กรณีเมื่อเวลา 14.00 น. ของวันนี้ 2 เม.ย. 2567 มีรายงานว่า ตำรวจ สน.คันนายาว รับแจ้งเหตุมีชายถือปืนคลั่ง พยามยิงลูกศิษย์วัดหนองใหญ่ เขตสายไหม กรุงเทพฯ โดยเบื้องต้นเป็นการยิงเปิดทางออกจากวัด เพื่อหลบหนี หลังมีการก่อเหตุภายในวัด เบื้องต้นตำรวจทราบชื่อคือ นายชัยรัตน์ หรือ "เสี่ยเอิร์ธ ออเงิน" ซึ่งหลังก่อเหตุได้มีการขึ้นรถมาสด้าสีดำหนีออกไป และจากเหตุการณ์ครั้งนี้มีรถส่งดอกไม้และรวมถึงชาวบ้านได้รับความเสียหายจากเหตุรถพุ่งชน นั้น




วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ บริเวณปากซอยทางเข้าวัดหนองใหญ่ เขตสายไหม โดยพบว่ามีร่องรอยของความเสียหาย โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์ล้ม และมีศาลพระภูมิของร้านค้าแห่งหนึ่ง ได้รับความเสียหาย ถูกรถส่งดอกไม้กระบะทึบถอยชน


จากนั้น มีภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม วันที่ 2 เม.ย. เวลา 14.00 น. จับภาพวินาทีที่เห็นรถกระบะตู้ทึบ ซึ่งกำลังจะไปส่งดอกไม้ในวัดหนองใหญ่ มีการถอยด้วยความเร็ว เพราะมีรถมาสด้าที่เสี่ยเอิร์ธ เพื่อนของมือปืนเป็นคนขับ มีการขับจี้โดยจะเห็นภาพรถกระบะตู้ทึบถอยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะเห็นเสี่ยเอิร์ธเดินชิลถือปืนอยู่ในมือ หลังจากที่ก่อเหตุยิงไปแล้ว




ต่อมา ยังมีกล้องวงจรปิด บริเวณบริเวณปากซอย ซึ่งจากภาพรถมาสด้าสีดำ ที่มีเพื่อนของเสี่ยเอิร์ธเป็นคนขับออกมาจากวัดหลังก่อเหตุยิง ขับออกจากซอยและมาจอดรอ ก่อนที่จะเห็นเสี่ยเอิร์ธเดินชิลพร้อมกับถือปืนในมือ และเดินมาขึ้นรถก่อนหลบหนี โดยเป็นภาพกล้องวงจรปิดที่จะจับภาพได้บริเวณปากซอย


และวันเดียวกันนี้ ทีมข่าวจึงได้เดินทางเข้าไปภายในพื้นที่วัดหนองใหญ่ ซึ่งเป็นวัดที่เกิดเหตุ ก่อนที่เสี่ยเอิร์ธจะมีการไล่ยิงเปิดทางก่อนหลบหนี โดยวัดดังกล่าว พบว่าเป็นวัดที่ตัวของเสี่ยเอิร์ธ พร้อมกับเพื่อนที่ขับรถมาสด้า เดินทางมาเพื่อที่จะทำบุญพระใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นน้องในกลุ่ม และปัจจุบันพระรุ่นน้อง ซึ่งเป็นพระใหม่ก็ยังจำวัดอยู่ เจ้าตัวได้เข้ามาเพื่อทำบุญ ก่อนที่จะเกิดเรื่อง


และยังพบว่าช่วงเวลาที่ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่มาหลังเกิดเหตุนั้น ยังมีการเรียกสอบพยานบางคน ที่อยู่ในเหตุการณ์และเห็นเหตุการณ์ เพื่อที่จะเชื่อมโยงเกี่ยวกับต้นสายปลายเหตุเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด




โดยช่วงหนึ่งทีมข่าวพยามสอบถามชายใส่เสื้อสีขาว ซึ่งเป็นลูกศิษย์วัด และทราบว่าชายคนดังกล่าวเป็นคนที่ถูกเสี่ยเอิร์ธมีการใช้ปืนจี้ศรีษะแล้วลั่นไกรยิง แต่ปืนยิงไม่ออก จึงได้มีการใช้ปืนทำร้ายร่างกายและมีการชกต่อยกัน ก่อนที่ตัวของเสี่ยเอิร์ธจะขึ้นรถมาสด้าเพื่อหลบหนีหลังก่อเหตุในวัด แต่มีรถกระบะตู้ทึบขวางจึงต้องมีการลงรถไปยิงเปิดทาง


ซึ่งลูกศิษย์ ชายเสื้อสีขาว หลังจากถูกสอบปากคำได้มีการเปลี่ยนจากกุฏิเจ้าอาวาสย้ายไปที่สำนักงานใต้ถุนอีกฝั่ง ทีมข่าวพยายามสอบถามเกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น ตัวของลูกศิษย์วัดเสื้อขาวไม่ได้มีการให้สัมภาษณ์ หรือปิดปากเกี่ยวกับประเด็นที่เกิดขึ้น และไม่ได้ยอมเล่าเหตุการณ์อะไรให้ฟัง ได้แต่เดินไปในวงล้อมของผู้สื่อข่าวและมีตำรวจคอยดูแล




จากนั้นใช้เวลาผ่านไปประมาณ 30 นาที ตำรวจได้คุมตัวออกจากห้องสำนักงานใต้ถุน เพื่อขึ้นรถร้อยเวรไปที่โรงพักในการสอบปากคำต่อเกี่ยวกับพฤติการณ์ของหรือเสี่ยเอิร์ธ เพื่อที่จะประกอบสำนวนในการออกหมายจับหมาย ในข้อหาอาวุธปืน หรือข้อหาอื่นเพิ่มเติม ซึ่งระหว่างที่ออกจากห้องใต้ถุนไปขึ้นรถนั้น ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามอีกครั้ง แต่ตัวของลูกศิษย์เสื้อสีขาวก็ยังไม่ได้มีการตอบคำถามอะไรต่อผู้สื่อข่าว เดินเงียบขึ้น


ในขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังซอยทางเข้าวัดหนองใหญ่ เขตสายไหม ยังพบว่ามีร่องรอยของความเสียหาย ที่รถกระบะตู้ทึบส่งดอกไม้ ถอยชนบ้านของชาวบ้าน จนเป็นเหตุทำให้ศาลพระภูมิและศาลตายายเสียหาย แล้วยังมีรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ได้รับความเสียหายเช่นเดียวกัน


ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสนธยา อายุ 30 ปี คนขับรถส่งดอกไม้ ที่ปรากฏภาพในกล้องวงจรปิด มีการถอยรถเพื่อเปิดทางให้มือปืนหลังถูกยิงขู่ และในภาพจากกล้องวงจรปิดยังจับภาพว่าตัวของนายสนธยา มีการยกมือไหว้ขอชีวิตจากเสี่ยเอิร์ธ หลังถูกยิงเปิดทาง จนกระทั่งรถถอยมาหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง




นายสนธยา เผยวินาทีระทึก ว่า ตนเองกำลังจะขับรถเข้าไปส่งดอกไม้ให้กับร้านดอกไม้ ระหว่างนั้นตอนนี้กำลังจะขับรถตรงเข้าไปในวัด แต่ไปเจอกับรถมาสด้าสีดำขับออกมา ลักษณะตนเองขวางทางออกอยู่ ก่อนที่จะเห็นเสี่ยเอิร์ธเดินลงจากรถ พร้อมกับอาวุธปืน ซึ่งตนเห็นท่าไม่ดีจึงพยายามถอย แต่ระหว่างนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัด ตนเองจึงได้รีบถอยไม่คิดชีวิต ตามที่มีภาพจากกล้องวงจรปิดปรากฏ


