จากกรณีเมื่อวันที่ 7 มี.ค. มีชาวบ้านไปพบศพนางฉวีวรรณ หรือ ป้าอี๊ด อายุ 69 ปี ถูกฆ่าเปลือย มือถูกมัดเชือกไพล่หลัง ศีรษะถูกกางเกงคลุมและยัดใส่กล่องพลาสติก โยนทิ้งสระน้ำในสวนทุเรียน ในพื้นที่ ริม ถ.ไร่อ้อย-เขายายพริ้ง ม.4 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง ซึ่งห่างจากบ้าน 13 กิโลเมตร


ต่อมาตำรวจชุดสืบสวนจึงได้นำกำลังไปตรวจค้นบ้านของผู้เสียชีวิต พร้อมกับเชิญตัวลูกทั้ง 5 คนของผู้ตาย รวมถึงบุคคลใกล้ชิด สอบปากคำอย่างละเอียด เนื่องจากเชื่อว่า ป้าอี๊ด น่าจะถูกฆาตกรรมจากบุคคลใกล้ชิด หลังพบหลักฐานชายปริศนาขับรถกระบะผ่านกล้องวงจรปิดของชาวบ้านใกล้จุดพบศพ และพบว่ากระบะของลูกชายมีรอยดิน เศษเส้นผมปริศนาด้วย นั้น


ช่อง 8 เจอหลักฐานรถต้องสงสัย คาดขนศพ "ฉวีวรรณ" ถ่วงน้ำ


ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิดนาทีสำคัญ เวลาประมาณ 18.54 น. ช่วงค่ำของวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งจะเห็นรถกระบะยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีเทาดำ คาดว่าเป็นรถของนายแดง ชายคนสนิทของป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิต ได้ขับรถผ่านกล้องวงจรปิดของชาวบ้าน มุ่งหน้าบ่อน้ำที่พบศพ ซึ่งอยู่ห่างไปประมาณ 200 เมตร




จากภาพจะเห็นว่า บริเวณท้ายรถกระบะคันดังกล่าว มีกล่องพลาสติกสีขุ่นขนาดใหญ่อยู่ท้ายรถ 2 กล่อง ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับกล่องพลาสติกที่ครอบหัวศพป้าอี๊ดไว้ จากนั้นเวลา 19.03 น. รถกระบะคันเดิมได้ขับออกจากบ่อน้ำจุดทิ้งศพ โดยบริเวณท้ายกระบะรถ เหลือกล่องพลาสติกเพียง 1 กล่องเท่านั้น


ยามคนสนิทฉวีวรรณช็อก สื่อบุกหาปัดไม่ได้ฆ่า


ขณะที่ทีมข่าวได้ไปพบกับ นายเจริญ หรือ แดง รปภ. ธนาคารแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นอีกคนหนึ่งที่สนิทกับป้าอี๊ด ซึ่งทีมข่าวได้สอบถามว่ารู้จักกับป้าฉวีวรรณหรือไม่ ซึ่งเจ้าตัว บอกว่า รู้จักเพราะเป็นคนบ้านเดียวกัน แต่ไม่เคยไปช่วยป้าฉวีวรรณทำธุรกรรมอะไรเลย ส่วนที่มีข่าวว่าตนไปตีสนิทกับคนที่มาทำธุรกรรมทางการเงิน ตนก็แปลกใจที่ผ่านมาทำตามหน้าที่แค่ช่วยเหลือลูกค้าที่มาธนาคาร เช่น ใครเขียนหนังสือไม่ได้ตนก็เข้าไปช่วยเหลือเท่านั้น แต่กรณีของป้าอี๊ดเห็นเคยบ่นว่ามีเรื่องลูกชายติดยา หลัง ๆ ไปติดผู้หญิง แต่ตนก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก เพราะนาน ๆ เจอกันครั้ง ซึ่งตนเจอป้าอี๊ดครั้งสุดท้ายหลังปีใหม่ช่วง ม.ค. ที่ผ่านมา




