ความคืบหน้าคดียิงกันบริเวณหน้าสถานบันเทิง ย่านปิ่นเกล้า เมื่อช่วงตี 1.30 น. ของวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บหลายราย ซึ่งทางตำรวจ สน.บางยี่ขัน ได้ดำเนินการขอให้ศาลอาญาตลิ่งชัน ออกหมายจับนายอธิภัทร หรือ กอล์ฟ อายุ 23 ปี ผู้ก่อเหตุที่ยังหลบหนีอยู่




ล่าสุดมีรายงานจากตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี นำกำลังเร่งติดตามตัวนายกอล์ฟ เป็นวันที่สามแต่ยังไม่พบตัว ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการเข้าไปตรวจสอบภายในบริเวณใกล้เคียงซอยเพชรเกษม 48 ซึ่งหลังจากการสืบสวนทราบว่า นายกอล์ฟ หลังเกิดเหตุได้ขับรถเบนซ์คันที่ตำรวจยึดไว้เป็นของกลาง มาจอดรถบริเวณซอยเพชรเกษม 52 ก่อนจะเดินเข้าเท้า ไปยังซอยเพชรเกษม 48 ซึ่งเป็นที่พักและไปยืมเงินเพื่อนที่อยู่บริเวณนั้น ก่อนที่นายกอล์ฟจะหายตัวไป ซึ่งล่าสุดจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่านายกอล์ฟหลบหนีออกไปนอกพื้นที่กรุงเทพฯ แล้ว แต่ชุดสืบสวนก็ยังไม่ปักใจเชื่อ ยังคงระดมกำลังค้นหาบริเวณโดยรอบย่านเพชรเกษม และหนองแขม เพราะเป็นจุดที่นายกอล์ฟคุ้นเคยเป็นอย่างดี




ขณะที่หญิงสาวคนที่ฝ่ายเพื่อนผู้ตายและฝ่ายผู้ก่อเหตุไปชนแก้วนั้น ได้เข้าสอบปากคำกับตำรวจเมื่อวานนี้เป็นเวลาเกือบ 5 ชั่วโมง หลังสอบปากคำเสร็จหญิงสาวคนดังกล่าว ได้รีบวิ่งขึ้นรถขับออกไปจาก สน. ทันที




ทั้งนี้จากแนวทางการสืบสวน ประกอบการกับกล้องวงจรปิดหลังเกิดเหตุจะเห็นว่าหลังก่อเหตุ นายกอล์ฟ ผู้ต้องหา ได้ขึ้นรถเบนซ์ 5 ประตู โดยมีเพื่อนอีก 3 คนนั่งไปด้วย มุ่งหน้าไปทางซอยเพชรเกษม 52 ซึ่งนายกอล์ฟ ผู้ก่อเหตุเป็นคนขับ นายแบงค์นั่งข้างคนขับ นายเบิร์ดและนายเสมานั่งเบาะหลัง จากนั้นได้ให้เพื่อนขับรถเบนซ์ นำรถไปจอดทิ้งไว้ใกล้บ้านญาติแถว ต.จอมปลวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม




ล่าสุด (16 มี.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ภายในซอยเพชรเกษม 52 ซึ่งเป็นซอยบ้านของนายแบงค์ ตามที่ปรากฏรถเบนซ์หลังก่อเหตุยิงได้ขับมาส่งคนลงที่ซอยดังกล่าว ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดภายในซอยจับภาพเอาไว้ได้ โดยเป็นช่วงเวลาประมาณ 01.59 น. จะเห็นว่ามีรถเบนซ์ขับเข้ามาภายในซอยดังกล่าว เพื่อที่จะไปส่งนายแบงค์และนายกอล์ฟ มือปืน ตามคำให้การที่อ้างว่ามีการส่ง 2 คน ลงจากรถหลังก่อเหตุยิง ก่อนจะสั่งให้นายเสมาเอารถไปทิ้งบ้านญาติที่บางคนที จ.สมุทรสงคราม ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิด 2 มุม จับรถเข้าซอย




และกล้องวงจรปิดภายในซอย รวมถึงหน้าปากซอยฝั่งตรงข้าม จับภาพรถเบนซ์ขับออกจากซอยด้วยความเร็ว ช่วงเวลาประมาณ 02.04 น. ซึ่งใช้เวลาในการส่งคนประมาณ 4 นาที ก่อนที่จะขับออกจากซอยดังกล่าวเพื่อเอารถไปทิ้ง โดยตามการให้ปากคำของพยานในรถ ยืนยันว่า คนที่ขับรถออกไปคือ นายเสมา ซึ่งในรถไม่ได้มีนายกอล์ฟและนายแบงค์นั่งโดยสารไปด้วย




