เปิดนาทียามฆ่า "ป้าอี๊ด" หลบชุดสืบก่อนออกหมายจับ


ล่าสุดวันนี้ (9 มี.ค. 2567) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปที่ร้านตัดผมที่ยามแดงได้เข้ามาตัดผมภายในร้าน ก่อนจะถูกตำรวจติดตามจับกุมตัวอีกครั้ง ทีมข่าวได้ไล่ย้อนดูภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อคืนนี้ (8 มี.ค.) ก่อนที่ยามแดงจะถูกจับ


โดยก่อนหน้านี้ช่วงเย็นเมื่อวาน หลังจากทีมข่าวช่อง 8 ได้งัดภาพกล้องวงจรปิดเห็นรถยามแดงไปโผล่ใกล้จุดพบศพ และพยายามถามยามแดงอีกครั้ง เนื่องจากยามแดงพูดไม่ตรงกันสักรอบเกี่ยวกับทามไลน์ช่วง 5 มี.ค. ยามแดงหายไปไหน




ซึ่งหลังจากยามแดงได้ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวเสร็จ จู่ ๆ ยามแดงได้หายตัวไปอย่างปริศนา ทำให้ตำรวจชุดสืบสวนที่วางกำลังประกบยามแดงอยู่บริเวณโดยรอบธนาคาร ต่างรีบเดินค้นหายามแดงกันวุ่น เพราะยามแดงอาจจะรู้ตัวและหาทางหลบหนีหายไปแล้ว


ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อวานนี้ใกล้ร้านตัดผม พบว่า ช่วงเวลาประมาณ 18.58 น. จะเห็นยามแดง ได้แอบเดินหนีตำรวจและนักข่าวที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าธนาคารออกทางด้านหลังของธนาคาร โดยยามแดงได้เดินทะลุออกจากด้านหลังธนาคารซึ่งเป็นลานจอดรถ เพื่อหลบนักข่าวและตำรวจ จากนั้นจะเห็นยามแดงได้รีบเดิน โดยถอดชุดเสื้อปฎิบัติงานออกเหลือเพียงเสื้อยืดและรีบเดินไปหลบอยู่ภายในร้านตัดผม โดยแกล้งทำเป็นตัดผม เพื่อไม่ให้ใครเห็น


กล้องวงจรปิดต่อมาจะเห็นทีมข่าวช่อง 8 และตำรวจได้ช่วยกันเดินตามหายามแดง โดยเดินผ่านหน้าร้านตัดผมในครั้งแรก แต่ไม่มีใครสังเกตมองเข้าไปในร้านตัดผมเลยสักคน ทำให้ตอนนั้นจะเห็นตำรวจชุดสืบสวนโทรศัพท์หากันวุ่นเพราะหายามแดงไม่เจอ




ต่อมาคลิป 5 และจะเห็นผู้ช่วยช่างภาพของทีมข่าวช่อง 8 และนักข่าวภูมิภาคของช่อง 8 ได้เดินหายามแดงอีกครั้ง เเละกำลังจะเข้าไปขอดูกล้องวงจรปิดตามทางเพื่อไล่ดูว่า ยามแดงหนีไปไหน แต่เมื่อผู้ช่วยช่างภาพของเรากำลังจะเดินเข้าไปขอดูกล้องหน้าร้านตัดผม ได้มองไปเห็นยามแดงกำลังนั่งตัดผมอยู่ในร้าน โดยหลบมุมอยู่โต๊ะตัวสุดท้าย ทางผู้ช่วยช่างภาพจึงได้รีบส่องไฟฉายเรียกนักข่าวช่อง 8 เพื่อบอกว่า เจอยามแดงหลบอยู่ภายในร้านตัดผมแล้ว




และคลิปที่ 6 จะเห็นนักข่าวได้รีบวิ่งมาดูยามแดง พร้อมกับถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งจากคลิปจะเห็นว่า ยามแดงมีสีหน้าเรียบเฉยมาก ทำตัวเหมือนคนปกติที่มาตัดผม กระทั่งเวลา 19.21 น. คลิป 7 และ 8 ก็จะเห็นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนและทีมข่าวเดินทางมาดักรอยามแดงหน้าร้านตัดผม เจอตัวจนได้ โดยยามแดงได้เดินออกจากร้านมายืนพูดคุยกับทีมข่าวและตำรวจ