เมื่อนักข่าวถามย้ำอีกครั้งว่าไม่รู้จักกับป้าอี๊ดจริง ๆ ใช่หรือไม่ ยามแดงก็ยืนยันกลับมาว่า ตนก็เพิ่งรู้จากนักข่าวนี่แหละเรื่องการตายของป้า ตนตกใจนะ ใจหายมาก ซึ่งตนไม่ได้คบหากับป้าอี๊ดเชิงชู้สาว เพราะฝ่ายหญิงอายุเยอะกว่าตนหลายปี วันนี้ทราบข่าวดีเลยตนจะได้ไปร่วมงานศพ


ล่าสุดทีมข่าวพบรถของนายแดงแล้ว โดยพบว่าจอดอยู่ในสถานที่ราชการแห่งหนึ่ง ในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี ซึ่งขัดกับคำให้สัมภาษณ์ของนายแดงที่อ้างว่ารถจอดอยู่บ้าน ในพื้นที่จังหวัดระยอง


พี่แฉ ยามมากินข้าวกับฉวีวรรณ ก่อนเป็นศพ


ทีมข่าวได้เดินทางย้อนกลับไปที่บ้านของป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิต โดยพบกับยายหนู อายุ 73 ปี พี่สาวป้าอี๊ด ผู้ตาย ให้ข้อมูลว่า ตนเองได้เจอกับน้องสาวครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 5 มี.ค. และ 2 วันก่อนจะพบเป็นศพ โดยน้องสาวได้เดินทางมากับนายแดง ทราบว่า เป็น อดีต รปภ. ของธนาคารสาขาหนึ่งใน จ.จันทบุรี ซึ่งมีความสนิทสนมกับน้องสาวตนเองมาระยะหนึ่ง แต่ตนเองไม่เคยเจอหน้า เพิ่งเคยเห็นนายแดงครั้งแรกวันนั้น เพราะน้องสาวจะฝากเงินเวลาขายทุเรียนได้ที่ธนาคารแห่งนี้เป็นประจำ


โดยก่อนจะเดินทางมาหาตนเองที่บ้าน น้องสาวได้โทรศัพท์ทาหาตนเอง ชวนบอกว่าจะไปกินอาหารแถวริมทะเล และชวนตนเองไปด้วย ตอนแรกตนเองรับปากว่าจะไป ทำให้นายแดงได้ขับรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ด สีดำเทา พาน้องสาวมาหาที่บ้าน เวลาประมาณ 12.00 น. แต่ระหว่างนั่งคุยกันในบ้าน ตนเองนึกขึ้นได้ว่าติดธุระช่วงเย็น จึงเปลี่ยนใจไม่ไปกินข้าวด้วย จากนั้นน้องสาวและนายแดง จึงได้มานั่งกินข้าวที่บ้านของตนเอง นั่งพูดคุยกันปกติถึงเวลาประมาณ 14.00 น.




กระทั่งน้องสาวและนายแดงขอตัวเดินทางกลับ โดยน้องสาวบอกว่า เดี๋ยวจะกลับบ้านแล้ว โดยมีนายแดงขับรถกระบะไปส่ง ตนเองตอนนั้นก็ไม่ได้เอะใจอะไร จากนั้นตนเองก็ติดต่อน้องสาวไม่ได้อีกเลย มาทราบอีกทีว่า น้องสาวถูกฆาตกรรมทิ้งศพลงบ่อน้ำแล้ว ซึ่งตนเองเสียใจมาก


