จากกรณีเมื่อเวลา 08.00 น. วันนี้ (7 มี.ค. 2567) ตำรวจ สภ.ปากน้ำประแสร์ รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีคนไปพบศพหญิงถูกฆาตกรรม ลอยอืดในสระน้ำ สวนทุเรียน ริมถนนไร่อ้อย-เขายายพริ้ง ม.4 ต.กองดิน อ.แกลง จ.ระยอง โดยที่เกิดเหตุเป็นสระน้ำ กว้างประมาณ 2 ไร่ มีตลิ่งสูง 2 เมตร พบศพหญิงสภาพเปลือยกาย ถูกเชือกรองเท้ามัดมือไขว้หลัง คว่ำหน้าขึ้นอืด มีกล่องพลาสติกครอบศีรษะไว้ โดยมีกางเกงลายทางขาวดำ มัดคลุมศีรษะและใบหน้า คาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน ตรวจสอบโดยรอบไม่พบหลักฐานอื่นใด มีเพียงร่องรอยของต้นหญ้าที่ถูกเหยียบ




เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบไปยังพื้นที่ใกล้เคียง พบว่า มีการแจ้งความคนหาย ที่ สภ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี เป็นผู้หญิง ซึ่งมีความใกล้เคียงกับศพที่พบ เตรียมประสานญาติมาดูศพ พร้อมทั้งกระจายกำลังออกหาเบาะแส และตรวจสอบกล้องวงจรปิดในจุดใกล้เคียงที่เกิดเหตุเพื่อคลี่คลายคดี


ล่าสุดตำรวจชุดสืบสวนได้ออกกระจายกำลังกันค้นหาข่าว พร้อมกับได้ผลตรวจลายนิ้วมือจากศพ ผลปรากฏว่า ศพผู้เสียชีวิตนั้นออกมาแล้ว ระบุคือ นางฉวีวรรณ หรือ ป้าอี๊ด อายุ 69 ปี ชาวบ้านหมู่ 10 ต.กองดิน




วันนี้ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังบ่อน้ำจุดที่พบศพ พร้อมกับใช้โดรนบินดูภาพจากมุมสูงพบว่า บ่อน้ำดังกล่าวอยู่ติดถนนทางหลวงชนบทของชาวบ้าน โดยรอบเต็มไปด้วยสวนทุเรียนของชาวบ้าน ส่วนบริเวณทางลงบ่อน้ำ เจ้าหน้าที่ได้กั้นเชือกสีแดงไว้ 1 จุด คาดว่า เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่พบความผิดปกติ เนื่องจากมีร่องรอยหญ้าล้มลาดลงไปในบ่อน้ำ ซึ่งอาจเป็นจุดที่คนร้ายนำรถมาจอดและทิ้งศพบริเวณจุดนี้หรือไม่


จากนั้นตำรวจชุดสืบสวนได้รีบเดินทางไปบ้านของป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิต พบว่าบ้านของป้าอี๊ดอยู่ห่างจากจุดทิ้งศพประมาณ 13 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการขับรถไปถึง


ล่าสุดทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดสำคัญทั้ง 3 มุม ก่อนวันพบศพ 1 วัน ตามคำบอกเล่าของชาวบ้าน โดยพบว่าช่วงเวลาประมาณ 12.35 น. ของวันที่ 6 มี.ค. จะเห็นรถกระบะ สีบรอนด์เงิน ใส่ล้อแต่งซิ่ง ได้ขับมาจอดหน้าบ้านของชาวบ้าน พร้อมกับลดกระจก ซึ่งจะเห็นชายปริศนารายหนึ่งได้นั่งอยู่ภายในรถใช้มือป้องแดด คล้ายปิดบังใบหน้า และพยายามมองดูกล้องวงจรปิดของชาวบ้าน ใช้เวลาไม่กี่วินาที จากนั้นกระบะปริศนาดังกล่าว ได้ค่อย ๆ ขับออกจาก มุ่งหน้าจุดพบศพ ซึ่งห่างกันประมาณ 200 เมตร




ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นายภัทรพล ชาวบ้านที่อยู่ใกล้พบศพ ซึ่งบ้านอยู่ภายในสวนทุเรียน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวน่าสนใจว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 2 วันที่แล้ว (5 มี.ค.) ช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ตนเองกำลังขี่รถมอเตอร์ไซต์กลับเข้าสวน ระหว่างทางได้พบกับ รถยนต์กระบะ ยี่ห้อดีแมกซ์ ไม่ทราบสี จอดอยู่ในความมืดใกล้กับบ่อน้ำจุดพบศพ โดยมีการสตาร์ทเครื่องทิ้งไว้ จากนั้นได้มีชายหนึ่งคน ตนเองมองหน้าไม่ชัด ได้เดินลงจากรถ ส่วนอีกคนหนึ่งมองไม่ชัดว่าเป็นชายหรือหญิงนั่งอยู่ภายในรถ


จากนั้นตนเองได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับเข้าสวนโดยไม่ได้เอะใจอะไร กระทั่งเมื่อช่วงเช้าวันนี้มีชาวบ้านไปพบศพลอยน้ำอยู่บริเวณใกล้จุดที่ตนเองพบรถกระบะปริศนา ซึ่งปกติแล้วรถของชาวบ้านส่วนใหญ่จะไม่จอดอยู่บริเวณนั้น ตนเองจึงมองว่ารถกระบะคันดังกล่าวค่อนข้างมีพิรุธพอสมควร ส่วนเส้นทางจุดที่พบศพถึงแม้จะอยู่ติดถนนทางหลวงชนบท แต่แทบไม่มีคนนอกพื้นที่ใช้เส้นทางนี้ผ่านไปจังหวัดจันทบุรีเท่าไรนัก จะรู้กันเฉพาะชาวบ้านในพื้นที่เท่านั้น




ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ ป้าเอียด (นามสมมติ) ชาวบ้านอีกคนที่มีบ้านใกล้จุดพบศพประมาณ 200 เมตร ซึ่งบ้านของป้าเอียดนั้น มีกล้องวงจรปิดติดอยู่บริเวณหน้าบ้าน เธอให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เมื่อวานนี้ช่วงเวลาประมาณเที่ยง ตนเองนั่งพักอยู่ภายในบ้าน จากนั้นได้มีชายปริศนาขับรถกระบะสีบรอนซ์เทา มาจอดหน้าบ้านของตน จากนั้นชายปริศนาคนดังกล่าวได้ลดกระจกรถลงและพยายามเอามือป้องแสงแดด พร้อมกับมองส่องดูกล้องวงจรปิดที่อยู่บริเวณหน้าบ้านของตนเอง คล้ายกับกำลังตรวจสอบว่ากล้องของใช้งานได้หรือไม่ จากนั้นตนเองได้เดินออกมาจากบ้าน ก็เห็นชายปริศนาคนนั้นขับรถออกไปทันที


ส่วนรูปพรรณสัณฐานที่ตนเห็นนั้น เป็นชายลักษณะผมสั้น หัวเถิกเล็กน้อย ผิวดำแดง วัยกลางคน ซึ่งเท่าที่ตนเองเห็นหน้ายืนยันว่าไม่ใช่คนในพื้นที่ ซึ่งบ้านของตนเองนั้นถือว่า เป็นบ้านที่มีกล้องวงจรปิดใกล้จุดที่พบศพมากที่สุด ตนเองจึงไม่รู้ว่าชายปริศนาคนนั้นมาส่องกล้องวงจรปิดบ้านของตนเองมีวัตถุประสงค์อะไร




ต่อมาตำรวจได้เชิญตัวลูกชายและคนในครอบครัวของป้าอี๊ดเกือบทั้งหมด เดินทางไปให้ปากคำที่โรงพัก โดยก่อนที่จะนำตัวคนในครอบครัวของป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิต ไปสอบปากคำ ทีมข่าวได้พูดคุยกับผู้ต้องสงสัย 1 คน ที่ตำรวจกำลังพุ่งเป้าไป คือ อรงค์กต อายุ 36 ปี หรือ นายแอ๊ว ลูกชายของป้าอี๊ดคนที่ 3 ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวเคยมีประวัติเรื่องเสพยาเสพติด ซึ่งทันทีที่ทีมข่าวเข้าไปสอบถามนายแอ๊ว เจ้าตัวมีท่าทีลุกลี้ลุกลน ยุกยิกไปมา พยายามบ่ายเบี่ยงไม่อยากตอบคำถาม


