จากกรณีชาวบ้านพบศพหญิงสาวเสียชีวิตในไร่มันสำปะหลังของชาวบ้านพื้นที่บ้านน้ำสามวัง ตำบลหัวนาคำ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น สภาพศพถูกรัดคอด้วยสายกระเป๋า ในลักษณะนำไม้มาขันชะเนาะไว้ แล้วถูกห่อด้วยกระสอบปุ๋ย ก่อนม้วนด้วยเสื่ออีกหนึ่งชั้น เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มีนาคม โดยผ่านมากว่า 1 เดือน ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีได้

 

ทีมข่าวได้หลักฐานภาพจากกล้องวงจรปิด เมื่อวันที่ 11 มีนาคม เวลา 10.27 น. เป็นภาพนางสาวศศิธร หรือ หนุ่ย คนตาย สวมเสื้อยืดสีส้มอิฐ กางเกงยีนขายาว รองเท้าแตะแบบคีบ ใส่หมวกกันน็อกสีขาว ขี่รถมอเตอร์ไซค์ ยามาฮ่าสปาร์ค มาคนเดียวลำพัง โดยได้ขี่รถผ่านบ้านคำครึ่ง ตำบลหัวนาคำ ก่อนถึงทางไร่มันสำปะหลังจุดที่พบศพประมาณ 1 - 2 กิโลเมตร ซึ่งภาพที่ปรากฏ เป็นภาพสุดท้ายของคนตาย ก่อนจะหายตัวไปแล้วพบศพเมื่อวันที่ 19 มีนาคม โดยเสื้อผ้าที่คนตายสวมใส่ตามที่ปรากฏในภาพวงจรปิดวันที่ 11 มีนาคม นั้น เป็นชุดเดียวกันกับที่พบศพ

 

ทีมข่าวได้มีโอกาสคุยกับนายสุวัฒน์ ซึ่งเป็นคนพบศพ เจ้าตัวได้พาทีมข่าวไปดูไร่มันสำปะหลัง โดยเล่าให้ฟังว่าตอนแรกตนก็ไม่กล้าไปดูเพราะกลัว แต่ญาติเป็นคนมาบอก โดยเหตุการณ์ทั้งหมด ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเอาศพมาไว้ที่นี่ ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีเรื่องผิดปกติแบบนี้เกิดขึ้น เพียงแต่ว่าช่วงที่ไปเจอศพผู้ตายมันมีความผิดปกติ เมื่อปีที่แล้วมีชายแปลกหน้า 2 คน ขับกระบะมิตซูบิชิ สีบรอนซ์เงินเข้ามาในไร่มันสำปะหลัง เป็นชายอายุประมาณ 50 ปี คนหนึ่งผมสั้น คนหนึ่งศีรษะล้าน แต่ไม่รู้สองคนนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ แต่จุดที่จอดรถอยู่ห่างจากจุดเจอศพประมาณ 100 เมตร

 

ต่อมาเราได้เข้าตรวจสอบขนำหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นขนำไม้ชั้นเดียว ตั้งอยู่กลางสวนยางพารา เยื้องกับจุดเกิดเหตุ ห่างกันประมาณ 300 เมตร หลังเราได้ข้อมูลมาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องสงสัยว่าผู้ตายอาจจะถูกฆ่ามาจากขนำใกล้กับจุดพบศพ

 

โดยจากการตรวจสอบพบว่าขนำมีสภาพว่างเปล่า ไม่มีอุปกรณ์หรือข้าวของเครื่องใช้อย่างอื่น นอกจากกระติกน้ำเก่าๆ ถูกวางทิ้งไว้บนขนำ ส่วนบริเวณโดยรอบขนำ พบเพียงถุงมือสีฟ้าของเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ถูกทิ้งเกลื่อนบริเวณโดยรอบ

 

ขณะเดียวกันเราได้ตรวจสอบกองไฟที่อยู่บริเวณโดยรอบขนำ เพื่อตรวจสอบหาลักษณะท่อนไม้ที่คล้ายกับท่อนไม้ที่คนร้ายใช้ขันชะเนาะคอตาย ซึ่งพบว่าไม่มีลักษณะไม้ที่คล้ายกัน แต่จากการค้นกองไฟ ทีมข่าวได้เจอเข้ากับเศษผ้าห่มและพาวเวอร์แบงค์ถูกเผาอยู่ในกองไฟ ซึ่งไม่สามารถยืนยันว่าถูกเผาไปเมื่อไหร่

 

ส่วนบริเวณห้องน้ำ พบว่ามีเศษใบไม้หล่นเต็มพื้นห้องน้ำ และเรายังพบอุปกรณ์การเสพยาบ้าบางส่วนถูกทิ้งในห้องน้ำ ซึ่งจากการตรวจสอบเบื้องต้นลักษณะคล้ายกับไม่มีคนอยู่มาสักพักแล้ว

 

ต่อมาเราได้สอบถามนายพงษ์ (นามสมมติ) ชาวบ้านที่มาหาแหย่ไข่มดแดง ทราบว่า สวนยางพาราดังกล่าวเป็นของชาวบ้านนาโป่ง ห่างไปประมาณ 3 กิโลเมตร แต่เจ้าของไม่ได้มาเฝ้าสวนเอง แต่ได้จ้างให้ชาวบ้านมาเฝ้าสวนยางซึ่งตนเองก็ไม่ทราบว่าคนมาเฝ้าสวนยางเป็นใคร เพราะตนเองก็ไม่เคยเห็น