จับโป๊ะยามแดง ตัดผมทั้งที่ผมยังไม่ยาว


ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางสาวไพลิน ช่างตัดผมที่เป็นคนตัดผมยามแดงคนสุดท้าย ก่อนที่ยามแดงจะถูกตำรวจจับ เธอให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ยามแดงได้เดินเข้ามาภายในร้านตัดผม พร้อมกับบอกตนเองว่า “ช่วยตัดผมทรงเดิมให้หน่อย ขอเกรียน ๆ สั้น ๆ”


ตอนนั้นตนเองยังทักยามแดงไปว่า “ผมยังไม่ยาวเลยนะ ลุงเพิ่งมาตัดเองไม่ใช่เหรอ” ยามแดงจึงตอบกลับว่า “พรุ่งนี้ผมต้องไปประชุมทำธุระที่กรุงเทพฯ ขอตัดสั้น ๆ เลยนะ” ตนเองก็ตัดให้ตามที่ยามแดงสั่ง โดยตลอดระยะเวลาที่นั่งตัดผมให้ยามแดง ยามแดงทำตัวปกติมาก ไม่เหมือนคนไปทำผิดมา และไม่มีท่าทีเร่งรีบให้ตนเองตัดผมให้เสร็จเร็ว ๆ เลย




ยอมรับว่าภายในใจระหว่างตัดผมยามแดง รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย เนื่องจากผมของยามแดงเพิ่งจะยาวไม่ถึง 0.5 เซนติเมตร ด้วยซ้ำ แต่ยามแดงกลับให้ตนเองตัดผมให้ ส่วนที่ผ่านมายามแดงมักจะเดินทางมาตัดผมที่ร้านอยู่เป็นประจำ มาตัดที่ร้านได้ประมาณ 4 ครั้งแล้ว แต่ปกติยามแดงจะไม่ตัดกับตนเองเนื่องจากยามแดงมีช่างประจำ แต่เมื่อวานนี้ไม่รู้ว่ายามแดงคิดอะไรถึงมาตัดผมกับตัวเอง ต้องการตัดเพื่อเตรียมเข้าเรือนจำ หรือต้องการแปลงโฉม หรือแก้เคล็ด ตนเองก็ไม่รู้


อย่างไรก็ตาม หลังจากทราบข่าวตกใจมาก เมื่อเช้าวันนี้มีเพื่อนส่งข่าวมาให้ดู ว่ายามแดงที่มาตัดผมกับตนเองนั้นคือฆาตกรที่ลงมือฆ่าหญิงเจ้าของสวนทุเรียนที่กำลังเป็นข่าวดัง แทบไม่อยากจะเชื่อ เพราะที่ผ่านมายามแดงเป็นคนนิสัยดี และพูดจาไพเราะมาก


ยามโหดสารภาพบีบคอ "ป้าอี๊ด" แค้นไม่ให้ยืมเงินแสน


ล่าสุดทีมข่าวยังได้หากล่องขนาดใกล้เคียงกับกล่องพลาสติก ที่คาดว่ายามแดงได้บรรจุศพของป้าอี๊ด พบว่า หากมี 1 กล่องพลาสติก คนหากตัวเล็กก็สามารถเข้าไปนอนขดอยู่ภายในกล่องได้ ยกเว้น มีการนำกล่องพลาสติก ลักษณะดังกล่าวมาครอบประกบกัน


โดยทีมข่าวได้หาหุ่นจำลองใส่กล่อง 1 กล่องใส่ไม่ได้ แต่หากมี 2 กล่องเหมือนของยามแดงนำมาครอบประกบกัน จะสามารถใส่ร่างของป้าอี๊ดได้อย่างสบาย เพราะความสูงและน้ำหนักป้าอี๊ด สูงเพียง 148 ซม. น้ำหนัก 40 กก. นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้พบ 2 กล่องบนรถยามแดง และเหลือเพียง 1 กล่องในจุดทิ้งศพ ซึ่ง 1 กล่องบรรจุศพไม่พอ สังเกตว่ากล่องที่พบขอบกล่องมีรอยแตก




ประกอบกับข้อมูลจากชุดสืบสวนที่ยามแดงฆ่าป้าอี๊ด ทิ้งศพบ่อน้ำสวนทุเรียน ว่า พฤติการณ์ของยามแดงหลังจากบีบคอฆ่าป้าอี๊ดแล้ว ก็เอาศพขึ้นหลังรถ จากนั้นก็เอากล่องพลาสติกที่ใช้ใส่ของ 2 ใบที่อยู่หลังรถคลุม โดยใช้ 1 ใบคลุมจากฝั่งหัวเข้ามา และอีก 1 ใบใส่คลุมจากฝั่งเท้าเข้ามา แล้วพอไปถึงจุดทิ้งศพ ก็ทิ้งศพไปพร้อมกับกล่องที่ใช้คลุมหัว เหลือกล่องอีก 1 ใบ ที่คลุมฝั่งเท้าไม่ได้โยนทิ้งไป ซึ่งยามแดงเอากลับมาด้วย และจากการเก็บกล่องใบดังกล่าวทำให้เป็นหลักฐานมัดตัวยามแดงคือฆาตกร