ขณะที่ทีมข่าวเข้าไปที่บ้านของนายแบงค์ ปรากฏว่าเจ้าตัวไม่อยู่บ้าน จึงได้พูดคุยกับนายเปรม (นามสมมติ) พ่อของนายแบงค์เพื่อนของมือปืน เผยว่า ลูกชายยังคงออกไปทำงานตามปกติ และหลังเกิดเหตุก็พักอยู่ที่อื่นเพราะไม่อยากเจอกับสื่อ โดยหลังจากตนเองทราบเรื่องรุ่งเช้าตนเองก็ได้สั่งให้ลูกชายเข้าไปเจอกับตำรวจเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมกับให้ปากคำว่ามีส่วนเกี่ยวข้องมากน้อยเพียงใด โดยลูกชายบอกกับตนเองยืนยันว่าแค่ไปกินเหล้ากับมือปืนแต่ไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่ได้ร่วมก่อเหตุ ตนเองจึงได้ให้ลูกชายไปแสดงความบริสุทธิ์ใจและให้ปากคำกับตำรวจไปหมดแล้ว


และในคืนวันเกิดเหตุ ตนเองแม้ว่าจะนอนอยู่ภายในบ้านหลังเดียวกันกับที่นายแบงค์อาศัยอยู่ แต่ตนเองนอนอยู่ชั้นล่าง นายแบงค์นอนอยู่ชั้นบน เข้าใจว่าหลังจากกลับมาจากร้านเหล้า ก็ขึ้นไปที่ห้องนอน พอได้ยินเสียงคนเปิดประตูเข้ามา แต่ไม่รู้ว่ามากันกี่คน แล้วมีใครมานอนด้วยในคืนนั้นหรือไม่ ซึ่งตนเองก็เพิ่งมารู้ตามข่าว และตามที่นักข่าวมาที่บ้านว่านายกอล์ฟ มือปืน เข้ามาในบ้านกับลูกชายของตนเองในคืนนั้นด้วย ส่วนตัวยอมรับว่าไม่รู้และไม่เห็นว่ามาจริงหรือไม่ ทุกอย่างก็ให้การไปหมดแล้วก็ต้องว่าไปตามหลักฐาน แต่ส่วนตัวก็ค่อนข้างกังวลใจกลัวว่าลูกชายจะโดนคดีไปด้วย




สำหรับตัวของนายกอล์ฟ นายเสมา หรือนายเบิร์ด ซึ่งมีชื่อปรากฏว่าอยู่ในคืนวันเกิดเหตุที่ไปกินเหล้ากับลูกชาย ส่วนตัวไม่รู้จักเพราะไม่เคยเห็นหน้าและลูกชายไม่เคยพามา เข้าใจว่าเป็นสังคมที่รู้จักกันข้างนอก แต่ในคืนนั้นลูกชายก็ได้แต่บอกว่าจะออกไปกินเหล้าแต่ไม่ได้บอกว่าไปแถวปิ่นเกล้าหรือไปที่ไหน เพราะตัวเองก็เพิ่งมารู้ตอนเปิดทีวี ว่าลูกชายมีส่วนเกี่ยวข้องในเช้าวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 14 มี.ค. จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม วันเดียวกัน มีตำรวจเข้ามาที่บ้านเพื่อตรวจค้นและหาของกลางเพื่อเชื่อมโยงในคดี แต่ก็ไม่เจออะไร


ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งพบความเคลื่อนไหว คือนายเสมานำรถเบนซ์สีดำที่ใช้ก่อเหตุหลบหนีหลังจากยิงที่ผับ ย่านปิ่นเกล้า นำไปทิ้งในพื้นที่ดังกล่าวก่อนที่จะมีรถพาหลบหนีออกจากพื้นที่




โดยมีวงจรปิดของวันที่ 14 มี.ค. เวลา 03.40 น. กล้องวงจรปิดจะสามารถจับภาพรถเก๋งยาริส สีขาว ขับเข้ามาภายในซอย ปลวก-ร่มเย็น-ท่าคา เพื่อเข้าไปรับตัวนายเสมาที่ขับรถเบนซ์สีดำมาจอดทิ้งเอาไว้ แต่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพต่อที่รถเบนซ์ขับเข้าไปจอดได้ เพราะเนื่องจากมีการใช้อีกเส้นทางขับเข้าไป


จากนั้นเวลา 04.29 น. วงจรปิดเห็นรถเก๋งยาริส สีขาว ได้ขับหลบหนีออกไปจากซอย ปลวก-ร่มเย็น-ท่าคา หลังจากที่ขับเข้าไปเพื่อรับตัวนายเสมาออกมาจากทิ้งรถ ซึ่งยังไม่ทราบว่าใครเป็นคนขับรถเก๋งยาริส สีขาว คันดังกล่าว




และหลังจากที่มีชาวบ้านแจ้งกับทางชุดสืบสวนว่า พบรถเบนซ์ต้องสงสัยเอามาจอดทิ้งเอาไว้ในพื้นที่บางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ทีมข่าวตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิด ภายในซอยจอมปลวก-ร่มเย็น-ท่าคา พบว่า วันที่ 15 มี.ค. เวลา 01.37 น. จะเห็นรถกระบะของชุดสืบสวนของ สน.บางยี่ขัน ได้ขับรถนำหน้ารถยกมาเข้ามาภายในซอยเพื่อนำรถเบนซ์ของผู้ก่อเหตุที่ถูกจอดทิ้งเอาไว้