แล้วตอนนั้นตัวเองก็ไม่คิดว่าจะถอยมาชนบ้านของคนอื่นได้รับความเสียหาย และทำให้รถของคนอื่นได้รับความเสียหายไปด้วย ส่วนตัวลงมาดูเหตุการณ์แต่ก็ตกใจ เพราะยังเห็นว่าในมือของเสี่ยเอิร์ธยังถือปืนเดินเข้าหา จึงพยายามที่จะยกมือขอชีวิต แต่ตอนนั้นเสี่ยเอิร์ธน่าจะเปิดทางสำเร็จแล้วจึงไม่ได้สนใจ พยายามเดินออกไปปากซอยและขึ้นรถหลบหนี




และสำหรับเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองก็ยืนยันว่าไม่มีเรื่องอะไรกับตัวของเสี่ยเอิร์ธและไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ไม่รู้ว่าก่อนหน้าไปก่อเหตุอะไรไว้ จึงได้มีการยิงเปิดทางออกมา แต่โดยเบื้องต้นตนเองได้มีการพูดคุยกับเจ้าของบ้านและรวมถึงเจ้าของรถแล้ว ซึ่งก็ยังไม่แน่ใจว่าต้องไปร่วมชดใช้ค่าเสียหายหรือไม่ แต่ถ้าหากมาเรียกเงินจากตนเองก็คงไม่มีให้ เนื่องจากเป็นคนหาเช้ากินค่ำ และรับจ้างเขามาอีกที


ขณะเดียวกัน ทีมข่าวเดินทางไปที่กุฏิหลังวัด ซึ่งเป็นกุฏิพระใหม่ โดยเป็นกุฏิที่พระรุ่นน้องของเสี่ยเอิร์ธมาบวชเมื่อ 2 วันก่อน แล้วยังเป็นกุฏิหลังเดียวกันกับที่เสี่ยเอิร์ธมาทำบุญ ก่อนที่จะออกจากวัดแล้วไปก่อเหตุยิง


โดยทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปที่กุฏิหลังดังกล่าว พบว่ามีลูกศิษย์วัดและรวมถึงพระรูปอื่น กำลังยืนคุยอยู่กับพระรุ่นน้องของเสี่ยเอิร์ธ แต่ทีมข่าวพยายามขอข้อมูล และขอพูดคุยด้วยเกี่ยวกับปมเหตุรวมถึงความผิดปกติ ก่อนที่จะไปก่อเหตุไล่ยิงคน ทางด้านของพระรุ่นน้องได้มีการตะโกนผ่านกุฏิลงมา โดยบอกกับทีมข่าวว่า มีการให้ปากคำกับตำรวจไปหมดแล้ว และตัวของเสี่ยเอิร์ธก็ดูมีท่าทีปกติก่อนที่จะออกไป ยังไม่รู้ว่าไปมีเรื่องอะไรหรือไม่


จนกระทั่งเมื่อ 17.00 น. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คันนายาว ได้เข้ามานิมนต์พระรุ่นน้องที่เป็นพระบวชใหม่ออกจากกุฏิ เพื่อไปสอบปากคำเพิ่มเติมที่โรงพักเกี่ยวกับปมปัญหา หรือความผิดปกติ ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่จะไปก่อเหตุยิง ระหว่างนั้นผู้สื่อข่าวพยายามสอบถาม ตัวของพระรุ่นน้องเสี่ยเอิร์ธไม่ได้มีการตอบคำถามอะไร เดินคุยโทรศัพท์บอกญาติให้ไปที่โรงพัก และเดินขึ้นรถไปพร้อมกับตำรวจ


นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่ซอยสุขาภิบาล 5 ในเขตพื้นที่สายไหม ห่างจากวัดไม่ถึง 5 กิโลเมตร โดยพบว่าเป็นบ้านของเสี่ยเอิร์ธ มือปืน ซึ่งทันทีที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงเจอกับภรรยาและครอบครัวของเสี่ยเอิร์ธ แต่เจ้าตัวไม่อยู่บ้าน มีเพียงภรรยาที่เลี้ยงลูก และอยู่กับญาติ ๆ เท่านั้น อีกทั้งยังทราบว่าก่อนหน้านี้ชุดสืบสวนได้มาเฝ้าติดตามแล้ว และยังมีนายเอกภพ เรืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดเดินทางมาติดตาม และหาเบาะแสของมือปืนรวบด้วย แต่ก็ไม่พบว่าตัวของเสี่ยเอิร์ธได้ย้อนกลับมาที่บ้านหลังก่อเหตุยิง เข้าใจว่าน่าจะไปอยู่บ้านเพื่อนหรือหลบหนี




