จากกรณีเพจ Red Skull @RedSkullxxx ลงภาพตาชาญ หรือ ร.ต.ชาญ จันทร์วัชรกาล อดีตข้าราชการแพทย์ทหารเกษียณอายุ ซึ่งก่อนหน้าเคยเป็นข่าวดังที่ภรรยาเสียชีวิตด้วยโรคประจำตัวแต่ตัวของตาชาญ ยังคงเก็บศพภรรยาเอาไว้ภายในบ้านกว่า 21 ปี ก่อนจะติดต่อให้กู้ภัยเคลื่อนย้ายร่างไปประกอบพิธีทางศาสนา เนื่องจากตัวเองมีอายุมากขึ้นและมีอาการเจ็บป่วยกลัวว่าจะ ดำเนินการกับศพต่อไม่ไหว และล่าสุดได้มีการลงข้อความอัพเดตระบุว่า “สวัสดีค่ะ จากเคสข่าวคุณลุงที่นอนเฝ้าศพภรรยามานานกว่า 20 ปี และมีกระแสข่าวต่อเนื่องอยู่หลายวัน เมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว และเคยทราบว่าลุงมีลูกเป็นหมอแต่ไม่ได้มาดูแลพ่อ ปัจจุบันนี้คุณลุงไม่ได้รับการดูแลอย่างต่อเนื่อง และเริ่มมีอาการหลงลืม ข้อมูลนี้จากเพื่อนบ้าน” นั้น






วันนี้ (15 เม.ย. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังบ้านของตาชาญ หรือ ร.ต.ชาญ โดยพบว่า ตาชาญ ยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิม หลังจากที่ 2 ปีก่อน มีหน่วยงานพื้นที่ รวมถึงอาสากู้ภัยและเพื่อนบ้านได้เข้ามาช่วยเหลือในการซ่อมบ้านรวมถึงที่อยู่อาศัย ให้กับตาชาญในสมัยนั้น (พ.ค. ปี 2565)


จนกระทั่งปัจจุบันสภาพบ้านก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติ มีลักษณะทรุดโทรมไปบ้าง ส่วนภายในบ้าน แม้ว่าจะไม่มีต้นไม้รกทึบเหมือนสมัยก่อน แต่ยังคงแบ่งสัดส่วนพื้นที่ภายในรั้วบ้านเอาไว้เหมือนเดิม ซึ่งบ้านพักของตาอยู่ติดกับประตูทางเข้าใกล้กับกรงสุนัข ประมาณ 6-7 ตัว โดยลุงได้มีการสร้างกรงเอาไว้สำหรับเลี้ยงหมาจรจัดและหมาที่ถูกทอดทิ้ง รวมถึงหมาบางตัวที่กำลังจะถูกแคมป์คนงานนำไปฆ่ากิน ลุงก็นำมาเลี้ยงเอาไว้ แต่หลังจากที่ลุงไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้และไม่สามารถให้ข้าวให้น้ำสุนัขต่อได้ จึงได้มีเพื่อนบ้านซึ่งเป็นคนเข้ามาคอยดูแล และเลี้ยงสุนัขแทน ซึ่งจะเป็นคนเอาอาหารมาให้สุนัขรวมทั้ง นำข้าวในแต่ละมื้อตาชาญ ซึ่งตายังคงทานเองได้โดยไม่ต้องป้อน




ส่วนโกดัง เก็บของด้านในสุดของบ้าน เดิมทีเคยเป็นสุสานซึ่งเก็บโลงศพของภรรยา ก่อนที่จะมีการเคลื่อนย้ายนำไปประกอบพิธีทางศาสนาเมื่อประมาณ 2 ปีก่อน ล่าสุด โกดังดังกล่าวก็ยังอยู่ในสภาพเดิม แต่ยังคงมีเถาวัลย์และต้นไม้ปกคลุมและภายในห้องเก็บของดังกล่าว ได้มีการนำโกศอัฐิของภรรยาย นำไปไว้ที่ห้องเก็บของดังกล่าวแทน ซึ่งมีทั้งโถใส่กระดูกและผ้าขาว ที่มีการห่อขี้เถ้าและกระดูกอีกบางส่วนของภรรยา