ย้อนคำพูดยามโหดโกหกสื่อ ก่อนจนมุมถูกรวบ


ทีมข่าวยังได้เดินทางย้อนไปที่บ้านของยามแดงอีกครั้ง หลังจากเมื่อวานนี้ยามแดงได้อ้างกับทีมข่าวว่า ตั้งแต่ช่วง 9 โมงเช้า ของ 5 มีนาคม เจ้าตัวหลังจากเลิกงานได้กลับเข้าไปทำงานในสวนทุเรียน และสวนเงาะหลังบ้านตลอดทั้งวันจนค่ำ ไม่ได้ออกไปไหน




แต่ทีมข่าวพบพิรุธว่า ยามแดงน่าจะโกหกเพราะหากยามแดงเลิกงานและต้องทำงานในสวนต่อ แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะนั่นแปลว่ายามแดงต้องทำงานนานกว่า 35 ชั่วโมงโดยไม่ได้นอน รวมถึงเมื่อทีมข่าวเดินทางเข้าไปตรวจสอบใกล้สวนทุเรียนและสวนยางของยามแดง กลับไม่พบว่ามีการตัดไม้ทำสวนอย่างที่ยามแดงบอก


เปิดภาพมือยามที่ใช้ฆ่าป้าอี๊ด ทิ้งร่องรอยต่อสู้


นอกจากนี้เมื่อวานหลังการสัมภาษณ์ยามแดง ทีมข่าวได้ขอดูมือของยามแดง ว่ามีร่องรอยบาดแผลอะไรหรือไม่ ปรากฏว่าทีมข่าวไปพบบาดแผลตามฝ่ามือและหน้ามือของยามแดง ที่มีรอยแผลถลอกตามมือ ซึ่งขณะนั้นทีมข่าวได้สอบถามยามแดงว่า แผลที่มือไปโดนอะไรมา โดยเจ้าตัวได้อ้างว่า เกิดจากการตัดไม้ทำสวน ซึ่งไม่เป็นความจริงและคาดว่าเกิดจากการที่ยามแดงใช้มือบีบคอป้าอี๊ด ซึ่งขณะนั้นป้าอี๊ดอาจมีการต่อสู้ทำให้เกิดบาดแผลขึ้น


เปิดนาทีล็อกยามสังหาร "ป้าอี๊ด" ปากแข็งไม่ได้ฆ่า


ทั้งนี้ย้อนไปช่วงที่ตำรวจชุดสืบสวนได้ยื้อเวลายามแดงอยู่นานตั้งแต่ 6 โมงเย็นเมื่อวานนี้ เนื่องจากต้องรอศาลอนุมัติหมายจับ รวมรวบหลักฐานให้ชัด เพื่อยื้อต่อผู้พิพากษาให้อนุมัติหมายจับให้ภายในค่ำคืนนี้ จนกระทั่งเวลา 00.27 น. ตำรวจชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 2 ได้เดินทางนำหมายจับของศาลจังหวัดระยอง แสดงเข้าจับกุมตัวนายเจริญ หรือ นายแดง อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรมป้าอี๊ด ซึ่งเข้าจับกุมในขณะที่นายเเดง กำลังนั่งพักผ่อนอยู่ที่ทำงาน ภายในธนาคารเเห่งหนึ่งพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี


โดยมี ร้อยตำรวจเอกอัษฎา จารุสมบัติ รองสารวัตรสืบสวน กองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 2 เป็นผู้แสดงหมายจับ พร้อมกับอ่านข้อความในหมาย ว่า นายเจริญ ตกเป็นผู้ต้องหา กระทำความผิดฐาน 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และ 2.ซ่อนเร้นอำพรางศพ ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่มีการแจ้งสิทธิ์เบื้องต้นของผู้ต้องหา ก่อนใส่กุญเเจมือ ซึ่งทางด้านนายแดงเองอยู่ในอาการนิ่ง หลังจากที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาเสร็จสิ้น เจ้าตัวได้ถามตำรวจกลับว่า "ผมถูกจับเเล้วใช่ไหม" ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ย้ำว่า "คุณตกเป็นผู้ต้องหาแล้ว" จากนั้นยามแดงได้ยินยอมให้ใส่กุญเเจมือ โดยบอกกับตำรวจว่า "ผมไม่หนีหรอก" พร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างให้ตำรวจใส่กุญแจมือ


