จากกรณีคดีฆ่าอุ้มศพทิ้งข้ามจังหวัด เมื่อวันที่ 21 เม.ย. ที่ผ่านมา คนร้ายบุกอุ้มหนุ่มชาวไทยใหญ่คาหอพักแห่งหนึ่ง ในหมู่บ้านชัยสถาน ตำบลอุโมงค์ อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจ๋อมวัน ลุงตี้ อายุ 30 ปี โดยคนร้าย 3 คนใช้ค้อนปอนด์พังประตูห้องพักบุกซ้อม นายจ๋อมวันจนน่วมในหอพัก ก่อนจะอุ้มขึ้นรถหลบหายไป และพบกลายเป็นศพถูกมัดมือ-มัดเท้า นำมาทิ้งในป่าข้างทางขึ้นอุทยานดอยสุเทพ-ปุย พื้นที่ ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ 




โดยวันนี้ล่าสุด 25 เม.ย. 2567 ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทีมสืบสวนภาค 5 ทีมสืบสวนจังหวัดเชียงใหม่ สืบจังหวัดลำพูน และสืบสวนเมืองลำพูน สามารถจับกุมตัวชายในภาพวงจรปิดข้างต้น 1 ในผู้ต้องหาได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ที่ จ. เชียงใหม่ ทราบชื่อ คือ นายอุ่น ลุงอ่อง เป็นชาวไทใหญ่ สัญชาติเมียนมา จับกุมตัวได้ขณะพยายามหลบหนี โดยเบื้องต้น ตั้งข้อหาในการกระทำความผิดฐาน ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน , ร่วมกันบุกรุกเคหสถานในตอนกลางคืนโดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยมีอาวุธโดยร่วมกระทำผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปในเวลากลางคืน




ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน คาดว่าน่าจะนำตัวไปยังกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 5 ก่อนจะนำตัวมายัง สภ.เมืองลำพูน เพื่อรอดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยนายอุ่น ลุงอ่อง ได้ชี้จุดหลบซ่อนเพื่อนอีก 3 คน และนำเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมตัว จับได้อีก 1 คน ยังไม่ทราบชื่อแน่ชัด ส่วนอีก 2 คน หลบหนีเข้าป่าไป โดยผู้ร่วมกระทำผิดทั้งหมด 4 คน


ทั้งนี้ ทีมข่าวได้หลักฐานใหม่จากชุดทีมสืบสวนภาค 5 ทีมสืบสวนจังหวัดเชียงใหม่ สืบจังหวัดลำพูนและสืบสวนเมืองลำพูน ส่งภาพหลักฐานวงจรปิดเพิ่มเติมมาให้เฉพาะทางทีมข่าวช่อง 8 โดยรองผู้การภาคระบุว่า 1 ในผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อภายหลังคือ นายอุ่น ลุงอ่อง มาแวะซื้อของภายในร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่ง ตามเส้นทางที่กลุ่มคนร้ายใช้ในการประกอบเหตุ ในจังหวัดเชียงใหม่ เวลา 00.30 น. วันที่ 22 เม.ย. หลังจากทิ้งศพนายจ๋อมวัน บริเวณดอยสุเทพ-ปุย เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และออกจากร้านขับรถหลบหนีไป ซึ่งภาพวงจรปิดนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่ทำให้ทางด้านเจ้าหน้าที่แกะเบาะแสตามรอยคนร้าย และสามารถจับกุมตัวได้




ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดที่วันนี้ทีมข่าวไปไล่เพิ่มเติม จะเป็นวงจรปิดที่อยู่ห่างจากกล้องตัวเมื่อวานนี้ประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นว่ากล้องตัวดังกล่าวสามารถจับภาพได้ทั้งขาเข้าและขาออก ซึ่งกล้องวงจรปิดตัวแรกเริ่มจากขาเข้า ในเวลา 23.48 น. จะเห็นว่ารถกระบะของกลุ่มคนก่อเหตุมีการขับผ่านหน้ากล้องไปทั้งหมด 3 มุม




จากนั้นจะเป็นภาพวงจรปิดเหตุการณ์ที่กลุ่มคนก่อเหตุ ขับรถหลบหนีหลังทิ้งศพไปแล้ว จะเห็นว่ากล้อง 3 มุมเดียวกันจะสามารถจับภาพรถกระบะของคนก่อเหตุขับหนีออกมา และกล้องมุมที่ 3 ก็จะเห็นสติ๊กเกอร์ด้านหลังรถ ซึ่งเส้นทางดังกล่าว หากตรงไปตามทางก็จะไปโผล่ที่ถนนหลังเข้าตัวอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่