ยายหนู ยังเล่าให้ทีมข่าวฟังอีกว่า ย้อนกลับไป เมื่อ 29 ก.พ. ก่อนเกิดเหตุ น้องสาวของตนเองยังเคยชวนตนเองนั่งรถไปทำธุระที่ธนาคาร และโรงรับจำนำ เอาสร้อยข้อมือทองไปขายอยู่ ซึ่งตอนนั้น น้องสาวได้เดินทางไปธนาคารก่อน เบิกเงินออกมา 25,000 บาท จากนั้นค่อยไปต่อที่โรงรับจำนำเพื่อนำทองไปขาย และเดินทางไปธนาคารกรุงเทพฯ เพื่อเอาเงินไปเข้า ซึ่งตลอดการทำธุรกรรมของน้องสาว ตนเองไม่รู้ว่าน้องสาวไปทำอะไรกับใคร เพราะแยกกันไปทำธุระของตัวเอง แต่จำได้ว่าวันนั้น น้องสาวได้พูดเล่นกับตนเองว่า สวนทุเรียนรอบล่าสุดที่จะถึงนี้ ไม่รู้ว่าจะได้เงินเท่าไร คาดว่าน่าจะได้เงินสัก 5 แสนก็คงดี จะได้เอาเงินไปใช้จ่ายเก็บธนาคาร ตนเองไม่คิดเลยว่าน้องสาวจะมาถูกฆ่าตายแบบนี้ ซึ่งคนที่อยู่กับน้องสาวคนสุดท้ายนั้นก็คือ นายแดง


ลูกชี้รูปยาม ฟันธงสนิทฉวีวรรณ


ล่าสุดวันนี้ตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวลูกทั้ง 5 คน ของป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิตเดินทางมาสอบปากคำพร้อมเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้เป็นหลักฐาน ขณะเดียวกันด้านนายแอ๊ว ซึ่งเมื่อวานนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่า ถูกตำรวจพุ่งเป้าเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับ 1 ซึ่งเป็นลูกชายของผู้เสียชีวิตคนที่ 4 โดยเมื่อวานนี้ตำรวจได้นำตัวมาเค้นสอบตลอดทั้งคืน วันนี้ยังสอบปากคำยังไม่แล้วเสร็จ แต่เบื้องต้นนายแอ๊วถูกตำรวจแจ้งข้อหาเสพยาไว้ก่อน 1 คดี




โดยระหว่างการสอบปากคำนายแอ๊ว ทีมข่าวได้สังเกตเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำรูปภาพถ่ายชายบุคคลหนึ่งให้นายแอ๊วดู และสอบถามบางอย่าง ซึ่งชายในภาพคาดว่า คือ นายแดง ซึ่งตัวละครใหม่ โดยเป็นชายอีกคนที่ป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิต พักหลังได้สนิทสนมด้วย โดยนายแดง มีอาชีพเป็น รปภ. ที่ธนาคารแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.จันทบุรี


ยามแดง รับแล้ว รถขนกล่องเป็นของตัวเอง ปัดขนศพ


ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ทีมข่าวได้เดินทางไปตามหา ยามแดง หรือนายเจริญ รปภ. ธนาคารแห่งหนึ่ง ในเมืองจังหวัดจันทบุรี ซึ่งขณะที่ทีมข่าวเดินทางไปตามหาพบว่า นายแดงยังคงทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอยู่ที่ธนาคารยังไม่เลิกงาน โดยเจ้าตัวได้ใช้ชีวิตตามปกติ


จากนั้นทีมข่าวได้เข้าไปสอบถามนายแดง ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าทราบหรือไม่ที่ ป้าอี๊ดถูกฆาตกรรมเสียชีวิต โดยนายแดงได้ยิ้มและบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ตนเองก็เพิ่งทราบจากนักข่าววันนี้ว่าป้าอี๊ดเสียชีวิต และยอมรับว่าใจหายมาก




ทีมข่าวได้ถามต่อว่าวันที่ 5 มีนาคม นายแดงอยู่ที่ไหน โดยเจ้าตัวมีท่าทีลุกลี้ลุกลน พร้อมกับบอกว่า ตนเองทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ากะตั้งแต่ 7 โมงเช้าของวันที่ 4 มีนาคม และเลิกงานอีกที 7 โมงเช้าของวันที่ 5 มีนาคม