สำหรับสภาพปัจจุบันของตาชาญที่มีอายุมากขึ้น จึงทำให้ต้องอยู่อาศัยภายในบ้านอย่างยากลำบาก และจากเดิมที่เห็นลักษณะของตาชาญเดินเหินและใช้ชีวิตได้ปกติ ช่วงก่อนที่จะมีการเผาร่างของภรรยา ล่าสุดเจ้าตัวมีลักษณะคล้ายติดเตียง นอนและพยุงตัวเองลุกขึ้นมานั่งได้แต่โซนในบ้านและประตูหน้าบ้าน ไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือเดินเหินได้เหมือนเดิม แล้วจากสภาพที่ทีมข่าวเห็น ภายในบ้านมีลักษณะค่อนข้างรก และเปื้อนไปด้วยฉี่และอึ โดยตาชาญจะใส่เพียงแค่เสื้อแต่ไม่ใส่กางเกง เนื่องจากไม่สามารถเดินเหินไปไหนได้ จึงต้องอึและขับถ่ายภายในบ้านของตัวเอง แต่จะมีเพื่อนบ้านรวมถึงมูลนิธิอาสากู้ภัยเพชรเกษมที่คอยหมุนเปลี่ยนกันมาคอยดูแล เรื่องอาหารการกินและการขับถ่าย




ทีมข่าวได้มีโอกาสคุยกับตาชาญ เผยสั้น ๆ เพราะเนื่องจากเจ้าตัวไม่สามารถพูดจาสื่อสารคล่องได้เหมือนสมัยก่อน ด้วยอายุที่มากขึ้น รวมถึงอาการจากโรคอัลไซเมอร์ที่ส่งผลกระทบต่อเรื่องความทรงจำ โดยเจ้าตัวมักจะพูดประโยคเดิม และมีการยกนิ้วโป้ง “เยี่ยม” ซึ่งจะเป็นพฤติกรรมเดิมที่ทำวนช้ำ ด้วยคำพูดที่พอพูดสื่อสารได้คือ “สบายดี ชอบกินข้าวมันไก่ ชอบกินน้ำอัดลม”


นอกจากนี้ ทีมข่าวยังสังเกตว่าภายในบ้าน โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้า อาทิ พัดลม ทีวี หรือระบบไฟสองสว่าง ซึ่งก่อนหน้านี้ที่มีการติดตั้งเอาไว้ให้ตาชาญ สามารถใช้งานได้ตามปกติ แต่ปัจจุบันเสียไม่สามารถใช้งานได้ จึงต้องนำมาวางไว้ใกล้กับกรงสุนักด้านหน้าบ้าน แต่ก็ได้มีเพื่อนบ้านรวมถึงกลุ่มอาสากู้ภัยเข้ามาติดตั้งไฟฟ้าระบบโซลาร์เซลล์ให้แทน เนื่องจากกลางคืนค่อนข้างมืดจึงต้องอาศัยแสงสว่าง แต่มีระบบโซลาร์เซลล์ที่ให้แสงสว่างเอาไว้ได้


ด้าน ดาบตำรวจรณยุทธ หรือดาบยุทธ อายุ 51 ปี ตำรวจสืบสวนสังกัด สน.ทุ่งสองห้อง กรุงเทพฯ ในฐานะคนที่คอยดูแลตาชาญมานานกว่า 10 ปี และเป็นคนที่คอยช่วยเหลือในช่วงหลังที่ตาชาญช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ รวมทั้งคอยเข้ามาดูแลสุนัขที่เลี้ยงเอาไว้ภายในบ้าน ช่วงที่ตาต้องติดเตียงและป่วยอัลไซเมอร์


