จากกรณีที่มีคลิปวงจรปิดของบ้านหลังหนึ่งบันทึกภาพชาย 2 คนมีเรื่องชกต่อยกันอย่างสุดโหด โดยชายที่สวมเสื้อสีฟ้าทั้งต่อยทั้งเตะหลายครั้งจนสลบ จากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ทับร่าง โดยเหตุเกิดที่บ้านหนองขาม เขตเทศบาลตำบลหนองบัว เหตุเกิดวันที่ 3 มีนาคม 2567 หลังเกิดเหตุกว่าคนจะเข้ามาช่วยเหลือก็ช่วงสายของอีกวัน






ต่อมาทีมข่าวได้เดินทางไปคุยกับ น.ส.แมวเหมียว (นามสมมติ) อายุ 21 ปี หลานนายปานทอง คนเจ็บ ที่บ้านห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 เมตร โดย น.ส.แมวเหมียว เล่าว่า วันเกิดเหตุตนเองไปบ้านญาติ จึงไม่รู้ว่าเกิดเหตุอะไรขึ้นกับอา ตนรู้เพียงแค่ว่าช่วงเที่ยงคืนอากลับมาบ้าน มาเอาเงินแล้วขี่รถจักรยานยนต์ออกไปดูหมอลำคนเดียว ที่วัดห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับอา


จนกระทั่งเช้า ย่าซึ่งเป็นแม่ของนายปานทองเดินออกมาถนนหน้าบ้าน เห็นรถจักรยานยนต์ของลูกชายจอดอยู่ แต่ไม่เจอตัวอาจึงได้ไปสอบถามเพื่อนบ้านที่อยู่ละแวกที่เกิดเหตุ จึงได้ทราบว่าเกิดเหตุการณ์ขึ้นกับอาและตอนนี้ตัวอาอยู่ที่โรงพยาบาล


สำหรับตัวอา ยอมรับว่า เป็นคนกินเหล้าแต่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใคร โดยอาเป็นคนชอบสันโดษ ไปเที่ยวงานก็กลับบ้านปกติ ไม่เคยมีเรื่องหรือมีปัญหากับใคร




น.ส.แมวเหมียว ยังบอกอีกว่า นอกจากอาที่บาดเจ็บสาหัสแล้ว ย่า แม่ผู้บาดเจ็บก็ยังต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลด้วยเนื่องจากหลังเกิดเหตุ ย่าตกใจมากจนหงายหลังตกจากเก้าอี้หัวแตก ทำให้ตอนนี้ตนต้องดูอาการทั้ง 2 คน


ตอนนี้อยากให้ตำรวจเร่งติดตามจับคนร้ายให้เร็วที่สุด ไม่ใช่แค่คนก่อเหตุแต่อยากให้เอาผิดคนที่อยู่ในกลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมด เพราะถือว่ามาที่เกิดเหตุ แม้จะไม่ได้ลงมือแต่ก็ไม่ได้ห้าม ซึ่งจากการพูดคุยกับคนในละแวกบ้านก็เชื่อว่าผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นคนในพื้นที่


นอกจากนี้ ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด นาทีที่ผู้ก่อเหตุขี่รถกลับไปตามเพื่อนมาดูคนเจ็บ ที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครสนใจที่จะนำผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล โดยภาพจากกล้องวงจรปิดเวลา 01.16 น. ของวันที่ 3 มี.ค. หลังจากที่คนก่อเหตุชายเสื้อสีฟ้าจะขี่รถจักรยานยนต์ไปตามกลุ่มเพื่อนประมาณ 3-4 คน มาที่เกิดเหตุ บางคนไม่ใส่เสื้อมา โดยที่คู่กรณีนอนแน่นิ่งไปแล้ว




ซึ่งระหว่างนั้นก็มีชาวบ้านขี่รถผ่านไปผ่านมา เนื่องจากว่าเป็นช่วงที่หมอลำที่จัดขึ้นในวัดใกล้จุดเกิดเหตุเลิกพอดี แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วย ก่อนที่ทั้งหมดจะพากันขี่รถแยกย้ายกันหลบหนีไป ต่อมาเวลาประมาณ 01.36 น. จะเห็นรถพยาบาลมาถึงที่เกิดเหตุ และนำร่างของผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลในสภาพอาการสาหัส


อีกทั้งทีมข่าวยังได้ภาพจากกล้องวงจรปิดหน้าบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับวัดที่มีการจัดงานบุญประเพณีและมีหมอลำมาแสดงเมื่อคืนวันที่ 3 มี.ค. ที่ผ่านมา สามารถบันทึกชนวนเหตุที่ทำให้ นายปานทองถูกรถจักรยานยนต์ขี่ไล่ทำร้าย ก่อนจะโดนกระทืบจนหมดสติและขี่รถทับร่างซ้ำ จนอาการสาหัสเป็นตายเท่ากัน