หลังจากนั้นตนเองได้ขับรถยนต์ฟอร์ดของตนเองจากที่ทำงานกลับบ้านถึงบ้าน เวลาประมาณ 9 โมงเช้าของวันที่ 5 มีนาคม หลังจากตนเองกลับมาที่บ้าน ตนเองได้เข้าสวนทุเรียน และสวนเงาะ ตัดไม้ภายในสวน กินข้าวเที่ยงที่บ้าน และทั้งวันไม่ได้ออกจากไปไหนจนถึง 6 โมงเย็น จากนั้นช่วง 1-2 ทุ่ม ก็เข้านอนตามปกติ


จากนั้นทีมข่าวได้เปิดภาพจากกล้องวงจรปิด รถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดที่บรรทุกกล่องพลาสติกเข้าจุดทิ้งศพให้นายแดงดูว่าใช่รถรุ่นเดียวของนายแดงหรือไม่ โดยทันทีที่นายแดงเห็นรถตามกล้องวงจรปิด เจ้าตัวแวบแรกได้ยืนยันว่า รถคันดังกล่าวเป็นของตนเองจริง เนื่องจากทั้งสี ลายด้านข้าง และรุ่นของรถยนต์เป็นรถฟอร์ดตัวเดียวกับของตนเองจริง ส่วนกล่องที่อยู่บริเวณท้ายรถ เจ้าตัวอ้างว่า ปกติรถของตนเองมีกล่องเสื้อผ้าวางอยู่ท้ายรถอยู่แล้ว แต่จะเป็นกล่องพลาสติกสีฟ้า ไม่ใช่สีขาวขุ่นเหมือนในภาพ


จากนั้นนายแดงได้ถามกลับทีมข่าวว่า รถคันดังกล่าวในกล้องวงจรปิดที่นักข่าวไปได้อยู่จุดไหน ทีมข่าวจึงบอกว่า อยู่ในพื้นที่ ต.กองดิน ม.4 ใกล้จุดพบศพป้าอี๊ด ทันใดนั้น นายแดง จึงรีบตอบนักข่าวว่า ตนเองไม่ได้ขับรถไปแถวนั้นในเวลานั้นเลย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม ตนเองอยู่แต่บ้าน และรถที่ให้ในกล้องอาจจะเป็นรถที่คล้ายกับรถยนต์ตนเองก็ได้ ไม่ใช่ตนเองแน่นอน




ส่วนเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับป้าอี๊ดยอมรับว่า ที่ผ่านมารู้จักกันในฐานะญาติผู้ใหญ่ และป้าอี๊ดเคยเป็นลูกค้าที่ธนาคาร สมัยตนเองยังทำงานอยู่ที่นั่นและบ้านก็อยู่ไม่ไกลกันมาก โดยตนเองอยู่ ต.กองดิน อ.แกลง ทำให้เคยไปมาหาสู่ที่บ้านของป้าอี๊ด แต่ไม่ได้ไปอยู่ลำพังสองคน เพราะป้าอี๊ดชวนหลายคน เหมือนกับใครผ่านไปแถวนั้นก็จะชวนกินข้าว ซึ่งครั้งสุดท้ายที่ไปที่บ้านป้าอี๊ด ก็คือเดือน “มกราคม” และไม่เจออีกเลย


ยืนยันตัวเองพูดความจริงไม่ได้โกหกนักข่าว ทีมข่าวถามต่อว่ามีอะไรอยากบอกป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิต เจ้าตัวบอกตนเองรู้สึกสงสาร ในฐานะที่คนเคยรู้จักกัน และอยากให้ตำรวจจับตัวคนร้ายให้ได้โดยเร็ว พร้อมกับมองว่าการกระทำของคนร้ายถือว่าโหดเหี้ยมเกินมนุษย์มาก ไปทำกับคนแก่ขนาดนี้ได้อย่างไร