ทีมข่าวพยามสอบถามว่าแม่หายไปวันไหน เจ้าตัวอ้างว่าตนเองไม่รู้ เนื่องจาก ที่ผ่านมาจะอาศัยอยู่ภายในสวนยางหลังบ้านของแม่ และไม่ค่อยออกมาเท่าไรนัก แต่ล่าสุดรู้ว่าแม่ยังมีชีวิตคือ ช่วงวันที่ 5 มี.ค. เวลาประมาณ 11 โมง โดยได้ยินเสียงแม่ผ่านทางโทรศัพท์เท่านั้น เนื่องจากตำรวจโทรศัพท์มาหาตนเองให้เข้าไปที่โรงพักเคลียร์เรื่องความขัดแย้งระหว่างตนเองกับพี่เขย




โดยแม่นั้นน่าจะไปโรงพักเพื่อเป็นกลางในการเจรจา ซึ่งก่อนหน้านี้ตนเองและพี่เขยมีปัญหากันทำร้ายร่างกายกันเรื่อง ที่ว่ากระถางน้ำยางของตนเองไปอยู่ในสวนยางพาราของพี่เขยที่สวนอยู่ติดกัน ซึ่งตนเองสงสัยว่า พี่เขยไปขโมยน้ำยางสวนตนเองไปขาย ซึ่งตนเองและพี่เขยได้มีเรื่องชกต่อยกัน เมื่อ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา


จากนั้นวันที่ 6 มี.ค. ตนเองได้เดินทางมาเอารถที่บ้านแม่ตอนเช้า เพื่อเอารถไปขายขี้ยาง แต่ไม่เห็นแม่เเล้ว ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ โดยนายแอ๊ว ได้บอกกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับการตายของแม่แน่นอน และตนเองสงสัยชาย 2 คน ซึ่งเป็นคนสนิทของแม่ คือ ตารงค์ กับตาวิว เพราะทั้งสองคนนี้สามารถเข้านอกออกในบ้านแม่ได้ตลอดเวลา




นอกจากนี้ ทีมข่าวยังเปิดภาพศพของป้าอี๊ดให้กับนายแอ๊วดู เพื่อตรวจสอบให้แน่ชัดว่าใช้กางเกงแม่ของตัวเองหรือไม่ ตามคำยืนยันของตำรวจ นายแอ๊วได้ดูรูปภาพพร้อมกับมีท่าทีลุกลี้ลุกลน เจ้าตัวยืนยันว่า ศพที่พบไม่น่าจะใช่แม่ของตัวเอง อ้างว่าแม่มีผมสั้นมากกว่าศพในภาพ


นอกจากนี้ ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ นางอดิศร ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 ต.กองดิน ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า ตนเองรู้สึกแปลกใจ ที่ป้าอี๊ดได้หายตัวไปอย่างปริศนา ตั้งแต่วันที่ 4-5 แต่ครอบครัวของป้าอี๊ด ทั้งนายแอ๊ว ลูกชาย และครอบครัวคนอื่น กลับไม่มีใครมาแจ้งตนเองซึ่งผู้เป็นผู้ใหญ่บ้าน หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ช่วยตามหาเลยสักคน และตนเองเพิ่งมาทราบจากตำรวจว่าศพที่พบเป็นป้าอี๊ดคนในหมู่บ้านของตนเองเมื่อช่วงเช้าวันนี้


ส่วนก่อนหน้าที่ป้าอี๊ดจะกลายเป็นศพ ป้าอี๊ดเคยมีปัญหา 2 เรื่อง เรื่องแรกเกิดขึ้นประมาณ 4-5 ปีแล้ว ป้าอี๊ดเคยมาร้องเรียนกับผู้ใหญ่บ้านคนเก่า เรื่องการแบ่งแยกที่ดินสมบัติสวนยางกับพี่น้อง แต่คาดว่าปัญหานี้น่าจะจบลงแล้วเนื่องจากเวลาผ่านไปนานแล้ว




