพื่อจะไปหาของกินที่ร้านสะดวกซื้อ หลังเกิดเหตุมีคนโทรมาหาแม่ว่าคนที่ประสบอุบัติเหตุใช่น้องเมนูหรือไม่ ซึ่งตอนนั้นแม่ก็ไม่ทราบ หลังจากนั้นแม่พยายามโทรหาลูกชาย แต่ติดต่อลูกไม่ได้ ช่วงเวลาประมาณ 4 ทุ่ม จึงโทรหาพ่อของน้องเมนูและไปตรวจสอบที่จุดเกิดเหตุก็พบว่าผู้เสียชีวิตคือลูกชายของแม่จริงๆ

 

แม่ส้ม บอกว่า โดยส่วนตัวแม่ไม่อยากให้ลูกตายฟรี จึงอยากถามผู้ก่อเหตุว่าทำไมต้องทำกันถึงเพียงนี้ เพราะทุกคนก็ยังเป็นเยาวชนอยู่ เมื่อดูจากพฤติการณ์คือผู้ก่อเหตุอยากจะเอาชีวิตลูกชายให้ตายกันไปข้างหนึ่งเลย ซึ่งมันเป็นอะไรที่เกินกว่าเหตุมาก

 

สำหรับเด็กที่ก่อเหตุ แม่ส้มบอกว่า ตัวเองไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ลูกชายเคยมีปัญหากับวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง แต่ตอนนั้นได้เคลียร์กันจบแล้ว ไม่ได้มีอะไรค้างคากันอีก ส่วนกลุ่มที่ก่อเหตุครั้งนี้แม่ก็ไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่เขามาทำร้ายลูกเป็นเพราะอะไร โดยวันเสาร์ที่ผ่านมามีเพื่อนผู้หญิงของลูกชายคนหนึ่งได้เข้ามาเตือนลูก ซึ่งตอนนั้นพ่อไปแอบได้ยิน เพื่อนคนดังกล่าวได้มาเตือนลูกชายว่า “ช่วงนี้อย่าออกไปไหนมาไหนนะ เพราะเดี๋ยวจะมีคนมาดักแทง” ซึ่งตอนนั้นพ่อก็ไม่ได้เอะใจอะไรกระทั่งวันถัดมาลูกชายถูกกลุ่มคู่อริไล่แทงถึงแก่ชีวิต

 

วันเกิดเหตุลูกชายได้พูดเป็นลางทิ้งไว้กับผู้เป็นพ่อ วันนั้นพ่อถามลูกชายว่า “ทำไมบ้านรกจัง” ตอนนั้นลูกชายพูดกับพ่อว่า “หนูจะไปให้ยาวๆเลย” ซึ่งตอนนั้นทุกคนก็งงว่าทำไมลูกพูดแบบนี้

 

บรรยากาศที่นิติเวชโรงพยาบาลภูมิพลฯ มีเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมด้วย นายธนเดช และนางพรอุมา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของมูนิธิร่วมกตัญญู พ่อและแม่ของนางสาวสุนันทา หรือน้อง ทับทิม อายุ 17 ปี ที่นั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของเยาวชนชายอายุ 15 ปีที่เป็นคนขับขี่และถูกคู่อริไล่ทำร้าย และถูกคู่อริถีบรถจักรยานยนต์จนเสียหลักล้มลงไปฟาดกับเสาไฟฟ้าเป็นเหตุทำให้ น้องทับทิม และเยาวชนชาย อายุ 15 ปี ที่เป็นผู้ขับขี่เสียชีวิตทั้งคู่ นอกจากนี้ยังมีสาวหล่อหรือทอมที่นั่งไปด้วยได้รับบาดเจ็บด้วยอีกหนึ่งคน เกิดเหตุเมื่อช่วงกลางดึกของคืนที่ผ่านมา ภายในซอยรามอินทรา 5

 

โดยระหว่างที่ เจ้าหน้าที่มูนิธิร่วมกตัญญูนำร่างของน้องทับทิมนำร่างเข็นออกจากห้องนิติเวช ซึ่งมีแม่ของน้องที่เสียชีวิตเดินถือรูปนำหน้า ส่วนผู้เป็นพ่อเดินประคองร่างน้องเห็นเผื่อขึ้นไปที่รถ ภายหลังจากแซงน้องขึ้นไปที่รถแล้วแม่ของผู้เสียชีวิตได้เข้าไปกอดและหอม ร่างอันไร้วิญญาณของลูก ซึ่งมีพ่อของน้องคอยประคองอยู่ด้วยตลอดเวลาบรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า

 

ขณะที่ต่อมาทางครอบครัวของ น้องทับทิม ที่เสียชีวิต พร้อมกับทางเจ้าหน้าที่กู้ชีพมูลนิธิร่วมกตัญญู กว่า 10 คัน ได้เดินทางมายังจุดเกิดเหตุภายหลังที่มีการรับร่างของน้อง โดยมีการจัดรถเป็นขบวนเนื่องจากครอบครัวของน้องเป็นหนึ่งในทีมมูลนิธิร่วมกตัญญู

 

ซึ่งเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุทางแม่ได้มีการถือรูปถ่ายของลูกสาวพร้อมลงมายังบริเวณจุดที่เสียชีวิตซึ่งเป็นบริเวณกลางถนนร้านคาร์แคร์ โดยแม่ได้มีการลูบตรงเสาไฟฟ้า ก่อนที่จะเดินไปยังกองเลือดที่อยู่กลางถนนพร้อมกับลูบกองเลือดลูกสาวทั้งน้ำตา โดยเจ้าตัวได้สื่อสารกับลูกสาว “กลับบ้านกับแม่ เดี๋ยวแม่พาไปวัดกลับบ้านกับแม่ ไม่ต้องอยู่ตรงนี้ ”

 

ก่อนที่ทางครอบครัวได้นิมนต์พระสงฆ์ 1 รูปมาทำพิธีตรงจุดเสาไฟฟ้า โดยทางแม่ของน้องมีการจัดอาหารพร้อมจุดธูป 1 ดอก ระหว่างนั้นมีการพูดกับรูปลูกสาว “หิวข้าวไหมลูก เห็นว่าจะออกมากินข้าว ได้กินข้าวกันรึยัง ไม่ต้องอยู่ตรงนี้กลับบ้านกันนะลูก กินข้าวแล้วกลับบ้านไปอยู่กับพ่อกับแม่ ไม่ต้องมาตะลอนแถวนี้แล้วคนสวยของแม่ “ ร้องไห้ พร้อมกับพูดทำไมถึงเป็นแบบนี้ ” ต่อมาพระสงฆ์ ได้ทำพิธีเชิญดวงวิญญาณตามความเชื่อ

เปิดหลักฐาน 3 โจรเด็กไล่ฟัน-ถีบรถอริดับ 2 แม่กอดศพไม่ห่าง