ทีมข่าวถามต่อว่า จริงหรือไม่ที่นายแดงเคยมีประวัติเคยถูกให้ออกจากงานจนต้องเปลี่ยนงานมาเป็นเจ้าหน้าที่ รปภ. ที่ธนาคารแห่งนี้ เนื่องจากเคยมีลูกค้าร้องเรียนเพื่อพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และชอบตีสนิทลูกค้า ลางานหลายวันโดยไม่แจ้ง แถมยังอาสาประมูลของหลุดจำนองของธนาคาร ซึ่งเคยรับเงินจากลูกค้ามาแล้วหลายหมื่นบาท แต่ไม่นำเงินมาประมูลของจนถูกลูกค้าร้องเรียน ทางธนาคารจึงขอเปลี่ยนตัว รปภ. และส่งกลับยังต้นสังกัด นายแดงยืนยัน ไม่เป็นความจริง


จับพิรุธยามแดงพูดไม่จริง เจอภาพออกจากบ้านตอนเช้า - กลับเย็น


ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพหลักฐานกล้องวงจรปิดชิ้นสำคัญ เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา หลังจากสัมภาษณ์นายแดงไปรอบแรก ซึ่งรอบแรกนายแดงอ้างว่าตนเองไม่ได้ออกจากบ้านในวันที่ 5 มีนาคม ไปไหน และอยู่แต่ในสวนทุเรียน จากนั้นทีมข่าวได้เปิดภาพกล้องวงจรปิดช่วงเวลา 10.23 น. (2 มุม) ซึ่งจะเห็นรถยนต์ยี่ห้อฟอร์ดของนายแดงขับออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังบ้านของป้าอี๊ด


และช่วงเวลา 19.20 น. รถนายแดง ได้ขับมุ่งหน้ากลับบ้าน โดยนำคลิปวงจรปิดถามนายแดง สรุปแล้ว นายแดงโกหกนักข่าวหรือไม่ เนื่องจาก ตอนแรกเจ้าตัวออกว่าไม่ได้ออกไปไหน แต่เมื่อนายแดงได้เห็นภาพกล้องวงจรปิด เจ้าตัวผงะเล็กน้อย พร้อมยอมรับว่า รถช่วงเช้าเป็นรถของตัวเองจริง และพลิกลิ้นอ้างว่า ตนเองจำผิด ในวันที่ 5 ช่วงเช้า ตนเองเดินทางไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านค้าใกล้บ้าน และกลับเข้ามาไม่ถึง 10 นาที แต่ทีมข่าวย้อนกล้องดูกลับไม่พอรถนายแดงขับกลับ แต่ไปพบ 19.20 น. นายแดงถึงขับกลับ ซึ่งนายแดง บอกว่า ตนเองลืมบอกนักข่าว และอาจจะผิดวัน ตนเองไปซื้อก๋วยเตี๋ยวจริงช่วงเช้า แต่ช่วงค่ำที่เห็นรถตนเองขับกลับ น่าจะไม่ใช่รถของตนเอง อาจจะเป็นรถคล้ายกันมากกว่า


ด่วน ! ตำรวจล็อกตัวยามแดง พาเค้นสอบโยงฆ่าฉวีวรรณ


ล่าสุดเมื่อ 20.20 น. หลังจากที่นายแดงได้หายตัวไปปริศนา ทำให้ตำรวจชุดสืบสวนจำเป็นต้องแสดงตัวและเข้าไปตรวจหาดูว่านายแดงอยู่ที่ไหน ปรากฏว่าตำรวจไปพบนายแดงไปแอบอยู่ภายในห้องครัว ชั้น 2 ของธนาคาร ตำรวจจึงพยายามทำความเข้าใจว่า ไม่ได้จะมาจับนายแดง แต่เพียงมาดูเท่านั้นว่าตัวนายแดงยังอยู่ดีหรือไม่ โดยนายแดงปฏิเสธที่จะกลับบ้านทั้งที่หัวหน้างานได้สั่งหยุดงานชั่วคราวแล้ว โดยอ้างว่าไม่อยากกลับ เนื่องจากเครียดที่ถูกตกเป็นผู้ต้องสงสัย
และไม่ยอมขับรถกลับบ้าน ทางนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานเพื่อออกหมายจับคนร้าย ซึ่งยังไม่มีความชัดเจนว่า นายแดงเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ตอนนี้ยังเป็นผู้บริสุทธิ์


