ภายหลังกลางดึกของคืนที่ผ่านมา ตำรวจชุดสืบได้เข้าจับกุมตัว นายเจริญ หรือ ยามแดง อายุ 56 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุฆ่ามัดมือ นางฉวีวรรณ หรือ ป้าอี๊ด แล้วไปโยนทิ้งในสระน้ำ ในสวนทุเรียน จ.ระยอง เช้าวันนี้ตำรวจได้คุมตัว รปภ.แดง มาสอบปากคำเพิ่มเติม พร้อมกับพิมพ์ลายนิ้วมือ หลังให้การรับสารภาพว่า เป็นคนมือบีบคอฆ่า นางฉวีรวรรณ หรือ ป้าอี๊ด ก่อนนำศพไปทิ้งสระน้ำดังกล่าว



โดยช่วงหนึ่งระหว่างตำรวจยังคุมตัว ยามแดง สอบปากคำอยู่ภายในห้องของผู้กำกับ สภ.ปากน้ำประแสร์ แล้วตำรวจได้เชิญตัว นายพรชัย หรือ ต้นอ้อ อายุ 26 ปี ลูกชายคนสุดท้องของป้าอี๊ด เพื่อเข้าไปภายในห้อง โดยนายพรชัยได้เดินเข้าไปภายในห้องแต่เมื่อเจอหน้ายามแดง จึงจะเข้าไปทำร้ายด้วยความโมโหแต่ตำรวจดึงตัวแล้วกันออกมา


จากนั้น ผู้กำกับ สภ.ปากน้ำประแสร์ ไปได้เจรจาเพื่อต้องการให้ยามแดงทำพิธีขอขมาผ่านรูปถ่ายเพื่อเป็นการยืนยันว่าไม่ได้จับแพะ และเป็นผู้ก่อเหตุจริง จังหวะนั้น นายพรชัย จึงได้เดินเข้าไปพร้อมกับรูปถ่ายของป้าอี๊ด แล้วเข้าไปนั่งเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับยามแดง แต่พอกำลังจะเริ่มจุดธูปทำพิธีขอขมา นายพรชัย ได้ปารูปใส่ไปที่ยามแดง และจะปรี่เข้าไปทำร้ายอีกครั้งแต่ตำรวจนำตัวออกมาก่อน


ยามโหดสารภาพบีบคอฆ่า "ป้าอี๊ด" แค้นไม่ให้ยืมเงินแสน


สำหรับคำให้การของยามแดงที่รับสารภาพ อ้างว่า ก่อนเกิดเหตุเช้าวันที่ 5 มีนาคม เวลาประมาณ 10.24 น. ตนเองขับรถกระบะ ยี่ห้อฟอร์ดสีเทาดำ ไปหาป้าอี๊ดที่บ้านขณะนั้นป้าอี๊ดอยู่บ้านเพียงลำพังคนเดียว โดยได้พาป้าอี๊ดไปทำธุรกรรมทางการเงิน ระหว่างขับรถมาด้วยกัน ยามแดง อ้างว่า ได้เอ่ยปากขอยืมเงินป้าอี๊ดจำนวน 1 แสนบาท เนื่องจากมีความจำเป็นต้องการใช้เงิน เพื่อนำไปไถ่ถอนที่ดินซึ่งจำนองไว้ที่บ้านจังหวัดสกลนคร และกำลังจะถูกขายทอดตลาด แต่ถูกป้าอี๊ดปฏิเสธ จึงทำให้ตัวเองเกิดความกดดัน เพราะจำเป็นต้องการใช้เงิน




จากนั้นยามแดงก็ได้ไปเปิดห้องพักรายวันใน ต.นายายอาม อ.เมือง จ.จันทบุรี เพื่อจะพูดคุยประวิงเวลาในการต่อรองการยืมเงินแต่ยังถูกปฏิเสธและป้าอี๊ดมีการด่าทอ ยามแดงจึงเกิดความไม่พอใจ ลงมือทำร้ายป้าอี๊ด ด้วยการบีบคอจนเสียชีวิต ภายในห้องพัก ซึ่งขณะก่อเหตุไม่มีใครพบเห็นเหตุการณ์ และยามแดงคิดอะไรไม่ออก จึงจับร่างป้าอี๊ดซึ่งเสียชีวิตแล้วเปลือยกาย พร้อมกับมัดมือไพล่หลัง


