จากกรณีเวลาประมาณ 23.00 น. วันที่ 22 มีนาคม 2567 พ.ต.อ.จตุรงค์ กลิ่นศรีสุข ผกก. สภ.ดงเย็น จ.อุดรธานี ได้รับแจ้งเกิดเหตุคนถูกแทงที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่บ้านป่าเป้า ต.ดงเย็น อ.บ้านดุง จ.อุดรธานี จนได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิตขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล ชื่อนายสุรชัย หรือ เท่ห์ อายุ 33 ปี อาชีพเป็นช่างตัดผม




ส่วนผู้บาดเจ็บอีกคนคือ น.ส.คนึงนิจ อายุ 29 ปี เป็นภรรยาของผู้ตาย ส่วนคนก่อเหตุหลบหนีไปจากที่เกิดเหตุ ทราบชื่อต่อมาคือ นายประวิทย์ อายุ 38 ปี และถูกตำรวจตามไปจับกุมได้ที่ทุ่งนา


โดยปมเหตุเกิดจากนางอนันต์ ว่าที่แม่ยายอยากจะให้คนตายไปสู่ของลูกสาวให้เป็นเรื่องเป็นราว หลังจากคบกันนานกว่า 2 ปี ทำให้คนตายเดือดด่ากลับว่าที่แม่ยาย และขู่จะเอาปืนและเรียกเพื่อนมาทำร้าย ขณะที่นายประวิทย์ หรือ “ไว” อายุ 40 ปี หลานนางอนันต์ แค้นแทนน้าสาว ใช้มีดแทงนายสุรชัย คนตาย และ น.ส.คนึงนิจ ได้เข้าห้ามจึงถูกทำร้ายได้รับบาดเจ็บไปด้วย หลังก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีไปยังท้ายหมู่บ้าน ก่อนตำรวจติดตามจับกุมได้ดังกล่าว


ล่าสุดวันนี้ (23 มี.ค.67) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปที่ สภ.ดงเย็น จ.อุดรธานี เนื่องจากช่วงบ่ายวันนี้ หลังจากสอบปากคำเสร็จ ตำรวจจะต้องนำตัวนายประวิทย์ ผู้ก่อเหตุไปชี้จุดทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ จนกระทั่งเมื่อเวลา 14.00 น. ทันทีที่ตำรวจคุมตัวนายประวิทย์ ผู้ก่อเหตุออกจากห้องขังเพื่อไปขึ้นรถ ทีมข่าวได้สอบถามกับนายประวิทย์ ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น




ซึ่งนายประวิทย์ ผู้ก่อเหตุ อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุถูกนายสุรชัย (ผู้ตาย) ด่าเหมือนหมูเหมือนหมา ทำเหมือนตนเองไม่มีหัวใจ ซึ่งก่อนที่ตนเองจะวิ่งไปเอามีดที่บ้าน ยืนยันว่าตนพยายามที่จะไม่ปะทะกับนายสุรชัยแล้ว แต่นายสุรชัยพยายามปีนรั้วบ้านออกมาและนายสุรชัย ก็พยายามโทรศัพท์ไปเรียกพวกของให้เข้ามาตีหน้าตนเอง


นอกจากนี้นายสุรชัย ยังถอดเสื้อและท้าให้ตนเองเข้าไปต่อยกับเขาภายในบ้าน ตนเองก็เลยวิ่งไปเอามีดที่บ้าน ซึ่งพอวิ่งกลับมาถึงที่เกิดเหตุ ตนเองเห็นนายสุรชัยกำลังหาอาวุธมาทำร้าย ตนเองก็เลยเดินเข้าไปหา กระทั่งจังหวะที่นายสุรชัยกระโดดมาใส่ ตนเองก็เลยแทงสวนไปหนึ่งครั้ง จากนั้นนายสุรชัยก็วิ่งหนีไปที่หลังบ้าน ซึ่งจังหวะที่ตนเองวิ่งตามไปยืนยันว่าไม่รู้ว่ามีดไปโดนแขนน้องสาวตอนไหน และพอรู้ว่านายสุรชัยได้รับบาดเจ็บก็เดินไปนั่งสงบสติอารมณ์อยู่ที่บ้าน จากนั้นพอคิดว่าถ้าโดนตำรวจจับ ก็ต้องย้อนกลับเข้าไปในเรือนจำอีก เพราะเพิ่งออกจากคุกมาได้ 10 กว่าวัน จึงตัดสินใจเดินหนีไปยังทุ่งนา


ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้น ยอมรับว่าผิด จึงอยากจะขอโทษครอบครัวพ่อแม่ของนายสุรชัย และขอโทษน้องสาวที่ทำให้บาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยอมรับว่าเสียใจที่ต้องไปเข้าคุกอีกรอบ แต่ภูมิใจที่ได้ช่วยน้าขจัดคนอย่างนายสุรชัย ออกจากคนในครอบครัว




ทีมข่าวได้ภาพวงจรปิดจะเป็นกล้องจากร้านค้าที่อยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 100 เมตร ซึ่งด้านหลังร้านจะอยู่ติดกันกับจุดเกิดเหตุ ซึ่งจะไม่เห็นภาพวินาทีแทงกัน แต่จะได้ยินเสียงตอนที่ทะเลาะกัน โดยในเวลาจริงคือ 23.20 น. จะได้ยินเสียงผู้ชายตะโกนด่ากัน จากนั้นก็จะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้อง


จนกระทั่งในจังหวะที่คาดว่ากำลังมีการทำร้ายกันเกิดขึ้น จะได้ยินเสียงผู้หญิงส่งเสียงกรีดร้อง จากนั้นก็จะเห็นว่าหลานของเจ้าของกล้องวงจรปิดที่เดินไปดูเหตุการณ์ ได้มีการวิ่งกลับมาบอกกับย่าว่า เขาแทงกัน ซึ่งจะได้ยินเสียงย่า ซึ่งเป็นเจ้าของบ้านบอกว่า พามันไปหาหมอ เนื่องจากย่าเจ้าของบ้านหลังดังกล่าว เป็นญาติกับนายสุรชัย ผู้บาดเจ็บ และจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นเรื่อย ๆ อีกประมาณ 3 นาที


จนกระทั่งในเวลา 23.25 น. จะเห็นว่าเจ้าของบ้านซึ่งเป็นญาติกับนายสุรชัย ผู้ตาย จึงได้มีการขับรถกระบะออกจากบ้านแล้วก็เลี้ยวไปยังซอยที่เกิดเหตุ เพื่อรีบนำตัวนายสุรชัยไปส่งโรงพยาบาล จากนั้นผ่านไปประมาณ 2 นาที รถกระบะที่เข้าไปก็จะถอยหลังออกมา กระทั่งผ่านไปสักพักก็จะเห็นรถตำรวจเข้ามาจอด และก็จะเห็นชาวบ้านยืนคุยกันอยู่หน้าซอยที่เกิดเหตุ




ขณะที่ตำรวจได้นำตัวนายประวิทย์ ผู้ก่อเหตุขึ้นรถตู้ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ โดยจุดแรกที่นายประวิทย์ นำตำรวจไปชี้จุด ก็คือบริเวณหน้าบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งนายประวิทย์ อ้างกับตำรวจว่าก่อนจะเกิดเหตุแทงกันเกิดขึ้น เจ้าตัวได้พยายามดึงประตูรั้วมาปิดแล้วเพื่อกั้นให้นายสุรชัย ผู้ตาย อยู่ในบ้านและพยายามตะโกนบอกกับนายสุรชัย ว่าถ้าน้องจะมีเรื่องกับพี่น้องไม่ต้องออกมา แต่ปรากฏว่านายสุรชัยไม่ยอมฟังเดินถอดเสื้อออกมาและก็มาพังประตูรั้วจนประตูรั้วล้ม