ด้านนางสาวเก๋ (นามสมมติ) อายุ 33 ปี ภรรยาของเสี่ยเอิร์ธ เปิดใจว่า สามีของตนเองไม่ได้กลับบ้านมาเป็นอาทิตย์แล้ว ซึ่งครั้งล่าสุดก็คือเมื่อ 2 วันก่อน ที่พากันไปงานบวชของรุ่นน้องที่รู้จักกันที่วัดหนองใหญ่ที่เกิดเหตุ และหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกับเจ้าตัวอีกเลย เนื่องจากตัวของเสี่ยเอิร์ธไม่ค่อยอยู่บ้านชอบไปกินอยู่บ้านเพื่อน อีกทั้งเสี่ยเอิร์ธมีบ้านเล็กบ้านน้อย กิ๊กเยอะ จึงทำให้ไม่ค่อยเจอหน้าเสี่ยเอิร์ธเท่าไร ดังนั้นหลังเกิดเหตุตนเองก็ทราบตามข่าวและเห็นจากภาพกล้องวงจรปิดเท่านั้น และก็ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะเป็นพฤติกรรมของเสี่ยเอิร์ธ สามีตนเอง เพราะไม่เคยเห็นปืน และไม่เคยเห็นพฤติกรรมแบบนี้ จึงตกใจพอสมควร


แล้ววันนี้ตัวเองอยากจะสื่อสารไปหาเสี่ยเอิร์ธ อยากให้มีการมอบตัวกับตำรวจ หรือมีการยินยอมด้วยดี ไม่อยากให้มีการต่อสู้หรือจับตาย เพราะกลัวว่าจะถูกวิสามัญ พร้อมกับไม่อยากให้หนี อย่างน้อยถ้าหากสู้ก็กลับมาเจอหน้าลูกกับเมียได้ หากถูกยิงตายตนเองก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไง ดังนั้นควรที่จะออกมามอบตัวเพราะทำผิดไปแล้ว และสำนึกผิด


ส่วนกรณีที่มีการพูดหรือตั้งฉายาว่าเป็น “เสี่ยเอิร์ธ ออเงิน” ส่วนตัวอยากจะบอกกับสังคมรวมถึงผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีคำว่าเสี่ยเอิร์ธ และไม่มีความเป็นอิทธิพลอะไร เป็นเพียงแค่วัยรุ่นที่กินน้ำกระท่อม และอาจจะเกิดจากอาการหลอนหรือคิดไปเองจึงเอาปืนไปไล่ยิงคนอื่น คำว่า “เสี่ย” จึงไม่อยากให้เรียก เพียงลำพังทุกวันนี้ก็หาเช้ากินค่ำ ไม่ใช่คนมีเงินมีทอง และไม่ได้มีอิทธิพลอะไร ที่บ้านเรียกกันแต่ว่า “ไอ้เอิร์ธ”


อย่างไรก็ตาม ภรรยาของเสี่ยเอิร์ธ อยากบอกกับทีมข่าวอีกว่า กรณีเหตุการณ์ที่มีรถกระบะถอยชนบ้านคนอื่นได้รับความเสียหาย และรวมถึงมีรถมอเตอร์ไซค์ได้รับความเสียหาย หากจะมาจี้เอาเงินจากครอบครัวของตนเองไปเยียวยาหรือจ่ายค่าเสียหาย เพียงลำพังตนเองก็หาเช้ากินค่ำจะเอาเงินที่ไหนไปให้ ซึ่งการตอบแบบนี้ก็ไม่ใช่การปฏิเสธหรือบ่ายเบี่ยง แต่มันคือการกระทำของเสี่ยเอิร์ธที่จะต้องออกมารับผิดชอบ ไม่เกี่ยวข้องกับครอบครัว

 

หนีตายระทึก! "เสี่ยเอิร์ธ ออเงิน" หัวร้อนไล่ยิงคนกลางกรุง