กระทั่งพลบค่ำจึงนำศพป้าอี๊ดขึ้นรถกระบะ และนำศพไปทิ้งในบ่อน้ำเพื่ออำพลางคดี กระทั่งตำรวจสืบทราบว่า ตนเองเป็นคนร้ายที่ฆ่าป้าอี๊ด และติดตามจับตัวได้ดังกล่าว ทั้งนี้ ตำรวจยังสืบทราบว่า ยามแดง มีพฤติกรรมยืมเงินคนรู้จักหลายคน และไม่ทราบว่าจะเอาไปทำอะไรด้วย


จากนั้นประมาณ 09.45 น. ตำรวจจึงคุมตัว รปภ.แดง ออกจากห้องผู้กำกับ สภ.ปากน้ำประแสร์ เพื่อนำตัวออกไปชี้จุดก่อเหตุ โดยระหว่างคุมตัวออกมา นักข่าวพยายามสอบถามว่า ยืมเงินไปจำนวนเท่าไร ทำไมถึงฆ่าป้าอี๊ด สำนึกผิดหรือไม่ โกรธแค้นอะไรยืมเงินไม่ได้ถึงต้องฆ่าเลยเหรอ และอยากจะพูดอะไรหรือไม่ ยามแดงไม่ตอบคำถาม พูดเพียงว่า “ขอโทษครับ ขอโทษครับ ผมขอโทษครับ” แต่ก่อนที่ตำรวจจะคุมตัวยามแดงขึ้นรถ ปรากฎนายพรชัย ลูกชายคนเล็กของป้าอี๊ด ที่ดักรออยู่ที่รถตำรวจเข้ามาต่อยยามแดงไป 1 หมัด พร้อมตะโกนด่าด้วยความโกรธที่ฆ่าแม่ตนเอง จนตำรวจเข้ามาห้าม


ชี้จุดหมกศพ งมบ่อเจอหลักฐานเพิ่ม


พ.ต.อ.พิมุข นาคขำพันธ์ ผู้กำกับ สภ.ปากน้ำประแสร์ เปิดเผยภายหลังสอบปากคำยามแดง ผู้ต้องหาฆ่าป้าอี๊ด ทิ้งศพในบ่อน้ำ ว่า ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ อ้างว่าขอยืมเงินจำนวน 100,000 บาท แต่ผู้เสียชีวิตไม่ให้จึงลงมือก่อเหตุ เบื้องต้น ตำรวจแจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่น และซ่อนเร้นอำพรางศพและจะไม่นำตัวยามแดง ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ เพราะกังวลเรื่องความปลอดภัย และผู้ต้องหาไม่ประสงค์ที่จะทำแผนด้วย


โดยระหว่างคุมตัวไปส่งศาลจังหวัดระยองฝากขัง ตำรวจได้คุมตัวยามแดงไปที่บ่อน้ำในสวนทุเรียน หมู่ที่ 4 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง เพื่อไปชี้จุดทิ้งศพ เมื่อไปถึงตำรวจได้ให้ยามแดงชี้จุดจากบนรถ จากนั้นจึงพาตัวผู้ต้องหาลงจากรถเพื่อสลับรถไปรถกระบะอีกคัน หลังเกรงในเรื่องความปลอดภัย และพาตัวไปยังศาลจังหวัดระยองทันที ระหว่างนี้ นักข่าวพยายามสอบถามยามแดงอีกครั้ง แต่ยามแดงมีสีหน้านิ่ง และไม่ตอบคำถามเช่นเดิม


โดยช่วงที่ตำรวจพาตัวยามแดงมาชี้จุด มีชาวบ้านยืนดูอยู่จำนวนหนึ่งเท่านั้น แต่ไม่ได้มีความวุ่นวายใด ๆ เกิดขึ้น จากนั้นตำรวจชุดสืบสวน พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ได้งมหายานหลักฐานเพิ่มเติม บริเวณบ่อน้ำจุดทิ้งศพ โดยหลังจากงมค้นหาประมาณ1 ชั่วโมง ก็พบเสื้อลายดอก 1 ตัว ซึ่งได้นำไปตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเป็นเสื้อของผู้เสียชีวิตหรือไม่ รวมถึงยังงมค้นหากลางของอื่น ๆ ด้วยซึ่งระหว่างงมค้นหา มีชาวบ้านและญาติ ๆ ของผู้เสียชีวิต มาติดตามดูการงมค้นหาด้วย