ส่วนจุดที่สอง นายประวิทย์ ได้พาตำรวจเดินไปที่บ้านของเขาซึ่งอยู่ติดกันกับบ้านที่เกิดเหตุ ซึ่งเมื่อไปถึงนายประวิทย์ ได้ไปชี้จุดที่ใต้ถุนบ้านที่วิ่งไปหยิบมีด จากนั้นก็พาตำรวจเดินย้อนกลับมาที่ประตูรั้ว ซึ่งเมื่อมาถึงนายประวิทย์ได้อ้างกับตำรวจว่า เห็นนายสุรชัย ผู้ตาย พยายามกระโดดใส่ จึงใช้มีดที่นำมาจากบ้านแทงนายสุรชัยไปหนึ่งครั้ง


ส่วนจุดที่ 3 เป็นจุดที่นายสุรชัยวิ่งหนีไปที่หลังบ้าน ซึ่งนายประวิทย์ อ้างว่าพอเห็นนายสุรชัย วิ่งไปที่หลังจากจึงเดินตามไป และพอไปถึงก็เห็นน้องสาวซึ่งเป็นเมียนายสุรชัย กำลังนอนกอดร่างนายสุรชัย แต่จำไม่ได้ว่ามีดไปถูกน้องสาวได้รับบาดเจ็บได้ยังไง




ขณะเดียวกันทีมข่าวได้ไปเจอกับนางอนันต์ ซึ่งเป็นแม่ยายของผู้ตาย และเป็นน้าของผู้ก่อเหตุ บอกว่า เมื่อวานนี้ก่อนจะเกิดเหตุ ตนเองยอมรับว่าพอรู้ว่านายสุรชัย ลูกเขย มานั่งดื่มเหล้าที่บ้านญาติ จึงเดินไปพูดคุยด้วย ซึ่งเรื่องที่คุย ยอมรับว่าตนเองไปถามว่า คบหากับลูกสาวมานานแล้ว เมื่อไรจะมาสู่ขอให้มันถูกต้อง แต่ปรากฏว่านายสุรชัยดันโวยวาย ตนเองก็เลยพูดเป็นภาษาอีสานไปว่า "ลูกสาวฉันไม่ใช่สัตว์ตามข้างถนนที่ใครจะมาลากไปก็ได้" จึงเถียงกันกับลูกเขย


กระทั่งนายประวิทย์ ได้เข้ามาห้ามและพาตนเองกลับไปที่บ้าน จากนั้นนายประวิทย์ ก็บอกว่าเดี๋ยวจะไปคุยกับน้องเขยให้ จนกระทั่งคนในวงเหล้าโทรศัพท์มาบอกว่า นายประวิทย์กับลูกเขยทะเลาะกัน แต่ปรากฏว่าเมื่อไปถึงที่เกิดเหตุลูกเขยก็ถูกแทงแล้ว


ส่วนเรื่องที่ตนเองพยายามที่จะให้ลูกเขยมาสู่ขอลูกสาว จริง ๆ ไม่ได้อยากได้เงินนะ แต่อยากให้ลูกเขยอยู่กับลูกสาวแบบถูกต้องตามประเพณี ที่ผ่านมายืนยันตนเองรักลูกเขยคนนี้เหมือนลูก แต่ลูกเขยคนนี้ไม่เคยคิดจะไปเยียบที่บ้านแม้แต่ครั้งเดียวตั้งแต่คบหากับลูกสาว ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวรู้สึกเสียใจ และอยากจะขอโทษครอบครัวของลูกเขย




จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับ น.ส.คนึงนิจ ภรรยาของผู้ตาย และเป็นลูกพี่ลูกน้องกับผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองยอมรับว่าชวนนายสุรชัย ซึ่งเป็นสามีมาดื่มเหล้าที่บ้านญาติจริง ซึ่งพอมาถึงก็นั่งดื่มเหล้ากันประมาณ 10 คน ส่วนนายประวิทย์ คนก่อเหตุก็เดินไปเดินมา กระทั่งพอแม่เดินมาคุยกับนายสุรชัย จึงเกิดมีปากเสียงกัน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเคลียร์กันจบไปแล้ว แต่จู่ ๆ นายประวิทย์ ก็เดินมาทะเลาะกับนายสุรชัย ซึ่งตอนที่นายประวิทย์แทงนายสุรชัย ยืนยันว่าไม่เห็นตอนแทง แต่เห็นตอนที่นายสุรชัยวิ่งหนีไปที่หลังบ้านจึงพยายามวิ่งไปขวางนายประวิทย์ เพื่อไม่ให้ฟันนายสุรชัยซ้ำ แต่ก็ถูกนายประวิทย์ฟันที่แขน 3 ครั้ง บาดเจ็บเย็นนอกเย็บในรวบ 58 เข็ม


ส่วนประเด็นเรื่องการคบหากับนายสุรชัย ตนเองคบหากับนายสุรชัยมาประมาณ 1 ปี ซึ่งที่ผ่านมา ยอมรับว่าตนเองไม่เคยบอกให้นายสุรชัยมาสู่ขอ เนื่องจากตนเองไม่แน่ใจว่าจะเอานายสุรชัยมาเป็นคู่ชีวิต เพราะนายสุรชัยมีผู้หญิงอีกคนที่คบซ้อนอยู่




ขณะที่ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุจะเห็น น.ส.คนึงนิจ ได้ถ่ายรูปที่หน้าร้านชำส่งไปให้นายสุรชัย เพื่อชวนมากินเหล้า ภาพวงจรปิดที่ร้านชำดังกล่าว เวลา 2 ทุ่ม 59 นาที น.ส.คนึงนิจ ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านค้ากับรุ่นพี่ โดยมีรถพ่วงสามล้อขับตามมาอีกคัน ซึ่งบนรถมีรุ่นพี่อีกคนมาด้วย ก่อนที่ น.ส.คนึงนิจ จะเดินอ้อมมาถ่ายรูปด้านหน้ารถเพื่อส่งแชตให้กับนายสุรชัย แฟนหนุ่ม


จนเวลา 21.03 น. ซื้อเหล้าเสร็จ น.ส.คนึงนิจ ได้เดินออกมาจากร้านขายของชำ โดยมีรุ่นพี่ถือเหล้า 1 ขวด ออกมาจากร้าน พร้อมกับน้ำแข็ง 1 ถุง ก่อนจะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป


ทั้งนี้ น.ส.คนึงนิจ ยังเผยอีกว่า เรื่องที่เกิดขึ้นส่วนตัวก็เสียใจที่เป็นต้นเรื่องพานายสุรชัยมาตาย โดยหลังเกิดเหตุพยายามโทรศัพท์ไปคุยกับแม่ของนายสุรชัยแล้ว แต่แม่ของนายสุรชัยไม่คุยด้วยเพราะที่ผ่านมา แม่ของนายสุรชัยก็ไม่ชอบตนเองอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อเช้านี้ได้มีโอกาสไปกราบขอโทษศพของนายสุรชัยแล้ว ยอมรับเรื่องที่เกิดขึ้นตนเองรับผิดเพียงคนเดียว ที่ไม่คุยกับแม่ของตนเองให้ชัดเจนว่าจะยังไม่แต่งกับนายสุรชัย และถ้าหากนายสุรชัยรับรู้ก็อยากจะบอกว่ารักมาก ขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้น

 

พี่เมียฉุน! น้องเขยไม่มาสู่ขอ จ้วงแทงคาวงเหล้า น้องสาวเข้าห้ามเจ็บตัว