ดาบตำรวจรณยุทธ เผยว่า ตนเองคอยดูแลตาโดยไม่มีเงื่อนไขและไม่มีข้อแม้ พอรู้จักกันมานานตั้งแต่สมัยที่มีการเก็บร่างของภรรยาเอาไว้ในบ้าน จนกระทั่งทุกคนสามารถที่จะนำร่างของภรรยาตาไปประกอบพิธีทางศาสนาได้ และหลังจากนั้นตาก็กลับมาสามารถใช้ชีวิตเดินเหินได้ตามปกติ และยังคงไปเก็บเอาสุนัขที่กำลังลำบากมาชุบเลี้ยงเอาไว้ แต่ช่วงหลังหลังจากที่เจ้าตัวล้มลง มีลักษณะป่วย ประกอบภาวะเรื่องของอัลไซเมอร์เข้ามา จึงทำให้เจ้าตัวช่วยเหลือตนเองไม่ได้โดยเฉพาะเรื่องของการขับถ่ายและปัสสาวะ โดยมีตนเองที่คอยเข้ามาเช็ดและทำความสะอาดให้ ส่วนเรื่องของการอาบน้ำหรือสุขลักษณะก็จะประสานให้อาสากู้ภัยเพชรเกษมเข้ามาช่วยในการอุ้มไปอาบน้ำ ตัดผม ซึ่งทุกคนก็คอยดูแลกันเหมือนเป็นพี่น้อง แม้จะไม่เป็นญาติก็ตาม




และจนถึงตอนนี้ ตนเองก็ไม่ทราบตัวของลูกซึ่งเป็นแพทย์ รู้หรือยังว่าพ่อกำลังป่วยเป็นอัลไซเมอร์ และกำลังช่วยเหลือตนเองไม่ได้ เพราะครั้งล่าสุดเคยเจอกับลูกของตาก็ช่วงปีก่อน ช่วงเดือนประมาณกันยายน แต่หลังจากนั้นก็ไม่ได้พบเจอกันอีก จึงไม่รู้ว่าปัจจุบันรู้หรือไม่ว่าพ่อกำลังป่วยและช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่หากได้ดูข่าวก็อยากจะให้เข้ามาช่วยเหลือหรือรับพ่อไปดูแลบ้าง แต่ถ้าหากเขาไม่ติดต่อกลับมา ตนเองก็ยังทำหน้าที่คอยดูแลตาไปจนกว่าจะช่วงสุดท้ายของชีวิต เพราะตนเองได้รับคำสั่งเสียเอาไว้ “ห้ามให้กูไปอยู่ที่ไหน ขออยู่และตายที่นี่ และหลังจากที่ตายไป เผาแล้วเอากระดูกมาเก็บไว้กับเมียที่โกดังด้านหลัง” โดยตนเองก็จะทำหน้าที่จนวินาทีสุดท้าย จนกว่าญาติหรือลูกของตาจะเข้ามารับช่วงต่อ


และสำหรับเรื่องของอาหารการกิน แม้ปัจจุบันตนเองจะรับราชการตำรวจ ซึ่งจะมีเวลาแค่ช่วงเช้าก่อนไปทำงานและตอนเย็น แต่ก็พยายามที่จะหมุนเวียนแวะเอาข้าวมาส่งตอนเช้าและตอนเย็น รวมถึงคอยดูแลสุนัขที่ตาเลี้ยงเอาไว้ แต่ส่วนช่วงวันใดที่ตนเองติดเวร ก็จะฝากประสานเพื่อนบ้านคนอื่นที่อยู่ในละแวกแถวนี้เข้ามาคอยดูแลตา เพราะกลัวว่าตาจะหิวและไม่มีข้าวกิน รวมทั้งสุนัขก็จะหิวโหย


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของทีมข่าว ทราบว่า มีดราม่าเกี่ยวกับที่ดินของตาชาญ จากเดิมมีโฉนดที่ดินและชื่อเป็นของตาเอง แต่ปัจจุบันโฉนดที่ดินยังหาไม่เจอ ซึ่งไม่แน่ใจว่าปัจจุบันมีการโอนหรือเปลี่ยนให้กับญาติหรือลูกไปแล้วหรือไม่


ภายหลังทีมข่าวได้เข้ามาติดตามทำข่าว หลังจากที่มีการโพสต์เรื่องราวของตาชาญลงไปในโซเชียล ปรากฏว่าเริ่มมีหน่วยงาน อย่าง กลุ่มสายไหมต้องรอด รวมถึงอาสากู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม ได้เข้ามาดูแลตาในช่วงบ่าย