ย้อนไปก่อนที่ยามแดงจะหายตัวปริศนา ทีมข่าวพบว่า เมื่อช่วง 19.30 น. นายแดงได้เข้าไปในร้านตัดผม ตัดผมหัวเกรียนแล้วเจ้าตัวได้เดินออกจากร้าน โดยทีมข่าวได้สอบถามนายแดงถึงสาเหตุทำไมต้องตัดผมเวลานี้ เจ้าตัวอ้างว่า ตนเองนั้น มักจะตัดผมทุก ๆ 15 วันอยู่แล้ว ตัดเป็นปกติ ยืนยันไม่ได้ตั้งใจแปลงโฉมหรือหนีความผิดอะไรทั้งนั้น ตนเองพร้อมให้ความร่วมมือกับนักข่าวตลอด




แต่ล่าสุดตนเองมีเรื่องจะแจ้งนักข่าวรู้ว่า ล่าสุด ตนเองถูกหัวหน้างานอาจจะให้ออกจากงานแล้ว เนื่องจากถูกติติงเรื่องการให้นักข่าวเข้ามาสัมภาษณ์ตนเองในสถานที่ธนาคาร แต่ก็ไม่เป็นไรตนเองไม่โกรธนักข่าว และยินดีให้ความร่วมมือ


ส่วนเรื่องรถของตัวเองตอนนี้อยู่ที่ไหน ตนเองไม่อยากบอกสถานที่ เนื่องจากกลัวจะผิดระเบียบ เพราะนำไปจอดไว้ที่ลานจอดรถที่สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง แต่ยืนยันว่า ไม่ได้นำไปปิดบังอะไรใคร ส่วนเรื่องกล่องพลาสติกท้ายรถในกล้องวงจรปิดทำไมต้องนำไปไว้ท้ายรถ เพราะควรเอาไว้ในรถถ้าเป็นกล่องเสื้อผ้า นายแดงอ้าง มันติดเป็นนิสัยไปแล้ว


ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมช่วงเช้าของวันที่ 6 มีนาคม ซึ่งเป็นวันก่อนพบศพป้าอี๊ด 1 วัน โดยพบว่านายแดงยังคงเดินทางมาทำงานปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น โดยวงจรปิดภาพนิ่งจะเห็น ก่อนที่นายแดงจะมาทำงาน ช่วงเช้าวันที่ 6 ได้ซ้อนท้าย จยย. สีขาวของชายคนหนึ่ง เพื่อมาทำงาน


เมียลุงแดงไม่รู้ผัวรู้จักคนตาย เผยกระบะแต่งสูงเป็นของลูกชาย


ขณะที่ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ้านของลุงแดง อ.แกลง จ.ระยอง พบว่าเป็นบ้านสีชมพูชั้นเดียว ในสภาพใหม่ อยู่ติดกับสวนทุเรียนและสวนยางพารา แต่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน จึงได้ตะโกนเรียกลุงแดง อยู่เกือบ 5 นาที แต่ปรากฏไม่มีใครตอบรับกลับมา และพบว่าหน้าบ้าน หน้าต่างเปิดแง้ม ๆ อยู่




ทีมข่าวจึงได้เฝ้าอยู่ที่บ้านจนกระทั่งเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา เมียของลุงแดง อายุ 52 ปี ได้กลับจากทำสวนพร้อมกับเปิดเผยว่า สามีตนเองทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยแต่ไม่ค่อยได้กลับบ้านและไปทำความผิดมาหรือไม่นั้น ตนเองไม่ทราบ