หลังจากนั้นเวลา 02.09 น. ของวันเดียวกัน 15 มี.ค. กล้องวงจรปิดจับภาพรถยก นำรถเบนซ์ของกลุ่มก่อเหตุที่จอดทิ้งเอาไว้ในพื้นที่บางคนที ขับออกไปจากซอยจอมปลวก-ร่มเย็น-ท่าคา โดยมีรถกระบะของชุดสืบสวนสอบสวน สภ.บางยี่ขัน ขับตามเพื่อนำรถคันดังกล่าว


ทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถามไปยัง พี่เขย ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ เล่าให้กับทีมข่าวฟังว่า ผู้ตายได้ออกไปเที่ยวแต่ตนทำงานอยู่ พี่สาวของผู้ตายได้โทร. มาบอกตนว่าผู้ตายมีปัญหา โดนล้อมอยู่ที่โต๊ะ 10 กว่าคน ตนเป็นพี่เขยรู้สึกเป็นห่วง จึงรีบขับรถไปหาผู้ตายระหว่างทางได้โทร. หาเพื่อน โดยบอกกับเพื่อนว่าน้องตนมีปัญหาให้ไปดูกันหน่อย พอตนและเพื่อนไปถึงร้าน ก็ได้คุยกับผู้ตาย ผู้ตายบอกว่าเหมือนมีปัญหาอยู่ดี ๆ ก็มีคนมาล้อมโต๊ะ จากนั้นตนก็ได้เจอกับกลุ่มคนก่อเหตุพยายามเคลียร์ให้ออกมาคุยกัน ว่าปัญหาเกิดจากอะไร จะทำน้องตนเพื่ออะไร น้องตนมากัน 2 คน




โดยกลุ่มคนก่อเหตุมีลักษณะพร้อมที่จะมีเรื่องใช้ขวดตีลงพื้น เพื่อที่จะทำเป็นปากฉลาม เตรียมจะมาแทงพรรคพวกตน เเต่ตนบอกว่าตนมาคุยดี ๆ ไม่ได้มีเจตนาจะมาทำอะไร ส่วนคนยิงทำพฤติกรรมเหมือนทะเลาะกับแฟนสาวเดินพาลงไปชั้นใต้ดิน ตอนแรกตนไม่รู้ว่าคนก่อเหตุเป็นพรรคพวกเดียวกันกับที่กลุ่มคนที่มีปัญหา


จากนั้นไม่นานคนก่อเหตุได้เดินกลับมาอีกครั้ง โดยจงใจจ่อยิงไปที่ตัวน้องชาย ลักษณะการยิงแบบประชิดตัว เหมือนเตรียมการเจาะจงบุคคลมาก่อนแล้ว แต่ตอนยิงเห็นมีคนปัดปืน ทำให้ลูกกระสุนเข้าช่วงท้องหากไม่ปัดคงเข้าอก โดยคนที่ปัดตนไม่แน่ใจว่าเป็นตำรวจหรือการ์ด เหตุการณ์เกิดขึ้นไวมาก ตอนแรกตนไม่ทราบว่าน้องโดนยิงแต่เพื่อนมาบอก พอตนเดินไปถึงเห็นน้องนอนเสียเลือดมาก ตนจึงรีบเอามือพยุงหัวเเละตบหน้าเรียกสติ โดยบอกให้น้องตื่นเดี๋ยวพี่พาไปโรงพยาบาล และตอนนั้นเหมือนน้องอยากจะพูดอะไรกับตนบางอย่าง และคว้ามือตนเอาไว้ ตอนนั้นยังมีสติอยู่ โดยตนบอกว่า "อยู่กับพี่นะ" ผู้ตายพูดเบา ๆ ว่า "อืม"


ส่วนการหลบหนีของคนก่อเหตุ ตนมองว่า มีการเตรียมการมาก่อนนั้นแล้ว เพราะมีการขับรถส่งต่อเป็นจุด ๆ มีการจอดรถในสวนที่สมุทรสงคราม ทำให้ต้องมีคนมารับเขา เหมือนมีการวางแผนมาก่อนแล้ว ตนไม่เคยเห็นคนก่อเหตุมาก่อน ตนยืนยันว่าในวันที่เกิดเหตุน้องชายไปกับเพื่อนเพียง 2 คน แต่จากภาพกล้องวงจรปิดเห็นกลุ่มคนเยอะเพราะมีเพื่อนตนมาด้วย

 

ล่าไอ้กอล์ฟยิงหนุ่มหน้าผับ 3 วัน ยังจับไม่ได้ เปิดปมฆ่าสงสัยมีใบสั่งตาย