วันนี้ ( 6 มี.ค. 2567 ) เวลาประมาณ 10.00 น. ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหนองนาคำ หมู่ที่ 8 ว่ามีนายทิภากร อายุ 37 ปี ได้ทำร้ายร่างกายนางเที่ยง อายุ 91 ปี ที่ ซึ่งเป็นยายโดยใช้เท้าเตะเข้าที่ข้างหูด้านซ้าย จำนวน หลายครั้ง แล้วเดินหลบหนีออกจากบ้านไป และมีผู้นำนางเที่ยงฯ(ผู้ตาย) ส่งโรงพยาบาลเวียงเก่า ต่อมาได้รับแจ้งจาก รพ.ว่านางเที่ยงฯได้เสียชีวิต ในเวลาต่อมา

 

เปิดภาพผู้ต้องหาหลังก่อเหตุเดินทางเปล่าหลบหนี แบบปกติ ไม่ได้รีบร้อนหรือมีท่าทีพิรุธใดๆ ก่อนถูกจับกุม

 

จากนั้นเราได้รับภาพจากกล้องวงจรปิดในละแวกบ้านที่เกิดเหตุ  เวลา 08.13น.ของวันที่ 6 มีนาคม 67 จะเห็นนายทิภากรที่สวมใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินกางเกงขาสั้นไม่สวมรองเท้า เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าบ้านหลังนี้  เนื่องจากสุนัขภายในบ้านออกมาเห่า ก่อนสักพักจะเดินหลบมุมกล้อง  จากนั้นผ่านไปประมาณ 2 นาที (08.15) จะเห็นนายทิภากร รีบวิ่งหนีผ่านหน้าบ้านหลังนี้ไป โดยคาดว่าน่าจะกลัวสุนัขที่กำลังเห่า

 

ถัดมาประมาณเกือบ 10 นาที กล้องของร้านค้า อยู่ห่างจากบ้านที่เกิดเหตุ ประมาณ 1 กิโลเมตร จับภาพนายทิภากรเดินเท้าเปล่า ผ่านจุดนี้ไป แบบปกติ ไม่ได้รีบร้อนหรือมีท่าทีพิรุธใดๆ 

 

ส่วนกล้องอีกมุม ก็จะเห็นนายทิภากรเดินเท้าเปล่าผ่านหน้าร้านค้าไป 

 

ซึ่งหลังก่อเหตุนายป๋องเดินหนีไปไกลกว่า 10 กิโลเมตร ก่อนจะไปถูกตำรวจตามจับตัวได้ในช่วงบ่าย

 

ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่สภ. เวียงเก่า  พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายทิวากรผู้ต้องหา มาทำการสอบปากคำและบันทึกการจับกุมตัว โดยนายทิวากรยังอยู่ในอาการนิ่งเงียบ

 

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ควบคุมตัวนายทิวากร หรือ ป๋อง เข้าห้องขัง และในระหว่างนี้ทีมข่าวได้สอบถามปมเหตุที่นายทิวากรลงมือก่อเหตุทำร้ายยาย ซึ่ง ในช่วงแรกนายทิวากรยังปิดปากเงียบไม่ยอมตอบคำถามนักข่าว ถึงปมเหตุในการทำร้ายยาย จนกระทั่งนักข่าวได้สอบถามนายทิวากรว่าตอนที่ทำร้ายยายรู้ตัวหรือไม่

 

นายทิวากรจึงได้ตอบคำถามนักข่าว ว่าที่ก่อเหตุทำร้ายยาย ตนเองรู้ตัวดี แต่ที่ทำไปเพราะโมโห และนายทิวากรไม่ยอมบอกสาเหตุว่าโมโหเรื่องอะไร แต่ได้บอกกันนักข่าวเพียงแค่ว่าเห็นหน้ายายก็เข้าไปเตะเลย

 

จากนั้นนักข่าวได้ถามนายทิวากรว่าอยากขอโทษยายไหม ซึ่งนายทิวากรได้ตอบปฏิเสธว่าไม่ขอโทษ  ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะควบคุมตัวนายทิวากรไปห้องขัง

 

จากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางมาบ้านที่เกิดเหตุ โดยพบว่าทางครอบครัวได้จัดประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลให้กับนางเที่ยง และได้มีการสวดอภิธรรมศพเป็นคืนแรก ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัวและญาติพี่น้อง โดยเฉพาะแม่ของนายทิวากร ผู้ต้องหาและยังเป็นลูกสาวของนางเที่ยง ที่อยู่ในอาการเศร้าโศกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนไม่สามารถออกมาให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวได้

 

ต่อมาเราจึงได้สอบถามพี่ชายนายทิวากร ผู้ต้องหา เปิดเผยกับเราว่า วันเกิดเหตุตนเองทราบแค่ว่ายายนั่งอยู่ข้างประตูบ้าน ส่วนแม่อยู่ที่หลังบ้าน ซึ่งในช่วงที่เกิดเหตุมีเพียงแม่ที่อยู่กับยายและนายทิวากร ซึ่งแม่เป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ตอนนี้สภาพจิตใจย่ำแย่และยังคงทำใจไม่ได้ จึงยังไม่สามารถเล่ารายละเอียดให้กับใครฟังได้

 

พี่ชายนายทิวากร ยอมรับว่า เมื่อก่อนน้องชายติดยาเสพติด แต่ในช่วงหลังได้เลิกเสพไปแล้วเกือบ 2 ปีเนื่องจากว่าต้องทานยาผู้ป่วยจิตเวช ซึ่งช่วงแรกน้องชายทานยาผู้ป่วยจิตเวชเป็นประจำ แต่ในช่วงหลังตนเองก็ไม่รู้ว่าน้องชายทานยาผู้ป่วยจิตเวชต่อเนื่องหรือไม่ เนื่องจากว่าตนเองอยู่คนละบ้านกัน ส่วนตนเองไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร น้องชายจึงได้ลงมือทำร้ายยาย แต่โดยส่วนตัวคาดว่าน่าจะไม่ได้ทานยาผู้ป่วยจิตเวช

หลานทรพีเตะเสยคางยาย 91 ขาดใจตายคาบาทา อึ้งคำสารภาพแค่เห็นหน้าก็ฆ่าเลย