ซึ่งล่าสุดเมื่อคืนนี้ยังกลับมานอนที่บ้าน และตอนเช้าก็ตื่นไปทำงานตามปกติไม่ได้มีท่าทางพิรุธ หรือเหมือนคนหวาดระแวงทำอะไรผิดมา ซึ่งตนเองยังไม่รู้เลยว่าสามีตนเองไปรู้จักกับป้าอี๊ดตั้งแต่เมื่อใด แต่ยอมรับว่าสามีตนเองใช้รถฟอร์ดสีเทาคาดดำ ซึ่งเป็นรถของลูกชาย ขับไปทำงานหรือไปไหนมาไหนมาโดยตลอด แต่ส่วนจะไปทำความผิดอะไรมาหรือไม่นั้น ตนเองไม่ขอรับรู้และไม่เกี่ยวข้องด้วย




ขณะที่ทีมข่าวลงพื้นที่มาพูดคุยกับ นายรังสรรค์ อายุ 37 ปี คนดูแลสวนที่พบศพของผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าส่วนตัวรู้จักกับลุงแดงมาได้ประมาณ 6-7 ปีแล้วจริง ๆ ลุงแดงก็เป็นคนดี ซึ่งตนเคยทำงานอยู่กับลุงแดงมาก่อน ส่วนตัวไม่ทราบความสัมพันธ์ระหว่างลุงแดงกับผู้เสียชีวิตว่ารู้จักกันหรือสนิทกันได้อย่างไร แต่ที่บ้านลุงแดงหลังใหญ่และมีรถขับนั้น ส่วนหนึ่งมาจากการโค่นต้นยางขายแล้วนำไปปลูกบ้านเมื่อหลายปีก่อน ซื้อรถฟอร์ดที่ลุงแดงขับนั้นจะมีอยู่เพียงคันเดียวเท่านั้นในซอยบ้านของลุงแดง ส่วนชื่อรถคันนี้จะเป็นของลุงแดงหรือลูกชายตนนั้นไม่แน่ใจ ตอนนี้ลุงแดงตกเป็นผู้ต้องสงสัยอีกหนึ่งราย ซึ่งตนก็ไม่ปักใจเชื่อว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุตัวจริงหรือไม่ คงต้องรอการตรวจสอบพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการหาตัวคนร้าย


ช่อง 8 เจอแล้วรถกระบะโผล่ใกล้ศพ เจ้าของบอกหมดเกิดอะไร


ต่อมาขณะที่ทีมข่าวกำลังไล่ภาพกล้องวงจรปิดในพื้นที่ ทีมข่าวได้ขับรถไปพบกับรถกระบะต้องสงสัยคันเมื่อวานนี้ ซึ่งปรากฏในภาพวงจรปิดเห็นรถกระบะคันดังกล่าว หยุดจอดหน้าบ้านของชาวบ้านที่มีกล้องวงจรปิด โดยมีชายปริศนาเปิดกระจกส่องดูกล้องวงจรปิดว่าทำงานอยู่หรือไม่ ซึ่งกระบะคันดังกล่าวไปโผล่อยู่ใกล้จุดพบศพเพียง 200 เมตร เมื่อ 6 มีนาคม ก่อนวันพบศพ 1 วัน




จากนั้นทีมข่าวได้ขับรถตาม กลับโบกรถกระบะคันกล่าวให้ช่วยจอดรถข้างทาง เนื่องจากลักษณะล้อรถและตัวรถเป็นคันเดียวกับกล้องวงจรปิด จากนั้นกระบะคันดังกล่าวได้จอดรถข้างทาง พร้อมกับจอดรถให้ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางเข้าไปสอบถาม ปรากฏว่าเจ้าของรถคันดังกล่าวนั้น ชื่อนายสัง ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องกับป้าอี๊ดผู้เสียชีวิต โดยนายสัง ยอมรับว่า รถตนเองได้ขับรถกระบะไปจอดหน้าบ้านของเจ้าของสวนทุเรียนในวันดังกล่าวจริง