 

ส่วนที่ขนำหลังนี้ไม่มีคนอยู่ เนื่องจากว่าช่วงนี้เป็นช่วงปิดหน้ายาง จึงทำให้ไม่มีคนเฝ้าสวนยางพารา

 

นายพงษ์ บอกว่า ตนเองไม่รู้เลยว่ามีการฆ่ากันตายและนำศพมาทิ้งที่ไร่มันสำปะหลังของชาวบ้านห่างจากกระท่อมปลายนาของตนเองประมาณ 500 เมตร จนกระทั่งเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาที่จุดพบศพจึงได้ทราบว่ามีการฆ่ากันตายและนำศพมาทิ้งที่บริเวณนี้

 

ส่วนในช่วงเกิดเหตุตนเองได้ออกมาดูเตาเผาถ่านที่กระท่อมนาตามปกติในช่วงกลางดึก เห็นเพียงไฟส่องกบของชาวบ้านที่ออกมาหาส่องกบใกล้ๆกับจุดพบศพ แต่เท่าที่ตนสังเกตก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เป็นชาวบ้านออกมาหาส่องกบส่องเขียดเท่านั้น

 

ขณะที่ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายคุณากร ขันชะนะ หัวหน้าอาสาสมัครกู้ภัยกระนวนสมาคมศาลเจ้าปู่-เจ้าย่า หนองโก เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม เวลาประมาณ 18 นาฬิกา 30 นาที ได้รับแจ้งจากตำรวจสภ.กระนวน จังหวัดขอนแก่น กรณีพบศพถูกฆาตกรรมภายในป่ามัน พื้นที่บ้านน้ำสามวัง ตำบลหัวนาคำ อำเภอกระนวน จังหวัดขอนแก่น จึงเดินทางไปร่วมตรวจสอบพร้อมกับตำรวจและแพทย์เวร เมื่อไปถึงก็พบจุดเกิดเหตุ เป็นไร่มันสำปะหลังพื้นที่ค่อนข้างกว้าง แต่จะเเบ่งเป็น 2 ฝั่ง ตรงกลางเป็นทางเข้าไร่ ซึ่งจุดที่พบศพอยู่ทางด้านขวา ส่วนด้านซ้าย พบมีการโยนหมวกกันน็อกครึ่งใบ สีขาว ของคนตายทิ้งไว้

 

นายคุณากร บอกว่า ตอนไปถึง ตัวเองพบศพถูกห่อด้วยพันด้วยเสื้อ มีขาโผล่ออกมา แต่ก็มีบาดแผลเป็นรอยสัตว์กัดแทะ ขณะเดียวกันพบว่าชิ้นส่วนที่เป็นฝ่าเท้าด้านซ้ายยังหาไม่พบ จากนั้นเมื่อแพทย์เวรและเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาร่วมกันตรวจสอบ ก็พบว่า เมื่อเปิดเสื่อออกมาแล้ว พบว่า ยังมีกระสอบห่อพันในช่วงลำตัวไว้อีก เมื่อเปิดกระสอบออกมา ก็พบที่ลำคอมีการถูกรัดด้วยสายกระเป๋า ด้วยวิธีการนำไม้ลักษณะคล้ายกับไม้ไผ่มาเสียบแล้วหมุนหลายๆรอบ หรือ ขันชะเนาะ จนแน่น โดยคาดว่าหมุนไม่ต่ำกว่า 10 รอบ ส่วนบาดแผลบริเวณอื่น ค่อนข้างสังเกตได้ยาก เนื่องจากศพเริ่มอืด ซึ่งแพทย์สันนิษฐานว่าเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 1 - 2 สัปดาห์ ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบในกระเป๋าของคนตาย พบ มีเงินจำนวน 400 บาท กับบิลค่าปุ๋ย 1 ใบ

 

ทั้งนี้ นายคุณากร ตั้งข้อสังเกตถึงท่อนไม้ที่คนร้ายนำมาใช้ในการขันชะเนาะ มีลักษณะเหมือนมีรอยเผาไหม้ คล้ายกับไม้ฟืน ซึ่งไม่ใช่กิ่งไม้ในไร่มันแน่นอน จึงคาดว่า คนตายถูกฆ่าจากที่อื่น แล้วนำมาทิ้งอำพรางตรงจุดนี้ เพราะวันที่พบศพ ตัวเองไปถึงยังพบหญ้าแบนราบก่อนถึงจุดที่พบศพประมาณ 20 เมตร ลักษณะคล้ายคนร้ายขับรถเข้ามาจอด ก่อนลากศพลงจากรถแล้วกลิ้งไปซุกไว้ตรงกอหญ้าบริเวณดังกล่าว สวนร่องรอยอย่างอื่นโดยเฉพาะรอยรถและรอยเท้าไม่พบในที่เกิดเหตุโดยก่อนที่จะมาพบศพ ในพื้นที่มีฝนตกลงมาจึงทำให้ร่องรอยถูกเลือนหายไปจนหมด

ล่าฆาตกรโหด! ลวงสาวฆ่ารัดคอศพยัดกระสอบหมกไร่มัน