ส่วนเรื่องที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อ 2 เดือนก่อน ผู้เสียชีวิตได้เดินทางมาที่บ้านของตนเองแต่เวลานั้นตนเองไม่อยู่ ป้าอี๊ดจึงได้ฝากบอกแม่ของตนเองที่อยู่บ้านว่า ให้ตนเองช่วยหาหน่วยงานใดก็ได้นำ นายแอ๋ว ลูกชาย ไปบำบัดยาเสพติดให้ที เนื่องจากรับพฤติกรรมของลูกชายไม่ไหวแล้ว โดยทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้กับตนเองติดต่อกลับ แต่เมื่อตนเองโทรศัพท์กลับไปหาป้าอี๊ดในวันต่อมา ป้าอี๊ดก็ไม่รับสายแล้ว ตนเองจึงคิดว่า ป้าอี๊ดกับลูกชายคงเคลียร์กันรู้เรื่องแล้ว กระทั่งป้าอี๊ดกลายเป็นศพแต่ตัวเองก็ไม่อยากปรักปรำใคร


ล่าสุดเมื่อช่วงค่ำที่ผ่านมา ทีมข่าวได้พบกับ ตาวิว หรือ นายบุญส่ง อายุ 69 ปี เพื่อนชายคนสนิทของป้าอี๊ด ผู้เสียชีวิต ซึ่งฝั่งลูกชายได้สงสัยว่าเจ้าตัวเป็นผู้ก่อเหตุฆ่าป้าอี๊ดหรือไม่ เนื่องจากเป็นคนสวนสนิทกับป้าอี๊ดมาก โดยตาวิว ได้เดินมาหาในวงผู้สื่อข่าวระหว่างตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานกำลังตรวจสอบโรงรถบ้านของป้าอี๊ดผู้เสียชีวิต


ตาวิว มีท่าทีเมาเหล้าแต่พอพูดคุยรู้เรื่อง ได้ให้ข้อมูลว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องการตายป้าอี๊ดอย่างที่ลูกชายป้าอี๊ดกล่าวหาแน่นอน ครั้งล่าสุดที่เจอป้าอี๊ดนั่งอยู่หน้าบ้าน แต่จำวันไม่ได้แน่ชัด น่าจะ 1-2 วันที่แล้ว ซึ่งวันนั้นไม่ได้พูดคุยอะไรกัน




ส่วนวันที่ 4 มี.ค. ตนเองยอมรับว่า ได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปกับป้าอี๊ดจริง โดยเป็นการพาไปซื้ออุปกรณ์การเกษตรที่จะนำมาทำสวนทุเรียน จากนั้นก็พากลับมาส่งที่บ้าน และตนเองก็ยังเข้า-ออกบ้านอยู่ตลอด เพราะต้องไปตัดยางให้ ส่วนที่นายแอ๊ว ลูกชาย อ้างว่า ได้ฝากเงินค่าขายขี้ยางให้ตนเอาไปให้ป้าอี๊ดในวันที่ 4 นั้น ตนเองไม่เจอนายแอ๊วอย่างที่นายแอ๊วอ้าง และปกติไม่เคยฝากเงินอยู่แล้ว


ตนเองเชื่อว่าป้าอี๊ดเสียชีวิตจากการฆาตกรรม ซึ่งน่าจะเป็นลูกชาย คือ นายแอ๊ว และลูกสะใภ้มีส่วนเกี่ยวข้องและเป็นคนลงมือแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เคยพบเห็นลูกสะใภ้ คือ ภรรยานายแอ๊ว มีปากเสียงทะเลาะกับป้าอี๊ดเป็นประจำ และนายแอ๊วก็มักจะชอบทำลายข้าวของที่บ้านเวลาเกิดอาการคลุ้มคลั่งจากยาเสพติดด้วย