ขณะเดียวกันหลังจากพ้นกล้องในจุดแรกไปแล้ว ทีมข่าวจึงไปไล่กล้องต่อตามเส้นทาง แต่ปรากฏว่ารถกระบะของคนก่อเหตุ ไม่ได้มุ่งหน้าไปที่อำเภอแม่ริม แต่มีการเลี้ยวขวาออกไปยังเส้นทางถนนทหาร โดยรถจะต้องผ่านค่ายฝึกมวลชน กรมรบพิเศษที่ 5 ค่ายขุนเณร ในพื้นที่ตำบลแม่สา อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งภาพวงจรปิดที่ร้านกาแฟและร้านอาหาร จะสามารถจับภาพรถของกลุ่มคนก่อเหตุ ขับผ่านหน้าร้านเพื่อมุ่งหน้าผ่านค่ายทหารไปยังถนนหลักที่จะมุ่งหน้าไปยังโชว์รูมรถ ที่ถนนสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่


นอกจากนี้ ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังพบพยานหลักฐานสำคัญ คือ รถคันที่ใช้ในการก่อเหตุ รถกระบะ สีบรอนซ์เทา ทราบว่าพบเจอที่เต็นท์รถแห่งหนึ่ง ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมือง จ.เชียงใหม่ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถมาไว้ที่ สภ.เมืองลำพูน เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


นายเจมส์ (นามสมมติ) เจ้าของเต็นท์รถที่รับซื้อรถคันก่อเหตุ ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ส่วนตัวเพิ่งจะมารู้เรื่องวันนี้ ว่าผู้จัดการเต็นท์ขายรถกระบะให้กับกลุ่มคนก่อเหตุ ซึ่งหลังจากตำรวจจับกุมตัวคนร้ายได้ ตั้งแต่ช่วงสายของวันนี้ ตำรวจได้เชิญตัวผู้จัดการเต็นท์ไปสอบปากคำแล้ว ส่วนข้อมูลการซื้อขายกันวันไหน ตนเองไม่รู้เรื่องและไม่แน่ใจว่าหลังเกิดเหตุ เจ้าของรถที่ซื้อไปนำรถคันดังกล่าวมาขายหรือมาฝากเอาไว้กับผู้จัดการเต็นท์รถ




ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวไม่ได้เครียดหรือตกใจอะไร เพราะเท่าที่ถามกับผู้จัดการ รถคันดังกล่าวขายให้กับคนที่ซื้อไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และเท่าที่รู้ผู้จัดการให้ข้อมูลเบื้องต้นมาว่า คนที่ซื้อรถไป ไม่ใช่กลุ่มคนก่อเหตุที่ตำรวจตามจับกุม และรถคันดังกล่าวเป็นรถที่ขายไปเมื่อประมาณ 3 เดือนที่แล้ว ซึ่งคนที่ซื้อไปไม่ใช่คนไทย แต่เจ้าของรถเดิมเป็นคนไทย ที่ยังไม่ได้มีการโอนชื่อรถ ส่วนวันที่มีการนำรถมาฝากหรือมาขาย ตนเองยืนยันว่า กลุ่มคนก่อเหตุไม่ได้ขับรถเข้ามาขายที่เต็นท์ แต่นัดกับผู้จัดการเต็นท์ไปเจอ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้ว่าเขาฝากรถหรือทำเอกสารขายรถกันที่ไหน ยืนยันทางเต็นท์รถไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มฆ่าทิ้งศพอย่างแน่นอน




ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นทีไปยัง หอพักทางเข้าวัดชัยสถาน ม.10 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จ.ลำพูน ซึ่งอยู่ห่างจากห้องเช่าหลังเกิดเหตุประมาณแค่ 300 เมตร พบนายคำ อายุ 46 ปี พี่ชายของนายอุ่น ลุงอ่อง เปิดเผยกับทางทีมข่าวว่า ปกติน้องชายจะมาเที่ยวดื่มเหล้ากับตนบริเวณหอพักแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นตนไม่ทราบรายละเอียดอะไรเลย เพื่อนที่ร่วมก่อเหตุด้วยกันตนก็ไม่รู้จักใครเลย เป็นเพื่อนกลุ่มใหม่ ๆ ผู้ต้องหาที่เป็นข่าวตนยอมรับ ว่าเป็นน้องชายของตัวเองแต่จะทำอะไรได้ น้องชายทำไปแล้ว ตอนนี้ได้แต่ยอมรับชะตากรรม ปกติน้องไม่ได้มาระบายอะไรให้ฟัง เรื่องเกี่ยวกับผู้เสียชีวิตเลยทราบเพียงว่าเขาน่าจะรู้จักกันยังไม่นาน ปกติน้องเป็นคนใจร้อนอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยทำร้ายใครหนักถึงขนาดนี้


โดยจากการสืบสวนเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เป็นข้อมูลว่า ทราบว่าช่วงเย็นวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา นายจ๋อมวัน (ผู้ตาย) กับนายอุ่น ลุงอ่อง (ผู้ต้องหา) และลูกน้องอีก 2-3 คน นั่งดื่มสุรากันที่บ้านเช่า ต่อมาประมาณ 2 ทุ่ม ทั้งคู่เกิดการทะเลาะวิวาทกันเรื่องที่นายจ๋อมวัน ได้ไปพูดแซวเรื่องกิ๊กของนายอุ่น ลุงอ่อง คนในวงเหล้าก็มาแยกทั้งคู่ได้ทัน แต่ปรากฏว่าช่วงเย็นวันต่อมาคือวันที่ 11 เม.ย. นายจ๋อมวัน ขี่รถ จยย. มาพร้อมกับเพื่อน 2 คันมาจอดที่หน้าหอพักของนายอุ่น ลุงอ่อง เจ้าของหอพักเห็นจึงตะโกนห้ามและบอกให้เลิกแล้วต่อกัน อย่ามีเรื่องกันก่อนที่นายจ๋อมวันและเพื่อนจะขี่รถ จยย. ออกไปโดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งตอนนั้นนายอุ่น ลุงอ่อง และแฟนก็ออกมาดูเหตุการณ์อยู่ที่หน้าห้องพักเช่นเดียวกัน




ต่อมากลุ่มนายอุ่น ลุงอ่อง ก็ได้นำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ทราบเรื่อง แต่เนื่องจากนายอุ่น ลุงอ่อง เกรงว่านายจ๋อมวันอาจจะมาแก้แค้น จึงชิงขับรถกระบะไปหานายจ๋อมวันที่ห้องพักที่เกิดเหตุ ในพื้นที่หมู่ที่ 10 ต.อุโมงค์ อ.เมือง จังหวัดลำพูน พร้อมกับลูกน้องเป็นชายอายุ 20-25 ปี ที่พูดสำเนียงจีนฮ่อหรือลัวะ โดยลูกน้องทั้งสามคนที่ลงไปด้วยกันถือค้อนปอนด์ก่อสร้างลงไปด้วย


แต่เมื่อไปถึงปรากฏว่านายจ๋อมวันต่อสู้ ลูกน้องสองคนจึงใช้ฆ้อนทุบนายจ๋อมวันจนเจ็บสาหัส ก่อนที่จะลากร่างนายจ๋อมวันตามในภาพกล้องวงจรปิด ซึ่งตอนนั้นนายจ๋อมวันยังมีชีวิตอยู่ ลากขึ้นกระบะหลบหนีไป และระหว่างที่หลบหนีลูกน้อง 3 คน ที่อยู่ด้านหลังกระบะก็ได้ใช้เชือกมัดมือมัดเท้านายจ๋อมวันก่อน ต่อมาคาดว่าน่าจะมีการลงมือทำร้ายนายจ๋อมวัน เหมือนคล้ายกับเค้นถามเรื่องอะไรบางอย่างก่อนที่จะนำศพไปทิ้งที่อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ และมีคนพบศพดังกล่าว


ขณะเดียวกัน วงจรปิดภาพนิ่งในวันที่มีการนำรถไปขาย พบว่าที่ด้านหลังรถของกลุ่มผู้ก่อเหตุ ยังมีเชือกแดงผูกไว้ที่หลังรถ ซึ่งภาพวงจรปิดดังกล่าว ยังมีสติ๊กเกอร์รูปแอปเปิ้ลติดไว้ตำแหน่งเดียวกันกับวงจรปิดที่ทีมข่าวได้มาเมื่อวานนี้ (24 เม.ย.)

 

จับแก๊งทมิฬรุมฆ่า "จ๋อมวัน" ทิ้งศพข้ามจังหวัด แค้นแซวแซ่บสาวใช้ค้อนทุบหัว