เปิดหลักฐานนาทียามเปิดห้องเชือด มัดศพขนทิ้งน้ำ


ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิด หลายมุมรถกระบะ 4 ประตูฟอร์ดสีเทา ยามแดงขับรถเข้ามาในซอยเทศบาล 9 ต.นายายอาม อ.เมือง จ.จันทรบุรี จับภาพรถขับเข้ามาที่ห้องเช่ารายวันได้ในเวลา 13.15 น. โดยจะสังเกตเห็นว่า หลังรถมีกล่องพลาสติกใส 2 ใบ นำเข้ามาด้วยตั้งแต่มาเปิดห้อง




จากนั้นเวลา 13.29 น. กล้องวงจรปิดจับภาพรถของยามแดงขับรถออกมาจากห้องเช่า ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลของ แม่บ้านที่ดูห้องเช่าว่า นายแดงมาเปิดห้องแล้วออกไปทันที จากนั้นเวลา 13.34 น. กล้องวงจรปิด จับภาพรถของยามแดงกลับเข้ามาห้องเช่าอีกครั้ง ท้ายรถยังคงมีกล่องพลาสติก 2 ใบเช่นเดิม


จนกระทั่งเวลา 18.18 น. กล้องวงจรปิดตัวนี้ก็จับภาพรถของยามแดงขับออกไปจากห้องเช่า ซอยเทศบาล 9 เพื่อนำศพไปทิ้งยังบ่อน้ำในสวนทุเรียน จ.ระยอง ซึ่งท้ายรถหลังกระบะก็ยังมีกล่องพลาสติก 2 ใบ แต่หากดูการจัดเรียงของกล่องจะเห็นว่า กล่องมีการขยับวางไม่เหมือนกันตอนที่ขับเข้าไป




มีข้อมูลจากชุดสืบสวนคลี่คลายคดีที่ยามแดงฆ่าป้าอี๊ด ทิ้งศพบ่อน้ำสวนทุเรียน ว่า พฤติการณ์ของยามแดงหลังจากบีบคอฆ่าป้าอี๊ดแล้ว ก็เอาศพขึ้นหลังรถ จากนั้นก็เอากล่องพลาสติกที่ใช้ใส่ของ 2 ใบที่อยู่หลังรถคลุม โดยใช้ 1 ใบคลุมจากฝั่งหัวเข้ามา และอีก 1 ใบใส่คลุมจากฝั่งเท้าเข้ามา แล้วพอไปถึงจุดทิ้งศพ ก็ทิ้งศพไปพร้อมกับกล่องที่ใช้คลุมหัว เหลือกล่องอีก 1 ใบ ที่คลุมฝั่งเท้าไม่ได้โยนทิ้งไปด้วย จากข้อมูลพบว่า กล่องดังกล่าวเป็นกล่องที่ใช้ไว้ใส่ของภายในบ้าน แต่กล่องสองใบนี้ติดอยู่หลังรถของลูกชายอยู่แล้ว จึงได้นำไปใช้ในการก่อเหตุ


ฆาตกรเปิดรีสอร์ทห้องหมายเลข 5 ฆ่าป้าอี๊ด



ทีมข่าวจึงได้ลงพื้นที่ไปยังห้องเช่าดังกล่าว และมาเจอกับนางสาวอ้อย (นามสมมติ) ผู้ดูแลรีสอร์ท เล่าให้ฟังว่า ยามแดงเข้ามาเปิดเช่าห้องพักเมื่อวันที่ 5 มี.ค. จริงเวลาประมาณ 14.00 น. โดยยามแดงเข้ามาจอดรถที่หน้าบ้านแล้วก็เดินแบบใจเย็น เข้ามาติดต่อเปิดห้องแบบค้างคืน แล้วตนเองก็ไปเปิดห้องหมายเลข 5 ให้เพราะเห็นว่ามีรถและจะได้เข้าออกสะดวก และวันดังกล่าวไม่มีลูกค้ามีห้องนี้เพียงห้องเดียวและตนเองก็ไม่ได้คุยอะไรกับยามแดง เพียงแค่สอบถามว่า ต้องเปิดแอร์ เปิดทีวีเลยไหม แล้วยามแดงตอบกลับมาว่า ยังไม่ต้องเปิดทีวี เพราะเดี๋ยวจะออกไปข้างนอก