ส่วนที่ต้องหยุดรถลดกระจกครึ่งหนึ่ง และเอามือป้องแสงแดดเวลานั้นแสงแยงตา และตนเองไม่ได้มีเจตนาเอามือบังใบหน้าหลบกล้องวงจรปิด แต่พยายามจะส่องดูเจ้าของสวนทุเรียนเพราะรู้จักกัน และตนเองเป็นนายหน้าค้าทุเรียนที่จะติดต่อซื้อทุเรียนเท่านั้น แต่เมื่อมาถึงไม่เห็นใครจึงได้ขับรถไป


ยืนยันตนเองไม่เกี่ยวข้อง หรืออยู่ในขบวนการฆ่าป้าอี๊ดแน่นอน เพราะไม่เจอกันนานแล้ว และไม่รู้จักกับนายแดงด้วย และตนเองล่าสุดช่วงเช้าตนเองได้เดินทางไปให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว ซึ่งตนเองตกใจมากที่เพิ่งมาเห็นรถของตนเองออกข่าว


ลูกชายร่ำไห้ถูกเค้นหนัก ย้ำวันแม่ตายอยู่บ้าน


หลังจากช่วงเช้าที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เชิญตัวลูกทั้ง 5 คน ของป้าอี๊ด มาสอบปากคำที่สภ.ปากน้ำประแสร์ จ.ระยอง พร้อมเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอไว้เป็นหลักฐาน โดยทันทีที่ลูกของป้าอี๊ดทั้งหมดถูกนำตัวไปสอบปากคำ นายวุฒิ หนึ่งในลูกชายคนที่ 3 ของป้าอี๊ด ได้โวยผู้สื่อข่าวแต่ละสำนัก ที่พยายามจะสงสัยในตัวของนายแอ๊ว น้องชาย เนื่องจากมีประวัติยาเสพติด ซึ่งเจ้าตัวรับประกันว่า น้องชายของตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่ใช่คนฆ่าอย่างที่ ตาวิว เพื่อนชายคนสนิทสงสัย




ส่วนนายแอ๊ว ลูกชายคนที่ 4 ช่วงหนึ่งระหว่างการสอบปากคำตำรวจได้ให้นายแอ๊วดูรูปกางเกงลายสีฟ้าดำ ตัวที่พบในจุดเดียวกับร่างของแม่และไม่มีเชือกที่กางเกง ซึ่งเมื่อนายแอ๊วและลูก ๆ ที่อยู่ในห้องสอบปากคำเห็นก็มีการร้องไห้ ปาดน้ำตา โดยเฉพาะนายแอ๊ว


ซึ่งนายแอ๊ว ยืนยันกับพนักงานสอบสวนว่า กางเกงตัวนี้เป็นของแม่ตนเอง คือ นางฉวีวรรณ จริง และได้เขียนคำยืนยันเพื่อประกอบสำนวนคดีด้วย จากนั้นตำรวจได้นำตัวนายแอ๊ว ที่ถูกเชิญตัวมาสอบปากคำในฐานะคนใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต ไปคุมขังไว้ภายในห้องคุมขัง เนื่องจากนายแอ๊ว ถูกดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับการเสพยาเสพติด ผู้สื่อข่าวสอบถามนายแอ๊ว ถึงเรื่องกางเกงที่พบในจุดที่พบร่างแม่ นายแอ๊ว ตอบเพียงว่า "ให้เป็นหน้าที่ตำรวจ" และเมื่อถามว่าเสียใจหรือไม่ นายแอ๊ว รีบตอบว่า "เสียใจครับ" ส่วนลูก ๆ ของนางฉวีวรรณที่เหลือ ได้เข้าไปให้ปากคำเพิ่มเติมบริเวณชั้น 2 ของโรงพัก และปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์เช่นกัน

ช่อง 8 เปิดคลิปเด็ดจับโกหก "ยามแดง" ชี้เป้ารถต้องสงสัยคาดขนศพ "ฉวีวรรณ" ไปทิ้งน้ำ