โดยมีการซื้อข้าวมันไก่ซึ่งเป็นเมนูอาหารที่ตาชอบ เอามาให้ตาได้ทาน พร้อมกับน้ำอัดลม ก่อนที่จะมีการตัดผม โกนหนวด ตัดเล็บให้กับตา และได้มีการนำตาไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่จะมีการประสานไปศูนย์พัฒนาพัฒนาฟื้นฟูผู้สูงอายุ คลอง 5 จังหวัดปทุมธานี เพื่อที่จะส่งต่อให้มีการตรวจรักษาสำหรับอาการป่วย รวมถึงให้เป็นที่พักชั่วคราวในระหว่างนี้ ที่ยังติดต่อลูกรวมถึงคนในครอบครัวไม่ได้ เพราะเนื่องจากตาอยู่ในสภาพที่สุขอนามัยไม่พร้อม โดยทางสายไหมต้องรอดพร้อมทั้งอาสากู้ภัยช่วยกันอาบน้ำปะแป้ง และเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับตา ก่อนที่จะพาตาขึ้นรถนำส่ง


วันเดียวกันนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ ปุ้ย (นามสมมติ) ลูกชายของตาชาญ (สาวสอง) ซึ่งปัจจุบันประกอบอาชีพเป็นสัตวแพทย์ ในฐานะผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกที่ทอดทิ้งพ่อ โดยเจ้าตัวได้มีการงัดหลักฐานเปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ตามที่ถูกอ้างว่าไม่มีการดูแลพ่อ โดยเจ้าตัวเปิดสลิปการโอนเงินให้กับ เนอสเซอรี่ดูแลผู้สูงอายุ โดยมีการโอนเงินเมื่อเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2566 เวลา 13.37 น. จำนวนเงิน 16,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับฝากเลี้ยงดูพ่อ และยังได้มีการส่งภาพในสมัยนั้นที่มีการนำตาชาญไปฝากที่เนอสเซอรี่ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งก็มีภาพปรากฏว่าอยู่ในสถานที่จริง แต่หลังจากนั้นพ่อด้วยความที่เป็นห่วงบ้านและคิดถึงกระดูกแม่ จึงอยู่ได้ไม่พ้นวันและขอกลับมาบ้าน ลูกจึงต้องพาพ่อกลับมาเพราะเนื่องจากมีการโวยวายและต่อว่าลูกไม่พอใจ ก็เลยต้องพากลับมาไว้ที่บ้านหลังเดิม




นอกจากนี้ ลูกชายของตาชาญ ยังได้มีการนำโฉนดที่ดินจำนวน 198 ตารางวา ซึ่งเป็นเนื้อที่ที่ตาชาญ อาศัยอยู่มาเปิดเผยกับทีมข่าว และดูสลักหลังโดยเฉพาะผู้ครอบครองและมีชื่ออยู่ในโฉนดที่ดิน ยังเป็นชื่อของ ร.ต.ชาญ ซึ่งยังไม่ได้มีการโอนให้กับลูกชายหรือคนในครอบครัว ฉะนั้นจึงยืนยันว่าไม่มีลูกหรือญาติคนใดมาฮุบที่ดิน เพราะยังคงเป็นที่ดินและชื่อของตาชาญ


โดย ปุ้ย เผยว่า ตนเองอยากจะบอกกับสังคมและรวมถึงเพื่อนบ้านที่ตั้งคำถาม รวมถึงสร้างข่าวว่าตนเองไม่ดูแลพ่อ ว่า ที่ผ่านมาตนเองคอยดูแลพ่อ เวลาเจ็บป่วยก็พาไปโรงพยาบาล และก่อนหน้านี้ช่วงเดือนกันยายน 2566 ก็เคยพาพ่อไปฝากที่เนอสเซอรี่เพื่อให้มีคนดูแล เนื่องจากตนเองต้องทำงานหนักประกอบกับเรื่องของธุรกิจ ที่อาจไม่ค่อยดีจึงต้องหางานและหาเงินเพิ่มขึ้น แต่ก็พยายามหาเงิน เพื่อที่จะพาพ่อไปอยู่เนอสเซอรี่ แต่ก็ไม่คิดว่าการที่ตนเองดูแลพ่อดีอยู่แล้ว จะถูกสังคมตั้งคำถามว่า “ทำไมถึงทอดทิ้งและไม่ดูแลพ่อ”