จากนั้นตนเองก็พาไปดูห้องแล้วเก็บค่าห้องมา 350 บาท ให้กุญแจ แล้วก็เดินออกมาจากห้องพร้อมกัน แล้วยามแดงก็มาขึ้นรถขับวนออกไป ตอนนั้นยังไม่ไปเข้าไปใช้ห้องและตอนนั้นตนเองไม่รู้ว่ายามแดงมากับใคร ทั้งนี้ยามแดงกลับเข้ามาที่ห้องช่วงไหนตนเองไม่ทราบ เพราะสามารถเข้าได้ 2 ทาง


แต่เวลาประมาณ 5 โมงเย็น ตนเองกำลังจะกลับบ้านก็ขี่รถผ่านห้องพักนี้ เห็นยามแดงและป้าอี๊ด ยืนกันอยู่ข้างนอกห้อง จังหวะนั้นตนเองเลยตะโกนถามว่า “ยายทำไมไม่เข้าไปในห้อง” แล้วป้าอี๊ด ตอบว่า “แพ้แอร์ เลยอยู่ข้างนอก” ตนก็ถามไปว่าทำไมไม่ไปนั่งบนรถ ป้าอี๊ดก็บอก “เดี๋ยวไป” ตนเองก็สอบถามพูดคุยว่าเป็นคนที่ไหนยังไง เห็นสำเนียงเหมือนคนแถวนี้ เพราะเราไม่รู้ว่าเขามีเรื่องอะไรกัน เนื่องจากยามแดง อ้างว่า พาแม่มาหาหมอ เลยพาแม่มาพักที่นี่ แล้วเขาก็เรียกผู้ตายว่า “แม่” และป้าไม่ได้ดูวิตก ไม่ได้มีการส่งซิกขอความช่วยเหลือใด ๆ




ส่วนนายแดงก็ดูนิ่ง ๆ หน้าเรียบ ๆ และตอนนั้นผมยังไม่ได้ตัดเกรียน เหมือนกับที่หลังถูกจับกุมตัวแล้ว รวมถึงตอนที่ตนเองคุยกับป้าอี๊ด นายแดงก็ไปนั่งในรถแล้ว ก่อนที่ตนเองจะขี่รถออกมาก็ยังให้ป้าอี๊ดไปนั่งในรถเพราะข้างนอกร้อน และไม่ทราบว่าทั้งสองคนออกไปตอนไหน


หลังจากนั้นเช้ามาตนเองก็เข้าไปเก็บห้อง ซึ่งก็พบว่าห้องปกติมาก ที่นอนไม่มีการใช้งานใด ๆ มีการใช้แค่ห้องน้ำ เพราะสบู่ถูกฉีกออกเท่านั้น ไม่มีร่องรอยอะไรผิดปกติ ทั้งนี้ที่ผ่านมาก็ไม่เคยเห็นยามแดงมาใช้บริการ ซึ่งตนเองจำรถได้ ส่วนจะมีการฆ่าที่นี่หรือไม่ตนเองไม่ทราบ


โดยทีมข่าวได้เดินสำรวจจุดห้องพักดังกล่าว พบว่า จะเป็นห้องที่อยู่ห่าง ๆ กันประมาณ 5 เมตร เรียงกัน 5 ห้อง และห้องที่ยามแดงเปิด จะอยู่ริมด้านนอกถนน ซึ่งเป็นห้องหมายเลข 5 อยู่สุดท้ายใกล้กับทางออก จึงทำให้วนรถออกไปได้โดยไม่มีใครสงสัย

 

ยามแดงจบเกมเพราะกล่อง! แฉภาพเปิดห้องบีบคอ "ป้าอี๊ด" ช่อง 8 มัด ส่อวางแผนเชือด