จากนั้นตำรวจชุดสืบสวนได้ควบคุมตัวยามเเดงขึ้นรถ โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามยามเเดงอีกครั้ง โดยเจ้าตัวยังคงปฏิเสธ เเละยืนยันคำเดิมว่าตนเองบริสุทธิ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมป้าอี๊ด โดยช่วงท้ายผู้สื่อข่าวได้ถามยามเเดง ว่าหากไม่ได้เป็นผู้ก่อเหตุ แล้วเหตุใดรถของเจ้าตัวจึงไปปรากฏอยู่ใกล้กับจุดพบศพ ซึ่งนายแดงหันมามอง แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ทีมข่าวถามอีก มีอะไรอยากบอกป้าอี๊ดคนตายหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้ยามแดงบอกว่า คนร้ายที่ฆ่าป้าอี๊ดได้นั้นถือว่าโหดเหี้ยมมาก ๆ เจ้าตัวปิดปากเงียบ ไม่ยอมตอบคำถามผู้สื่อข่าว ก่อนถูกตำรวจคุมตัวขึ้นรถไปทันทันที




จากนั้นเวลา 00.47 น. เจ้าหน้าที่ได้นำตัวยามเเดง ไปค้นรถกระบะของตัวเอง ยี่ห้อฟอร์ด สีบรอนซ์เงิน ที่ต้องสงสัยว่าใช้ในการก่อเหตุ ซึ่งยามแดงนำรถคันดังกล่าวมาจอดซุกซ่อนไว้ภายในลานจอดรถของศาลจังหวัดจันทบุรี โดยอยู่ห่างจากที่ทำงานของตัวเองประมาณ 2 กิโลเมตร จากการตรวจค้นภายในรถมีเสื้อผ้าที่ใช้ใส่ทำงานเเขวนอยู่บริเวณเบาะหลังเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีตะกร้าสีชมพู ซึ่งภายในมีข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว จำพวกสบู่ เเชมพู ยาสีฟัน ฯลฯ เจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นอยู่ประมาณ 30 นาที ก่อนจะนำรถสไลด์เข้ามาเคลื่อนย้ายรถกระบะของยามแดง เพื่อนำไปเก็บหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่จังหวัดระยอง


จนสุดท้ายเวลา 01.05 น. เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวยามแดง ไปลงบันทึกจับกุมที่ สภ.เมืองจันทบุรี โดยทีมข่าวช่อง 8 พยายามสอบถามยามแดงอีกครั้ง ว่า ยอมรับหรือยังว่าตนเองเป็นคนฆ่าป้าอี๊ด แต่ครั้งนี้ ยามแดงกลับเงียบ ก้มหน้าไม่ตอบคำถามนักข่าวเหมือนทุกครั้ง ก่อนถูกนำตัวเข้าห้องสืบสวน สภ.เมืองจันทบุรี เพื่อทำบันทึกจับกุม ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง


กระทั่งเวลา 02.43 น. หลังจากทำบันทึกจับกุมเสร็จ ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง ตำรวจชุดสืบสวนได้คุมตัวยามแดงออกจากห้องสืบสวนเพื่อไปดำเนินคดีต่อที่ สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง ทีมข่าวพยายามสอบถามยามแดงครั้งสุดท้าย โดยเจ้าตัวยืนยันว่า “ผมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมป้าอี๊ด และนักข่าวไม่ต้องมาถามผมอีกแล้ว ผมพูดไปหมดแล้ว” ทีมข่าวถามต่อ ทำไมความจริงของยามแดง พูดไม่เหมือนกันทุกครั้ง เจ้าตัวเงียบ สุดท้ายทีมข่าวถาม มีอะไรอยากขอโทษป้าอี๊ดไหม ยามแดง ตอบ “ผมไม่มีอะไรจะขอโทษ เพราะผมไม่ได้ทำ”



ลากไส้ยามแดงอำมหิตปากแข็ง! ภาพลับนาทีหนีช่อง 8 แต่แผลที่มือชี้ชัดฆ่าป้าอี๊ด