จากกล้องจะเห็นว่าตั้งแต่ช่วงเวลาตี 1 ของคืนวันที่ 3 มี.ค. จะได้ยินเสียงรถจักรยานยนต์ ขี่ผ่านและเบิ้ลเครื่องเสียงดัง โดยขี่วนไปมาหลายรอบตั้งแต่ตี 1 จนถึง 1.10 น. ซึ่งจากภาพกล้องวงจรปิดตัวนี้เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้น เนื่องจากผู้ที่อยู่ในงานซึ่งนั่งดื่มเหล้ากันอยู่ในวัด ไม่พอใจที่นายปานทองขี่รถจักรยานยนต์โดยเบิ้ลเครื่องเสียงดังไปมาจนตามไปทำร้าย




ต่อมาเวลา 18.51 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองอุดรธานี ได้นำตัวนายสุรพล อายุ 33 ปี ผู้ก่อเหตุ พร้อมรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุมาที่โรงพัก หลังจากที่ตำรวจตามไปจับกุมตัวได้ที่บ้านพักในบ้านหนองขาม ระหว่างที่ตำรวจคุมตัวนายสุรพล มาสอบปากคำที่ห้องสืบสวน ทีมข่าวได้สอบถามผู้ก่อเหตุถึงปมเหตุที่ก่อเหตุ โดยนายสุรพล ยืนยันว่า ปมเหตุมาจากที่ผู้บาดเจ็บมาเบิ้ลเครื่องรถจักรยานยนต์สร้างความรำคาญที่งานหมอลำ วัดบ้านหนองขาม พร้อมปัดตอบปมเหตุที่ต้องขี่รถจักรยานยนต์เหยียบร่างคนเจ็บ ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวเข้าห้องสืบสวนเพื่อสอบปากคำ


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แถลงข่าวการจับกุมตัวนายสุรพล ผู้ก่อเหตุ พร้อมแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น ขณะที่ทางด้านนายสุรพล ให้การสารภาพว่า วันเกิดเหตุตนเองนั่งดื่มเหล้าและเบียร์อยู่ในงานหมอลำ แต่ในระหว่างนั้นผู้บาดเจ็บได้เบิ้ลเครื่องรถจักรยานยนต์ และขี่วนรอบวัด ก่อกวน สร้างความรำคาญ ด้วยความโมโหและยอมรับว่าขาดสติ จึงได้ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามผู้บาดเจ็บไป




ซึ่งทันทีที่ไปถึงที่เกิดเหตุผู้บาดเจ็บได้ขี่รถจักรยานยนต์เฉี่ยวรถจักรยานยนต์ของตนเองจนเกือบจะล้ม โดยได้ปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคนถีบรถจักรยานยนต์ผู้บาดเจ็บล้ม แต่ผู้บาดเจ็บขี่รถล้มเอง จากนั้นตนเองได้เดินเข้าไปต่อยผู้บาดเจ็บเพียงแค่หมัดเดียว หลังจากนั้นจำอะไรไม่ได้อีกเลย จำไม่ได้ว่าได้ไปกระทืบผู้บาดเจ็บซ้ำ รวมไปถึงจำไม่ได้ว่าได้ขี่รถจักรยานยนต์เหยียบผู้บาดเจ็บตอนไหน


นายสุรพล ยังอ้างว่า ช่วงเกิดเหตุนอกจากจะจำได้ได้ว่าต่อยผู้บาดเจ็บเพียงหมัดเดียว หลังจากนั้นได้ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรียกเพื่อนให้มาโทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มารับผู้บาดเจ็บที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นตนเองก็ขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านและไปทำงานตามปกติ


จนกระทั่งมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมตัวได้ และตนเองก็เพิ่งจะมาเห็นภาพจากกล้องวงจรปิดที่ตนเองก่อเหตุ ยอมรับว่ารับไม่ได้กับพฤติกรรมของตนเองเช่นกัน แต่ก็ยังยืนยันว่าจำเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย แม้กระทั่งตอนที่ตนเองก่อเหตุและได้ถ่ายคลิปผู้บาดเจ็บไว้ ตนเองก็ยังจำไม่ได้ พร้อมกับอยากขอโทษครอบครัวของผู้บาดเจ็บ ที่ตนเองทำไปเพราะขาดสติและอารมณ์ชั่ววูบ

รวบไอ้โหด! ฉุนเบิ้ลเครื่อง ไล่ถีบ จยย. ล้มกระทืบสลบ ขี่รถทับซ้ำเจ็บสาหัส