ดังนั้นส่วนตัวจึงอยากให้สังคมมองถึงบริบท ว่า ที่ผ่านมาครอบครัวก็ดูแลกันอยู่แล้ว แต่เพียงแค่เพื่อนบ้านคอยเข้ามาซัพพอร์ตและช่วยกันดูแลมากขึ้น ตนเองจึงเบาใจลง และคอยแวะเวียนเข้ามาดูแลพ่อบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะถูกมองว่าเป็นลูกทอดทิ้งพ่อแบบนี้


และสำหรับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ดินหรือเงินในบัญชีทุกอย่างยังอยู่ครบ เพราะเงินในบัญชียังเป็นชื่อของพ่อแต่บัญชีตนเองเก็บเอาไว้ ส่วนที่ดินก็ยังเป็นชื่อพ่อไม่มีการโอนให้กับใคร ตนเองจึงทำหน้าที่ได้แต่เป็นเพียง “ผู้อนุบาล” ซึ่งยังไม่มีสถานะหรือไปตั้งตัวเองว่าเป็นผู้จัดการมรดก หรือ มีการไปบังคับหรือให้พ่อโอนที่ให้ตามที่ฝั่งของเพื่อนบ้านให้ข้อมูล และส่วนตัวก็ไม่ทราบว่าที่ผ่านมา ตนเองคอยดูแลพ่อและซัพพอร์ตในส่วนที่พอจะช่วยเหลือได้ตามกำลังที่มี แต่ทำไมเพื่อนบ้านถึงปล่อยกระแสออกไปทำนองนี้ว่าลูกทอดทิ้งพ่อ




ส่วน แนวทางหลังจากนี้ ตัวเองเข้าใจว่ามีหน่วยงานอย่างเพจสายไหม รวมถึงอาสากู้ภัย เข้ามาช่วยเหลือ ตนเองก็ฝากขอบคุณ เพราะก่อนหน้านี้ตัวเองพยายามจะหาสถานที่รวมถึงคนดูแลพ่อ แต่ถูกพ่อปฏิเสธ ดังนั้นการที่มีหน่วยงานเข้ามาช่วยและยอมที่จะออกไปรับการรักษา และอยู่ในสถานที่ที่มีคนดูแล ตนเองก็ฝากขอบคุณอีกครั้ง


หลังจากนี้ ตนเองก็จะไปเยี่ยมพ่อพร้อมกับพูดคุยกับพ่อเท่าที่พอจะสื่อสารกันรู้เรื่อง ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ แต่หากพ่ออนุญาตโดยเบื้องต้น ตนเองจะมีการปล่อยเช่าพื้นที่ของพ่อ อย่างน้อยก็เป็นการสร้างรายได้หรือมีเงินเพิ่มเพื่อที่จะดูแลพ่อ รวมถึงรักษาพ่อเวลาเจ็บป่วย โดยจะมีการแบ่งเช่าจำนวน 160 ตารางวา และอีก 38 ตารางวา จะยังคงแบ่งเป็นพื้นที่สำหรับเก็บกระดูกของแม่ แต่หากพ่อยืนยันว่าจะกลับมาอยู่ที่บ้าน ก็คงจะจะต้องพูดคุยกันใหม่ว่าจะดำเนินการอย่างไร แต่ก็ต้องมีการหารายได้เพิ่มเติมโดยการแบ่งที่เช่า เพื่อหารายได้ในการหมุนเวียนในการดูแลรักษาพ่อ

 

"ตาชาญ" ตำนานรักนอนเฝ้าศพเมีย 20 ปี นอนจมกองอึ - ฉี่ ลูก โต้ ทิ้งพ่อขอสังคมเห็นใจ