นอกจากนี้ป้าอี๊ด เคยมาตัดพ้อให้ฟังเรื่องของการไปแจ้งตำรวจให้มาจัดการปัญหายาเสพติดกับลูกชายด้วย แต่ไม่มีใครมาดำเนินการ และป้าอี๊ดยังเคยมาปรึกษาเรื่องมรดกที่จะมีการแบ่งที่ดินให้กับลูกทั้ง 5 คนด้วย ซึ่งตนเองได้เสนอไปว่า “ทำไมไม่ขายที่แล้วเอาเงินไปเที่ยว แต่ป้าอี๊ดบอกรักลูกทุกคนมาก” ส่วนสมบัติมรดกของป้าอี๊ด แบ่งเป็นสวนทุนเรียนประมาณ 20 ไร่ สวนยางอีก 40-50 ไร่ บ้านและที่ดิน รวมถึงรถกระบะอีก 1 คัน




ล่าสุดเมื่อช่วง 2 ทุ่มที่ผ่านมา ตำรวจชุดพิสูจน์หลักฐานได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านและโรงจอดรถของผู้เสียชีวิต โดยจุดแรกที่เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ คือ บริเวณโรงจอดรถของผู้เสียชีวิต ซึ่งมีรถกระบะดีแมกซ์แคปของผู้ตายเอง จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบ เศษดินบางอย่างบริเวณท้ายรถ และเส้นพบปริศนา 1-2 เส้นตกอยู่ท้ายรถด้วย


นอกจากนี้เมื่อค้นภายในบ้านพักยังไปพบกับเงินสด จำนวน 25,000 บาท ซึ่งป้าอี๊ดได้ซุกซ่อนไว้อยู่บริเวณข้างที่นอนอีกด้วย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชุดพิสูจน์หลักฐานอย่างนำตัว ตาวิว ชายคนสนิท มาเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอ โดยเก็บตัวอย่างกะพุ้งแก้มไปตรวจสอบเปรียบเทียบอีกด้วย




ขณะเดียวกันทีมข่าวยังได้สอบถาม นางสาวกุ้ง (นามสมมติ) ภรรยาของนายแอ๊ว ลูกชายของผู้เสียชีวิต ซึ่งเป็นลูกสะใภ้ของผู้ตาย บอกกับทีมข่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อ 20 ก.พ. สามีของตนเองได้ทะเลาะกับพี่เขยและหลาน โดยทะเลาะวิวาทกันในสวนยางพารา เนื่องจากน้ำยางพาราสวนของสามีหายไป ซึ่งสงสัยว่าพี่เขยเป็นคนขโมยไป และบังเอิญสามีไปเจอกระถางน้ำยางของสามีไปตกอยู่สวนของพี่เขยซึ่งอยู่ติดกัน จึงทะเลาะและมีการทำร้ายร่างกายกันเกิดขึ้น


จากนั้นเมื่อ 23 ก.พ. ที่ผ่านมา ตนเองจึงเดินทางมาหาสามีที่บ้านเพื่อห้ามปรามสามี โดยมีป้าอี๊ดแม่ยายเป็นคนกลางในการช่วยไกล่เกลี่ย ระหว่างลูกชายกับลูกเขยทั้งสองคนด้วย แต่ทุกอย่างก็จบด้วยดีไม่มีปัญหา และวันอาทิตย์นี้กำลังจะเริ่มมีการแบ่งที่ดินทำกินกันใหม่เพื่อตัดปัญหา สุดท้ายทุกอย่างก็จบด้วยดี ซึ่งสามีก็ไม่ได้มีปัญหากับป้าอี๊ดด้วยซ้ำ ตนเองคิดว่า การเสียชีวิตของแม่ยายน่าจะเป็นบุคคลนอกมากกว่าคนในครอบครัวที่ลงมือฆ่า ซึ่งตนเองกำลังสงสัย 2 ชายคนสนิทซึ่งเป็นคนที่เคยมาตัดยางในสวนของแม่

ฆ่าเปลือยแม่เฒ่าโยนศพทิ้งน้ำ หลักฐานเด็ด เส้นผมปริศนาท้ายกระบะบ้านคนตาย